รอยเตอร์ - วุฒิสภาบราซิลลงมติถอดถอนประธานาธิบดี ดิลมา รุสเซฟฟ์ พ้นจากตำแหน่งในวันพุธ (31 ส.ค.) โทษฐานละเมิดกฎหมายงบประมาณ สิ้นสุดกระบวนการถอดถอนที่ทำให้ประเทศซึ่งห้อมล้อมไปด้วยเรื่องอื้อฉาวแห่งนี้แตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย และการเมืองต้องแน่นิ่งเป็นเวลากว่า 9 เดือน
โฮเซ เอร์ดูอาร์โด คาร์โดโซ ทนายความของเธอและอดีตอัยการสูงสุด บอกกับผู้สื่อข่าวในวันพุธ (31 ส.ค.) หลังรับทราบผลการลงมติ ว่าประธานาธิบดีรุสเซฟฟ์จะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงต่อไป
สมาชิกวุฒิสภาลงมติ 61-20 เสียง ตัดสินว่านางรุสเซฟฟ์กระทำผิดกฎหมายด้วยการใช้เงินจากเหล่าธนาคารของรัฐไปอุดรูรั่วทางด้านงบประมาณในปี 2014 สิ้นสุดช่วงเวลา 13 ปีที่พรรคคนงาน (PT) พรรคซ้ายจัด ปกครองชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของละตินอเมริกา
นายมิเชล เทเมอร์ อดีตรองประธานาธิบดี ที่ทำหน้าที่เป็นประธานาธิบดีรักษาการ ตั้งแต่ที่รัฐสภาเริ่มต้นกระบวนการถอดถอนรุสเซฟฟ์เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม ได้เข้าพิธีสาบานตนทันทีในวันพุธ (31 ส.ค.) สำหรับนั่งเก้าอี้ผู้นำประเทศไปจนหมดวาระตลอดปี 2018
อย่างไรก็ตาม วุฒิสภาบราซิลลงมติ 42 ต่อ 36 ไม่ห้ามเธอจากการดำรงตำแหน่งสาธารณะ โดยคงสิทธิทางการเมืองแก่เธอ ขณะที่ภายใต้กฎหมายของบราซิล วุฒิสภาต้องให้ความเห็นชอบ 2 ใน 3 สำหรับห้ามประธานาธิบดีที่ถูกถอดพ้นเก้าอี้จากหน้าที่การงานราชการใดๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งเป็นอาจารย์ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ของรัฐ
ประธานาธิบดีหญิงคนแรกของบราซิลปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรผิด และบอกว่ากระบวนการถอดถอนมีเป้าหมายปกป้องผลประโยชน์ของชนชั้นสูงทางเศรษฐกิจของประเทศและล้มเลิกโครงการสวัสดิการทางสังคมที่ช่วยพลเมืองจำนวนหลายล้านหลุดพ้นจากความยากจนระหว่างทศวรรษที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายตรงข้ามของเธอยกย่องการถอดถอนครั้งนี้ว่าเป็นโอกาสก้าวหลุดพ้นจากวิกฤตทางการเมือง จากภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งเลวร้ายที่สุดในหลายชั่วอายุคน และกวาดล้างเรื้องอื้อฉาวคอร์รัปชันในเปโตรบาส บริษัทน้ำมันแห่งรัฐ
เหล่าผู้ขับขี่พากันบีบแตรรถยนต์กลางเมืองหลวงของบราซิล แสดงความยินดีต่อมติถอดถอนนางรุสเซฟฟ์ ผู้ที่คะแนนนิยมดำดิ่งเหลือเลขหลักเดียวนับตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งอีกสมัยเมื่อปี 2014 ส่วนที่เซาเปาลู เมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ มีการยิงพลุไฟฉลองหลังทราบผลโหวต
นายเทรเมอร์ประกาศจะกระตุ้นเศรษฐกิจที่หดตัวมา 6 ไตรมาสติดต่อกัน และจะนำเอามาตรการเข้มงวดกวดขันต่างๆ มาบังคับใช้เพื่ออุดรูรั่วการขาดดุลงบประมาณที่กำลังเพิ่มทวีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งทำให้บราซิลถูกลดอันดับจากเครดิตเรตติ้งระดับที่ถือว่าสามารถลงทุนได้เมื่อปีที่แล้ว
กระนั้นเขาก็เสี่ยงที่จะเจอการต่อต้านจากเหล่านักการเมืองของพรรคคนงาน ที่ประกาศว่าจะระดมพลสู่ท้องถนนเพื่อดำเนินการประท้วง