xs
xsm
sm
md
lg

สิงคโปร์ยืนยันเคสติดเชื้อไวรัสซิการะบาดพุ่ง 41 ราย ส่วนใหญ่เป็นก่อสร้างต่างชาติประวัติไม่เคยเดินทางไปกลุ่มประเทศเสี่ยง โบ้ยประเทศเพื่อนบ้านยังคงระบาดไม่หยุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


รอยเตอร์ - สิงคโปร์ยืนยันการติดเชื้อไวรัสซิกาภายในประเทศพบแล้วอย่างน้อย 41 ราย เกิดในหมู่คนงานก่อสร้างชาวต่างชาติที่ไม่เคยเดินทางไปกลุ่มประเทศเสี่ยงมาก่อน ด้านกระทรวงสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมสิงคโปร์ออกแถลงการณ์วันอาทิตย์ (28 ส.ค.) ระบุยังเหลือคนไข้ติดเชื้อไวรัสซิกาอีก 7 รายที่ยังคงต้องยังคงต้องได้รับการรักษาตัวในโรงพยาบาลต่อไป พร้อมอ้างประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ยังพบการระบาดไวรัสซิกาไม่หยุด

รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (28 ส.ค.) ว่า คนไข้ติดเชื้อไวรัสซิกาเกือบทั้งหมดหายป่วย ยกเว้นเพียงแต่อีก 7 รายที่ยังต้องเข้ารับการรักษาตัวต่อภายในโรงพยาบาล จาก 41 รายทั้งหมดที่ได้รับเชื้อไวรัสซิกา กระทรวงสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมสิงคโปร์ออกแถลงการณ์ระบุในวันอาทิตย์ (28)

โดยวันเสาร์ (27 ส.ค.) ก่อนหน้านี้ ทางการสิงคโปร์ได้ยืนยันว่าหญิงชาวมาเลย์วัย 47 ปี อาศัยอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะเป็นเหยื่อรายแรกที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสซิกาโดยการระบาดภายในประเทศ

ทางการสิงคโปร์ได้เปิดเผยว่า ได้ทำการตรวจทดสอบจำนวน 124 คน ส่วนใหญ่เป็นคนงานก่อสร้างต่างชาติที่ทำงานอยู่ภายในเขตไซต์งานที่ในขณะนี้ได้ถูกสั่งให้หยุดการก่อสร้างชั่วคราว และเจ้าหน้าที่ของหอพักถูกนำตัวไปทดสอบหาเชื้อ โดยพบว่า 78 คนมีผลตรวจเป็นลบ ในขณะผลตรวจอีก 5 คนอยู่ในระหว่างการรอฟังผลที่จะออกมา ในขณะที่คนไข้ติดเชื้อไวรัสซิกาจำนวน 34 รายได้รับการรักษาจนหายป่วย

รอยเตอร์รายงานต่อว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพบชายชาวสิงคโปร์จำนวน 4 รายแสดงอาการป่วยด้วยโรตไข้ซิก้า และถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาในวันเสาร์ (27) ซึ่งในเบื้องต้นรอยเตอร์ชี้ว่ายังไม่มีทราบว่าคนงานก่อสร้างต่างชาติเหล่านี้สัญชาติอะไร และพวกเขาได้รับการติดเชื้อไวรัสซิก้าภายในสิงคโปร์ได้อย่างไร และเมื่อใดที่ติดเชื้อ ทั้งนี้สิงคโปร์เป็นแหล่งศูนย์รวมแรงงานต่างชาติจากเอเชียใต้

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสซิกาเหล่านี้ไม่เคยเดินทางไปยังกลุ่มประเทศเสี่ยงในแถบลาตินอเมริกา โดยในแถลงการณ์ของกระทรวงสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมสิงคโปร์ระบุว่า “นี่เป็นเหตุผลยืนยันการติดเชื้อเนื่องมาจากการระบาดภายในประเทศได้เกิดขึ้นแล้ว”

โดยในแถลงการณ์ของกระทรวงยังกล่าวต่อไปว่า “แต่กระนั้นยังไม่สามารถตัดปัจจัยการระบาดของชุมชนได้ สืบเนื่องมาจากมีผู้ติดเชื้อบางส่วนได้ทำงานหรืออาศัยในพื้นที่ต่างๆ ของสิงคโปร์” และกล่าวต่อว่า “ทางเราเชื่อว่าจะเห็นเคสการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นในอนาคต”

ด้านองค์การอนามัยโลกได้ออกแถลงการณ์ถึงการระบาดไวรัสซิก้าในเอเชียว่า “ในขณะนี้ยังไม่ทราบว่าสายพันธุ์ใดของไวรัสซิก้าที่ได้เกิดระบาดขึ้น และรวมไปถึงระดับภูมิคุ้มกันของประชาชนต่อเชื้อไวรัสซิกาที่กำลังระบาดอยู่ในเอเชีย”

องค์การอนามัยโลกยังกล่าวต่อว่า “แต่อย่างไรก็ตาม ถือเป็นเรื่องจำเป็นที่ประเทศต่างๆ ต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง และคอยควบคุม รวมไปถึงให้ข้อมูลกับประชาชนถึงความเสี่ยงของไวรัสซิกา และการติดเชื้อและการป้องกันตัว นอกจากนี้ยังต้องเตรียมระบบสาธารณสุขให้พร้อมรับมือเพื่อป้องกัน ควบคุมและจัดการระบาดหากเกิดขึ้น และรับต่อผลที่จะตามมาหลังจากนั้น”

รอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลสิงคโปร์ได้ส่งเจ้าหน้าที่ NEA จำนวนร่วม 200 รายทำความสะอาดระบบท่อน้ำทิ้ง และพ่นยาฆ่าการวางไข่ของยุงพาหะตามแหล่งน้ำขังต่างๆในแหล่งชุมชนในวันอาทิตย์ (28 ส.ค.) นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครยังได้แจกใบปลิวความรู้โรคไวรัสซิกาและยากันยุงให้กับชุมชน

ในส่วนของการให้บริการสาธารณสุขต่างๆ ของสิงคโปร์ได้มีความตื่นตัวและเฝ้าระวังการระบาดโรคซิกาอย่างใกล้ชิด แต่อย่างไรก็ตาม ทางการสิงคโปร์อ้างว่ายังคงมีการระบาดโรคไข้ซิการะดับภูมิภาคเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกิดขึ้นในอินโดนีเซีย ไทย และเวียดนาม และประเทศอื่นๆ ที่ได้รับเชื้อไวรัสซิกาตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา ซึ่งรวมไปถึงกัมพูชา บังกลาเทศ ลาว มาเลเซีย มัลดีฟส์ และฟิลิปปินส์ อ้างจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก

ด้านมาเลเซียได้ออกแถลงการณ์ในวันอาทิตย์ (28 ส.ค.) ประกาศเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังในบริเวณจุดผ่านทางเข้าออกประเทศเชื่อมกับสิงคโปร์ ซึ่งมาตรการเหล่านี้ยังรวมไปถึงการแจกจ่ายแผ่นพับการให้ความรู้การป้องกันโรคไข้ซิกา และรวมไปถึงการเตรียมเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้ความช่วยเหลือตลอดเวลาในการส่งต่อนักท่องเที่ยวซึ่งมีอาการโรคไวรัสซิกายังโรงพยาบาล

ส่วนไทยที่มีการพบเคสติดเชื้อไวรัสซิกาเกือบ 100 รายที่เกิดขึ้นใน 10 จังหวัดทั่วประเทศภายในปีนี้ หน่วยป้องกันโรคติดต่อของไทยได้ตรวจสอบนักกีฬาที่กลับมาจากการเข้าร่วมรายการโอลิมปิกที่ถูกจัดขึ้นในบราซิล แต่นอกเหนือจากนี้ทางไทยยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาตรการเฝ้าระวังแต่อย่างใด รอยเตอร์ชี้

“ทุกประเทศในภูมิภาคนี้ล้วนมีการติดต่อด้วยโรคไวรัสซิกาแล้วทั้งสิ้น” ศ.นพ.ประเสิร์ฐ ทองเจริญ ที่ปรึกษา DDC ชี้ และกล่าวต่อว่า แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของไทยสามารถควบคุมปัญหาด้วยวิธีการตรวจจับตั้งแต่ระยะเริ่มแรก"

ในขณะที่โฆษกกระทรวงต่างประเทศอินโดนีเซียกล่าวว่า ทางอินโดนีเซียกำลังเฝ้าระวังการพัฒนาของสถานการณ์ ในขณะที่ออสการ์ ปริบาดี (Oskar Pribadi)เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียให้ข้อมูลกับรอยเตอร์ว่า ล่าสุดนี้ทางการอินโดนีเซียไม่พบเคสการติดเชื้อไวรัสซิกาภายในประเทศ

ส่วนเวียดนามรายงานว่า มีการพบการติดเชื้อไวรัสซิกา 3 รายเกิดขึ้นจากการติดเชื้อภายในประเทศล่าสุด




กำลังโหลดความคิดเห็น