เอเอฟพี - อิหร่านส่งระบบขีปนาวุธพิสัยไกลที่ผลิตโดยรัสเซียไปยังภาคกลางของประเทศเพื่อป้องกันโรงงานนิวเคลียร์ใต้ดินฟอร์โด (Fordo) สถานีโทรทัศน์แห่งชาติอิหร่านรายงานเมื่อวันอาทิตย์ (28 ส.ค.)
พล.อ.ฟาร์ซัด เอสไมลี ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันทางอากาศอิหร่าน ให้สัมภาษณ์ต่อสถานีโทรทัศน์ IRIB ว่า การปกป้องโรงงานนิวเคลียร์ทุกแห่งถือว่ามีความสำคัญสูงสุด “ในทุกๆ สถานการณ์”
“เวลานี้น่านฟ้าอิหร่านเรียกได้ว่ามีความปลอดภัยที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค”
ภาพจากคลิปวิดีโอเผยให้เห็นรถบรรทุกขีปนาวุธรุ่น S-300 กำลังยกแท่นยิงขีปนาวุธหันออกสู่ท้องฟ้า และยังมีอาวุธสำหรับสกัดกั้นการโจมตีอีกหลายรายการ
ภาพเหล่านี้ถูกเผยแพร่เพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจาก อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ได้แสดงปาฐกถาต่อบรรดาผู้นำทัพฟ้า รวมถึงเอสไมลี โดยเน้นย้ำว่าแสนยานุภาพทางทหารของอิหร่านมีไว้เพื่อป้องกันตนเองเท่านั้น
“การคัดค้านและเผยแพร่ข้อมูลเกินจริงเกี่ยวกับระบบขีปนาวุธ S-300 ที่โรงงานฟอร์โด ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงความชั่วร้ายของพวกศัตรู” คอเมเนอีระบุ
“ระบบขีปนาวุธ S-300 มีไว้เพื่อป้องกัน ไม่ใช่โจมตี แต่ที่ผ่านมาชาวอเมริกันกลับพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะไม่ให้อิหร่านได้ครอบครองมัน”
โรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โดซึ่งสร้างขึ้นโดยการเจาะภูเขาใกล้ๆ กับเมืองกอม (Qom) ได้ยุติการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมมาตั้งแต่เดือน ม.ค. ปีนี้ ตามข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์ที่เตหะรานทำร่วมกับกลุ่มมหาอำนาจ P5+1 ซึ่งได้แก่ สหรัฐฯ จีน ฝรั่งเศส อังกฤษ รัสเซีย บวกเยอรมนี
ภายใต้ข้อตกลงฉบับประวัติศาสตร์นี้ รัฐบาลอิหร่านยอมที่จะทำลายเครื่องหมุนเหวี่ยงวัสดุนิวเคลียร์ (centrifuges) ส่วนใหญ่ จากที่มีอยู่ทั้งหมดราว 19,000 ตัว โดยเก็บไว้ใช้เพื่อการวิจัยเพียง 5,000 ตัวเท่านั้น
ผู้แทนจากเตหะรานและ P5+1 ใช้เวลาเจรจานานกว่า 2 ปีก่อนจะบรรลุข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ในเดือน ก.ค. ปี 2015 โดยนานาชาติจะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ เพื่อแลกกับการที่อิหร่านยอมจำกัดศักยภาพโครงการนิวเคลียร์ของตน