เอเอฟพี - รัสเซียแถลงในวันจันทร์ (9 พ.ย.) ว่าตกลงเดินหน้าข้อตกลงส่งมอบขีปนาวุธ S-300 หลังากมอสโกระงับข้อตกลงก่อนหน้านี้ สืบเนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติที่มีต่อเตหะราน
“สัญญาระหว่างรัสเซียและอิหร่าน สำหับการส่งมอบระบบขีปนาวุธ S-300 กลับมามีผลบังคับใช้” รัสเซียน เทคโนโลยีส์ รัฐวิสาหกิจแดนหมีขาวระบุในถ้อยแถลง พร้อมระบุว่าทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในสัญญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อเดือนเมษายน มอสโกยกเลิกคำสั่งห้ามขายระบบขีปนาวุธแก่อิหร่าน ก่อนหน้าที่เตหะรานจะบรรลุข้อตกลงประวัติศาสตร์กับเหล่าชาติมหาอำนาจในเดือนกรกฎาคม สำหรับการระงับโครงการนิวเคลียร์ของพวเขา
การตัดสินใจดังกล่าวเรียกเสียงประณามจากอิสราเอลและก่อความกังวลจากวอชิงตัน ด้วยมันเกิดขึ้นก่อนหน้าที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร
รัสเซียโต้แย้งว่าระบบขีปนาวุธดังกล่าวมีไว้สำหรับป้องกันตนเองโดยเฉพาะและไม่ได้อยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรด้วยซ้ำ
มอสโกเคยระงับการส่งมอบขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศ S-300 แก่อิหร่านเมื่อปี 2010 หลังจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกำหนดมาตรการสกัดกั้นโครงการนิวเคลียร์ของเตหะราน ด้วยการห้ามขายอาวุธล้ำสมัยให้
อิหร่าน ยื่นฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อศาลอนุญาโตตุลาการในเจนีวา ต่อกรณีที่รัสเซียยกเลิกข้อตกลงในการขาย S-300 ให้อิหร่านจำนวน 5 ชุดด้วยกันภายใต้วงเงิน 800 ล้านดอลลาร์ แต่ถูกศาลปฏิเสธ
มอสโกเผยว่าตอนนี้พวกเขาได้ยื่นข้อเสนอแก่อิหร่านด้วยอาวุธรุ่นที่มีความทันสมัยกว่าเดิม แต่ยังไม่มีการแถลงต่อสาธารณชนว่าจะมีการส่งมอบกันเมื่อไหร่ ขณะที่ทางรัสเซียน เทคโนโลยีส์ เผยว่าทางเตะหรานตอบตกลงว่าจะถอนฟ้องร้องทางกฎหมายต่อรัสเซีย เมื่อมีการปฏิบัติตามสัญญาในส่วนแรกลุล่วงแล้ว
รัสเซียและอิหร่านต่างเป็นพันธมิตรที่ให้การสนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรีย ซึ่งทั้งสองฝ่ายกำลังให้ความช่วยเหลือกองกำลังรัฐบาลต่อสู้รบกับฝ่ายกบฏ ที่ได้รับการหนุนหลังจากพันธมิตรตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ