xs
xsm
sm
md
lg

สหประชาชาติยืนยันผู้นำกบฏซูดานใต้เข้าลี้ภัยใน สปชต.คองโกแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ภาพจากรอยเตอร์
เอเจนซีส์ / MGR online - ฟาร์ฮาน ฮัก โฆษกประจำภารกิจขององค์การสหประชาชาติในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (MONUSCO) ออกคำแถลงในวันพฤหัสบดี (18 ส.ค.) ยืนยัน รองประธานาธิบดี รีค มาชาร์ ผู้นำฝ่ายกบฏในประเทศเพื่อนบ้านอย่างซูดานใต้ ได้เดินทางเข้ามาลี้ภัยในอดีตดินแดนอาณานิคมของเบลเยียมแห่งนี้แล้วตั้งแต่เมื่อวันพุธ (17) ที่ผ่านมา

คำแถลงของโฆษกประจำภารกิจของยูเอ็นในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกระบุ รองประธานาธิบดี รีค มาชาร์ ผู้นำฝ่ายกบฏซูดานใต้ได้ยื่นขอลี้ภัยในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ซึ่งทางสหประชาชาติก็ได้รับการร้องขอจากรัฐบาลในกรุงคินชาซาให้ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางของมาชาร์ ก่อนจะส่งมอบตัวเขาให้ทางรัฐบาลคองโกอย่างปลอดภัยแล้ว

“เราขอยืนยันว่า สหประชาชาติได้ให้ความช่วยเหลือแก่มาชาร์ในการขอลี้ภัยในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกครั้งนี้ด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม โดยการช่วยเหลือซึ่งรวมถึงการเดินทางไปรับตัวมาชาร์และการส่งแพทย์ไปตรวจสุขภาพของเขานั้น เกิดขึ้นใกล้กับชายแดนซูดานใต้” โฆษก MONUSCO เผย

อย่างไรก็ดี โฆษกประจำภารกิจของยูเอ็นในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติมใดๆ เกี่ยวกับสถานที่พักของมาชาร์ ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

ก่อนหน้านี้มีรายงานซึ่งอ้างแหล่งข่าวที่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง “SPLM-IO” ของมาชาร์ว่า รองประธานาธิบดีซูดานใต้ผู้นี้ได้เดินทางถึงกรุงคินชาซา ที่เป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกอย่างปลอดภัยแล้ว โดยการช่วยเหลือของสหประชาชาติ และมีแผนในการเดินทางต่อไปยังเอธิโอเปียในไม่ช้า

การตัดสินใจเดินทางหลบหนีออกจากซูดานใต้ของมาชาร์มีขึ้นภายหลังจากที่สงครามกลางเมืองและความขัดแย้งที่นำไปสู่การฆ่าฟันนองเลือดระลอกใหม่ได้ปะทุขึ้นอีกในซูดานใต้เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ถึงแม้สงครามกลางเมืองระลอกที่แล้วจะเพิ่งปิดฉากยุติลงไปเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2015 หลังคู่ขัดแย้งยอมหันหน้าเข้าพูดคุยกันและตกลงจะจับมือกันตั้ง “รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ” ในประเทศเอกราชน้องใหม่ของโลกแห่งนี้ที่เพิ่งได้ลิ้มรสอิสรภาพ หลุดพ้นจากการปกครองของซูดานมาได้เพียง 5 ขวบปี ผ่านกระบวนการลงประชามติเมื่อ 9 กรกฎาคม ปี 2011

สงครามกลางเมืองระลอกที่แล้วในซูดานใต้ปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ปี 2013 หรือหลังจากที่ซูดานใต้เป็นเอกราชได้เพียง 2 ขวบปี และความขัดแย้งนี้เพิ่งสิ้นสุดลงเมื่อ 26 สิงหาคมในปีที่แล้ว โดยต้องแลกกับยอดผู้เสียชีวิตภายในประเทศที่คาดว่าอาจมีจำนวนสูงเกินกว่า 300,000 ราย ยังไม่นับรวมพลเรือนอีกมากกว่า 1,860,000 รายที่ต้องอพยพหนีตายออกจากถิ่นฐานบ้านเรือนของตน

ก่อนหน้านี้องค์การสหประชาชาติออกโรงเตือนเมื่อ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา ถึงหายนะที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังสงครามกลางเมืองรอบใหม่ปะทุขึ้นในประเทศนี้ โดยระบุราว 3 ใน 4 ของประชากรซูดานใต้ในเวลานี้ตกอยู่ในสภาวะที่ต้องการความช่วยเหลือด้าน มนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน หลังประเทศของตนถลำกลับเข้าสู่วังวนแห่งความขัดแย้งภายในและสงครามกลางเมืองรอบใหม่

เอตาแร็ง กูแซ็ง ผู้อำนวยการ “โครงการอาหารโลก” แห่งสหประชาชาติ (UN’s World Food Program) ออกมาระบุว่า สงครามกลางเมืองที่ปะทุขึ้นใหม่ถือเป็นข่าวร้ายสำหรับประชากรซูดานใต้ที่อดอยากหิวโหยและมีชีวิตที่ทุกข์ยากอยู่เป็นทุนเดิมให้ต้องเผชิญกับชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งขึ้น

ซูดานใต้ ประเทศเอกราชเกิดใหม่แห่งล่าสุดของโลก ถลำกลับเข้าสู่ภาวะสงครามกลางเมืองอีกครั้งหลังทหารฝ่ายรัฐบาลและกองกำลังฝ่ายกบฏเปิดฉากการสู้รบอย่างดุเดือดในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องมากกว่า 300 ราย ท่ามกลางรายงานข่าวที่ยังไม่มีการยืนยันว่าจำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริงอาจมีเกินกว่า 1,000 ราย

ขณะเดียวกัน องค์การสหประชาชาติระบุด้วยว่า ความขัดแย้งรอบใหม่ที่ปะทุขึ้นในซูดานใต้ ส่งผลให้มีประชากรไม่ต่ำกว่า 36,000 รายต้องอพยพหนีตายออกจากกรุงจูบาที่เป็นเมืองหลวง

ด้านรายงานข่าวซึ่งอ้าง พันเอก วิลเลียม กัตจิอัธ โฆษกกองกำลังฝ่ายกบฏของรองประธานาธิบดี รีค มาชาร์ ออกมาเปิดเผยต่อ “บีบีซี” สื่อดังของอังกฤษ โดยระบุว่า ประธานาธิบดี ซัลวา คิอีร์ ผู้นำซูดานใต้ “ไม่จริงจัง” และ “ไม่จริงใจ” กับการยึดมั่นในข้อตกลงสันติภาพที่ทำไว้กับฝ่ายกบฏ และกล่าวหาทหารของฝ่ายรัฐบาลว่าเป็นฝ่ายที่เปิดฉากโจมตีก่อนต่อที่มั่นของฝ่ายกบฏในกรุงจูบาที่เป็นเมืองหลวงของประเทศในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งนั่นบีบให้ฝ่ายกบฏต้องหันหลังให้กับกระบวนการสันติภาพ และหันมาจับอาวุธทำสงครามกลางเมืองกับฝ่ายรัฐบาลอีกครั้ง


กำลังโหลดความคิดเห็น