เอเจนซีส์ - ความตึงเครียดปะทุขึ้นอีกที่อเมริกา ในเมืองมิลวอกี เมื่อคืนวันอาทิตย์ (14 ส.ค.) โดยมีคนโดนยิงได้รับบาดเจ็บ 1 ราย กับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย บริเวณพื้นที่ซึ่งมีการยิงผู้ต้องสงสัยเสียชีวิตเมื่อวันก่อน จนทำให้เกิดการจลาจลโดยกลุ่มคนผิวดำที่ไม่พอใจ เดือดร้อนผู้ว่าวิสคอนซินต้องให้ทหารของกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเตรียมพร้อมเผื่อต้องออกมาคุมสถานการณ์
เรื่องตำรวจกระทำรุนแรงต่อคนแอฟริกัน-อเมริกัน ได้ทำให้เกิดการประท้วงเป็นระยะๆ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดการถกเถียงกันในระดับชาติเรื่องสีผิวและนโยบาย นำไปสู่การเคลื่อนไหวของกลุ่ม Black Lives Matter
หลังจากการชุมนุมอย่างสงบโดยผู้ประท้วงกลุ่มเล็กๆ ในช่วงก่อนหน้านั้น ตำรวจมิลวอกีก็ได้เปิดเผยในคืนวันอาทิตย์ ว่าพวกเขาได้ช่วยเหยื่อผู้ถูกยิงรายหนึ่ง แล้วนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยที่ยังไม่รู้ว่าผู้บาดเจ็บรายนี้เป็นผู้ประท้วงหรือไม่
นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หลังจากมีคนขว้างหินเข้าใส่กระจกรถยนต์สายตรวจ
ตำรวจบอกว่า พวกเขาเริ่มพยายามสลายฝูงชนหลังจากที่มีการยิงปืนเกิดขึ้น แถมยังมีวัตถุอย่างเช่น ก้อนหิน และขวดถูกขว้างเข้าใส่ตำรวจ โดยฝีมือผู้ประท้วง มีรายงานว่าผู้ประท้วงถูกจับกุมหลายคนด้วย
ตำรวจในชุดปราบจลาจลประมาณ 20 นาย ได้เผชิญหน้ากับผู้ประท้วงมากกว่า 100 ราย โดยมีการยื้อกันอยู่นานต่อเนื่อง จนถึงหลังเที่ยงคืน คั่นด้วยรายงานการยิงปืนบ้างประปราย
แม้จะมีความรุนแรง แต่ตำรวจบอกว่ากองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิยังไม่ถูกเรียกเข้ามาคุมสถานการณ์ ส่วนทางเจ้าหน้าที่กำลังเร่งทำงานเพื่อฟื้นฟูความเป็นระเบียบ
อย่างไรก็ตาม สกอต วอล์กเกอร์ ผู้ว่าการรัฐวิสคอนซิน ได้ให้กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิใช้มาตรการเตรียมพร้อม เผื่อกรณีที่เกิดความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น อันเป็นผลมาจากการเสียชีวิตของ ซิลวิลล์ สมิธ ผู้ต้องสงสัยวัย 23 ปี ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงขณะพยายามหลบหนี
เอ็ดเวิร์ด ฟลินน์ ผู้บังคับการตำรวจมิลวอกี ระบุในวันอาทิตย์ ว่าเขาได้ดูวิดีโอจากกล้องติดตามตัวเจ้าหน้าที่แล้ว พบว่า หลังจากถูกเรียกให้หยุดรถ สมิธได้หันมาหาตำรวจพร้อมกับมีปืนอยู่ในมือ
ในการแถลงข่าวร่วมกับทอม บาร์เร็ต นายกเทศมนตรีฟลินน์ได้บอกว่า เจ้าหน้าที่ผู้ยิงนั้นเป็นคนผิวดำ ขณะที่สื่อมวลชนรายงานว่า สมิธที่โดนยิงนั้นก็เป็นคนผิวดำเช่นกัน
เขาบอกว่า เมื่อดูวิดีโอแบบไม่มีเสียงของเหตุการณ์ดังกล่าว ดูเหมือนว่าตำรวจจะกระทำการภายในขอบเขตของกฎหมาย ตำรวจหยุดรถของสมิธเพราะมีพิรุธ จากนั้นก็มีการวิ่งไล่ล่ากันไปหลายสิบก้าว จนถึงทางตันระหว่างบ้านสองหลัง ส่วนช่วงเวลาที่ตำรวจยิงปืนนั้นไม่อาจตรวจสอบได้เพราะระบบเสียงมีการดีเลย์
“ผมรู้เท่าที่ผมเห็น จากที่ผมเห็นนะ ผมไม่ได้ยินเสียง ไม่รู้เหมือนกันว่าผลชันสูตรจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ดูเหมือนว่าเขาจะกระทำการภายในขอบเขตของกฎหมาย” ฟลินน์ กล่าวถึงตำรวจผู้ยิงสมิธ
ด้านนายกเทศมนตรีบอกว่า สมิธไม่ยอมทิ้งอาวุธตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ ก่อนจะถูกยิงเสียชีวิต
บาร์เร็ตบอกว่า สมิธนั้นมีบันทึกการถูกจับกุมยาวเป็นหางว่าว แถมเจ้าหน้าที่ยังเคยบอกไว้แล้วก่อนหน้านี้ว่า สมิธพกปืนกระบอกหนึ่งที่ขโมยมา แถมมีกระสุน 23 นัดอยู่ในแม็กกาซีน