เอเอฟพี - สำนักงานสืบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ได้เปิดฉากสืบสวนทางสิทธิพลเมืองวานนี้ (11 ส.ค.) ภายหลังที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงวัยรุ่นผิวดำ ซึ่งไม่ได้พกพาอาวุธคนหนึ่งเสียชีวิต จนจุดชนวนให้เกิดการก่อเหตุจลาจลแถบชานเมืองของมลรัฐมิสซูรี และปลุกปั่นให้เกิดสถานการณ์ตึงเครียดในประเด็นการเหยียดสีผิว
ครอบครัวของ ไมเคิล บราวน์ วัยรุ่นชายที่เสียชีวิต ได้ออกมาร้องขอ “ความเป็นธรรมให้แก่ลูกชาย” ขณะที่เหล่าผู้เห็นเหตุการณ์และเจ้าหน้าที่ตำรวจเล่าเหตุการณ์ขณะวัยรุ่นชายวัย 18 ปีผู้นี้เสียชีวิตขัดแย้งกัน ทั้งนี้ บราวน์ถูกยิงเสียชีวิตตอนกลางวันแสกๆ ในวันเสาร์ (9) ก่อนที่เขาจะเริ่มเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในอีก 2 วันข้างหน้า
เบนจามิน ครัมพ์ ทนายความของบราวน์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “เราคิดว่า เมื่อขั้นตอนทั้งหมเสร็จสิ้นลงแล้ว ความจริงก็จะปรากฏออกมอย่างชัดแจ้งว่า จริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น และเด็กหนุ่มคนนี้ถูกฆ่าตายยังไง” ขณะที่แม่ของผู้เสียชีวิตร่ำไห้สะอึกสะอื้นด้วยความโศกเศร้า
บรรดาผู้ประท้วงที่บุกปล้นสะดมห้างร้านกิจการกว่าสิบแห่งในเมืองเฟอร์กูสัน เทศมณฑลเซนต์หลุยส์ เมื่อช่วงดึกคืนวันอาทิตย์ (10) หลังจากคนในชุมชนออกมาร่วมกันไว้อาลัยบริเวณบาทวิถีที่บราวน์เสียชีวิต ก่อนที่สถานการณ์จะทวีความรุนแรงจนกลายเป็นเหตุปะทะระหว่างผู้ชุมนุมตำรวจที่พกพากระบอง และระดมขว้างแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม
ตำรวจระบุว่า มีผู้ถูกจับกุมทั้งหมด 32 คน ในขณะที่นายกเทศมนตรี เจมส์ โนว์เลส ออกมาวิงวอนให้ฝูงชนอยู่ในความสงบ ในเมืองที่ประชากรส่วนใหญ่จากทั้งหมด 21,000 คน เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาวไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้จึงต้องติดต่อขอกำลังเสริมจากชุมชนในละแวกใกล้เคียง
วานนี้ (11) บรรดาผู้ประท้วงได้กลับมารวมตัวกลางเมืองเฟอร์กูสันอีกครั้ง เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งพกพาอุปกรณ์บระงับเหตุจลาจลที่เข้าตรึงกำลังในพื้นที่ แต่ไม่มีรายงานว่าเกิดเหตุปะทะกันแต่อย่างใด ทางด้าน อีริก โฮลเดอร์ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กล่าวที่กรุงวอชิงตันว่า “สมควรมีการทบทวน” การเสียชีวิตของบราวน์ “อย่างเต็มที่”
เชอรีล มิมุระ โฆษกเอฟบีไอกล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า เอฟบีไอ และตำรวจเทศมณฑลเซนต์หลุยส์จะดำเนินการสืบสวนการเสียชีวิตของบราวน์ไปพร้อมๆ กัน
เธอระบุว่า “ยังไม่มีการกำหนดว่า การไต่สวนจะใช้เวลานานเท่าไร แต่เอฟบีไอจะอุทิศทรัพยากรที่จำเป็นในการสืบสวนเหตุการณ์นี้อย่างมีประสิทธิภาพ และละเอียดถี่ถ้วนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
วานนี้ (11) ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์ โดยคนจำนวนมากพากันกล่าวหาว่า บราวน์ถูก “ฆาตกรรม” ตลอดจนประณามเหตุรุนแรงที่ปะทุขึ้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ (10)
การตายของบราวน์ได้จุดชนวนให้มีผู้นำเหตุการณ์นี้ ไปเปรียบเทียบกับคดี “เทรย์วอน มาร์ติน” วัยรุ่นผิวสีมือเปล่าที่ถูก จอร์จ ซิมเมอร์ ยามอาสาสมัครยิงเสียชีวิต ในมลรัฐฟลอริดา เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2012 ขณะที่ผู้ลงมือก่อเหตุอ้างว่า ทำไปเพื่อป้องกันตัว และพ้นผิดจากข้อหาฆ่าคนตาย ในปีต่อมา
นอกจากนี้ เหตุสลดที่เกิดขึ้นกับบราวน์ยังจุดประกายให้เกิดประเด็นถกเถียงในเรื่องการเหยียดสีผิว และการบังคับใช้กฎหมายในสหรัฐฯ ภายหลังที่เมื่อเดือนที่แล้ว มีชายชาวแอฟริกัน - อเมริกัน ที่ป่วยเป็นโรคหอบหืดและมีลูก 5 คนเสียชีวิต โดยผู้ที่ผ่านมาเห็นเหตุการณ์เล่าว่า เขาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนครนิวยอร์กล็อกคอ
ครัมพ์ ทนายความสิทธิพลเมือง ผู้มีถิ่นฐานในมลรัฐฟลอริดา และก่อนหน้านี้เคยเป็นทนายให้ครอบครัวของ เทรย์วอน มาร์ติน และในเวลานี้เป็นตัวแทนให้ครอบครัวของบราวน์กล่าวว่า “เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่มีคนผิวสีจบชีวิตไปอย่างไร้เหตุผล”
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ยังมีเงื่อนงำ เนื่องจากผู้เห็นเหตุการณ์และตำรวจให้รายละเอียดไม่ตรงกัน
ดอเรียน จอห์นสัน ผู้อยู่ในเหตุการณ์ได้ให้รายละเอียดขณะบราวน์เสียชีวิตต่างจากเจ้าหน้าที่ โดยเขาเปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ เคเอ็มโอวี นิวส์ 4 ในเทศมณฑลเซนต์หลุยส์ว่า เขากำลังเดินกับ บราวน์ ตอนเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ควักอาวุธปืนออกมา
จอห์นสัน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ยิงบราวน์ ซึ่งหันไปข้างหลังและยกมือขึ้น พอเขาเริ่มล้มลง ตำรวจก็ยังเดินเข้ามา แล้วยิงเขาซ้ำอีกหลายนัด”
อย่างไรก็ตาม ในการแถลงข่าวออกอากาศผ่านทางโทรทัศน์เมื่อวันอาทิตย์ (10) จอน เบลมาร์ ผู้บังคับการตำรวจเทศมณฑลเซนต์หลุยส์กล่าวว่า บราวน์เสียชีวิต หลังทำร้ายร่างกายและพยายามแย่งปืนจากนายตำรวจคนหนึ่ง
หนังสือพิมพ์ โพสต์ดิสแพตช์ ระบุว่า เหตุการณ์นี้ได้จุดประกายให้เกิดความตึงเครียดระหว่างหน่วยตำรวจในท้องที่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนผิวขาว กับชาวชุมชนเมืองเฟอร์กูสัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน โดยทั้งสองมีความบาดหมางกันมาเนิ่นนาน
คอร์เนล วิลเลียมส์ บรูกส์ จากองค์กรพิทักษ์สิทธิพลเมือง NAACP ชี้ว่า “การที่มีชาวแอฟริกัน - อเมริกันอีกรายต้องจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของคนที่ให้สัตย์สาบานว่า จะปกป้องและรับใช้ชุมชนที่เขาอยู่อาศัยนั้นเป็นเรื่องน่าเจ็บปวดใจ”
เลสลีย์ แมคสแปดเดน แม่ของบราวน์ ซึ่งกำลังเศร้าโศกเสียใจอย่างหนักกล่าวกับสถานีโทรทัศน์เคเอ็มโอวีเมือวันอาทิตย์ (10) ว่า ลูกชายของเธอเพิ่งเรียนจบโรงเรียนมัธยมปลาย
เธอกล่าวว่า “คุณรู้ไหมว่ากว่าจะเลี้ยงดูให้เขาเรียนจนจบนี่มันยากเย็นขนาดไหน คุณรู้ไหมว่ามีคนผิวดำเรียนจบกี่คน มีไม่มากหรอกนะที่จะทำได้”
“นั่นเป็นเพราะพวกคุณทำให้ชีวิตพวกเขาต้องตกต่ำแบบนี้ จนถึงขั้นที่ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร”