รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - นายกรัฐมนตรีเยอรมัน อังเกลา แมร์เคิล ส่งจดหมายเชิญไปยังประธานบริหารของบริษัทยักษ์ใหญ่เยอรมัน รวมไปถึง บริษัท ซีเมนส์ บริษัท โอเปิล และบริษัท อีโวนิก (Evonik) ร่วมประชุมซัมมิตหารือวิกฤตผู้อพยพที่จะถูกจัดขึ้นในเดือนหน้า คาด นายกฯหญิงเยอรมันต้องการหว่านล้อมบริษัทยักษ์ใหญ่ให้ความช่วยเหลือฝึกงาน และการรับเข้าทำงาน ส่วน เฟราเคอ เปตรี (Frauke Petry) ผู้นำหญิงพรรคการเมืองขวาจัดเยอรมัน AFD เสนอแนวทาง ขับผู้อพยพเข้าประเทศทั้งหมดไปอาศัยอยู่บนเกาะ 2 แห่ง ภายใต้การดูแลขององค์การสหประชาชาติแทน พร้อมต้องการปฏิรูปสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเยอรมันให้เหมือนออสเตรเลีย
รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (13 ส.ค.) ว่า หนังสือพิมพ์เยอรมันบิลด์ (Bild) รายงานล่าสุดในวันเสาร์ (13 ส.ค.) ว่า เยอรมันต้องเผชิญกับผู้อพยพที่หนีภัยเข้าประเทศร่วมกว่า 1 ล้านคน ในปีที่ผ่านมา และทำให้รัฐบาลเยอรมันของนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ต้องการให้คนเหล่านี้สามารถมีงานทำเป็นของตัวเองให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะทำให้จำนวนของผู้อพยพที่ต้องพึ่งสวัสดิการจากทางรัฐมีจำนวนที่ต่ำลง และยังสามารถแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานในประเทศ เนื่องมาจากมีประชากรที่อยู่ในวัยเกษียณเพิ่มมากขึ้น
และในการแก้ปัญหาแบบวิน-วิน ของผู้นำเยอรมัน สื่อเยอรมันบิลด์ ชี้ว่า แมร์เคิลต้องการที่จะตบหลังบรรดาผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติเยอรมันต่าง ๆ ที่ยังลังเลออกมาประกาศเสนอตัวให้การฝึกงานและตำแหน่งงานแก่บรรดาผู้อพยพที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทยักษ์ใหญ่เยอรมันจำนวนมากต่างวิจารณ์ถึงเหตุผลที่ผู้อพยพเหล่านี้ไม่สามารถถูกจ้างงานได้ เนื่องมาจากไม่สามารถสื่อสารภาษาเยอรมัน และขาดคุณวุฒิทางการศึกษาเป็นสำคัญ ในขณะที่เยอรมันเห็นว่าบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้ขยับตัวน้อยมากต่อการช่วยเหลือสังคมในการทำให้ผู้อพยพมาใหม่สามารถปรับตัวเข้ากับการใช้ชีวิตในเยอรมัน
นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์บิลด์ยังได้รายงานถึงรายชื่อบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมซัมมิตกับแมร์เคิล ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 กันยายน ที่จะถึงนี้ ว่า รวมไปถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ทางวิศวกรรม ซีเมนส์ บริษัทผู้ผลิตรถ โอเปิล กลุ่มอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ อีโวนิก (Evonik) บริษัท VW และรวมไปถึงบริษัทสาธารณูปโภคเยอรมัน RWE เป็นต้น
รอยเตอร์ชี้ว่า เชื่อว่าบริษัทเหล่านี้จะเข้าร่วมโครงการศึกษาเกี่ยวกับผู้อพยพกับแมร์เคิล
ทั้งนี้ ในเดือนที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์เยอรมันอีกฉบับ Frankfurter Allgemeine Zeitung ได้รายงานว่า มาจนถึงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พบว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ท็อป 30 ของ DAX ออกมาจ้างงานผู้อพยพเพียง 54 คนเท่านั้น รวมไปถึงอีก 50 คน ที่ได้รับการจ้างงานจากบริษัทไปรษณีย์เยอรมัน Deutsche Post
และพบว่าในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา รองนายกรัฐมนตรีเยอรมัน ซิกมาร์ เกเบรียล (Sigmar Gabriel) ได้ออกแถลงการณ์กระตุ้นให้บริษัททุนข้ามชาติเมืองเบียร์ ทำให้มากกว่านี้เพื่อช่วยเหลือผู้อพยพ โดยกล่าวว่า ความพยายามของบริษัทยักษ์ใหญ่ต่อผู้อพยพนั้นเทียบไม่ได้กับสิ่งที่บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กของเยอรมัน ที่เรียกว่า มิตเตลชแตนด์ (Mittelstand) ซึ่งถือเป็นกระดูกสันหลังทางเศรษฐกิจของยุโรปออกมาตอบสนองต่อปัญหาคลื่นผู้อพยพ
ในขณะที่ เฟราเคอ เปตรี (Frauke Petry) ผู้นำหญิงพรรคการเมืองขวาจัดเยอรมัน AFD ที่มีนโยบายต่อต้านผู้อพยพ ประกาศต้องการขับผู้อพยพทั้งหมดที่เดินทางเข้าประเทศไปอยู่บนเกาะนอกยุโรปแทน RT สื่อรัสเซียรายงานเพิ่มเติม
โดยการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์บิลด์ ในวันเสาร์ (13 ส.ค.) เปตรี ชี้ว่า เธอต้องการเห็นผู้อพยพที่ผิดกฎหมายทั้งหมดที่ในขณะนี้อาศัยอยู่ภายในเยอรมัน รวมไปถึงกลุ่มผู้อพยพที่ได้รับการปฏิเสธให้เข้าลี้ภัยในแดนเมืองเบียร์ ถูกส่งตัวไปยัง 2 เกาะนอกดินแดนยุโรป ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ภายใต้การดูแลขององค์การสหประชาชาติแทน
และผู้นำพรรคการเมืองขวาจัด AFD ยังให้ความเห็นต่อว่า สำหรับผู้อพยพชายที่เดินทางเข้ายุโรปเพียงลำพัง เธอเห็นควรให้แยกออกมาจากกลุ่มผู้อพยพหญิง และกลุ่มผู้อพยพที่เดินทางมาพร้อมกันทั้งครอบครัว ด้วยเหตุผลการประหยัดค่าจัดการ และยังเป็นวิธีที่รัดกุมสำหรับมาตรการความปลอดภัยกว่าในระบบปัจจุบันที่รัฐบาลแมร์เคิลใช้
แต่อย่างไรก็ตาม สื่อรัสเซียรายงานว่า เปตรี ไม่ได้ระบุชื่อเกาะทั้ง 2 แห่งที่เธอต้องการส่งผู้อพยพทั้งหมดออกไปอาศัยอยู่ที่นั่น แต่ดูเหมือนว่า เกาะนาอูรู (Nauru) ของหมู่เกาะโอเชียเนีย และเกาะมานุส ของปาปัวนิวกีนี นั้นเป็นที่อาศัยของผู้ลี้ภัยของรัฐบาลออสเตรเลียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ซึ่ง RT ชี้ว่า เกาะทั้งสองแห่งถูกสื่อเยอรมันรายงานว่า อาจเป็น 2 เกาะที่ผู้นำพรรคขวาจัดเยอรมันต้องการส่งผู้อพยพจากแดนเมืองเบียร์ไปอาศัยอยู่ที่นั้น ถึงแม้ที่ผ่านมาจะมีรายงานการทารุณ และปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสมกับผู้ลี้ภัยที่อาศัยอยู่ภายในศูนย์กักกันผู้อพยพของแคนเบอร์ราก็ตาม
นอกจากนี้ เปตรี ยังประกาศต้องการปฏิรูประบบการเข้าเมืองของเยอรมันให้มีความเข้มงวดเฉกเช่นเดียวกับมาตรฐานของออสเตรเลียที่เป็นอยู่ โดยเธอต้องการให้เยอรมันต้องเปลี่ยนความมุ่งหมายจากการให้ความช่วยเหลือกับผู้อพยพไปสู่การส่งตัวผู้ลี้ภัยเหล่านี้ออกนอกประเทศให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ดิฉันขอเสนอการปฏิรูปสำนักกลางการโยกย้ายและลี้ภัยเยอรมันเป็นสำนักงานการอพยพออก” เปตรีให้ความเห็นกับบิลด์
