xs
xsm
sm
md
lg

In Clip : ระทึก! ก่อการร้ายตอลิบานส่งบรรทุกคาร์บอมบ์โจมตีโรงแรมต่างชาติหรูกลางคาบูล ก่อนดวลปืนสนั่น ตำรวจอัฟกันดับ 1 ติดอาวุธดับ 2

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - นอร์ทเกต (North Gate) โรงแรมหรูกลางกรุงคาบูล ศูนย์รวมของชาวต่างชาติถูกกลุ่มก่อการร้ายตอลิบานส่งรถบรรทุกขนระเบิดจนเต็มคันโจมตีในเวลา 01.30 น.ของวันนี้ (1 ส.ค.) และทำให้เกิดการต่อสู้ดวลปืนและระเบิดระหว่างสมาชิกติดอาวุธและเจ้าหน้าที่อัฟกันนานร่วม 7 ชม. ก่อนที่ทางคาบูลจะควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ เบื้องต้นมีรายงานว่าแขกที่เข้าพักในโรงแรมแห่งนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บจากการลอบโจมตี แต่มีผู้เสียชีวิต 1 รายคือตำรวจอัฟกัน และกลุ่มสามชิกติดอาวุธดับ 2 รายในการยิงต่อสู้

เอเอฟพีรายงานวันนี้ (1 ส.ค.) ว่ากองกำลังคอมมานโดอัฟกันได้พิ่มการรักษาความปลอดภัยให้แน่นหนายิ่งขึ้นในบริเวณย่านโรงแรมหรู นอร์ทเกต (North Gate) แหล่งรวมตัวของชาวต่างชาติในอัฟกานิสถานเกิดขึ้นอย่างแน่นหนาหลังจากเกิดเหตุโจมตีที่บริเวณทางเข้าโรงแรมในเวลา 01.30 น. เช้าวันจันทร์ (1 ส.ค.) ซึ่งพบว่าทางแขกที่พัดอยู่ภายในและเจ้าหน้าที่โรงแรมไม่ได้รับอันตรายจากเหตุโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายตอลิบาน

แรงระเบิดได้เขย่าหน้าต่างของอาคารที่ห่างไปไกลราวหลายกิโลเมตรให้สั่นไหว ในขณะเดียวกัน รถบรรทุกที่ขนระเบิดมาจนเต็มคันรถและเกิดระเบิดขึ้นเปิดทางให้กลุ่มก่อการร้ายสามารถเข้าสู่ด้านในของตัวโรงแรมหรูที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา ตั้งอยู่ไม่ห่างจากท่าอากาศยานนานชาติคาบูล

พบว่าก่อนหน้านี้โรงแรมแห่งนี้ถูกโจมตีด้วยฝีมือกลุ่มก่อการร้ายมาแล้วในเดือนกรกฎาคม 2013 ด้านหัวหน้าตำรวจคาบูล อับดุล ราห์มัน ราฮิมี (Abdul Rahman Rahimi) แถลงถึงการโจมตีล่าสุดว่า “รถบรรทุกที่บรรทุกระเบิดมาจนเต็มคันรถได้พุ่งเข้าโชนบริเวณกำแพงด้านนอกของโรงแรม” และกล่าวต่อว่า “มีตำรวจอัฟกันจำนวน 1 นายได้เสียชีวิต และมีอีก 3 นายได้รับบาดเจ็บ แต่ทั้งพนักงานโรงแรมและแขกที่เข้าพักไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด”

อย่างไรก็ตาม จากการรายงานของสื่ออังกฤษ บีบีซี ชี้ว่าในการให้สัมภาษณ์ของหัวหน้าตำรวจอัฟกันได้ชี้ว่า ในการดวลปืนระหว่างกลุ่มก่อการร้ายและทางทีมรักษาความปลอดภัยอัฟกัน ทำให้ตำรวจอัฟกัน 1 นายเสียชีวิต ในขณะที่กลุ่มติดอาวุธที่บุกเข้าไปในตัวโรงแรมซึ่งทางบีบีซีระบุว่ามีจำนวน 2 คน เสียชีวิตทั้งหมด ขณะที่มีตำรวจ 3 นายได้รับบาดเจ็บจากการยิงต่อสู้กับกลุ่มคนร้าย และในขณะนี้ทางคาบูลสามารถควบคุมสถานการณ์โจมตีไว้ได้เบ็ดเสร็จแล้ว

เอเอฟพีรายงานต่อว่า สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นอัฟกานิสถาน โตโล ได้รายงานโดยอ้างอิงจากแหล่งข่าวภายในโรงแรมนอ์ทเกตว่า ทั้งพนักงานโรงแรม และแขกที่เข้าพัก ซึ่งรวมไปถึงชาวต่างชาติ 11 คนได้หลบอยู่ภายในบังเกอร์ของตัวโรงแรมตลอดทั้งคืน

นอกจากนี้ ในการรายงานยังกล่าวต่อว่า กองกำลังรบพิเศษนาโตได้เป็นผู้เข้าควบคุมสถานการณ์ที่โรงแรมนอร์ทเกตแห่งนี้ ซึ่งมีทั้งหอคอยเฝ้าระวังภัย กำแพงป้องกันระเบิด และทีมเจ้าหน้าที่สุนัขดมกลิ่นประจำการ

เอเอฟพี และบีบีซี รายงานตรงกันว่า ไม่นานหลังจากที่ระเบิดคาร์บอมบ์เกิดขึ้น ส่งผลทำให้ไฟฟ้าทั่วเมืองหลวงของอัฟกานิสถานดับลงชั่วระยะเวลาหนึ่ง โดยหนึ่งในประชาชนที่อาศัยในกรุงคาบูล อินามุลเห์ ข่าน (Inamullah Khan)ได้ให้ความเห็นกับบีบีซีในเหตุคาร์บอมบ์ล่าสุดว่า “ในขณะนั้นที่กำลังจะนอนหลับในขณะได้เกิดเหตุระเบิดโจมตีเกิดขึ้น และไฟฟ้าได้ดับลง” ข่านกล่าว และเสริมต่อว่า “เป็นการระเบิดครั้งร้ายแรง เป็นระเบิดที่รุนแรงมาก”

อันเดรียส วิลเมอร์ส (Andreas Wilmers) ชาวต่างชาติซึ่งทำงานในอัฟกานิสถานในตำแหน่งผู้อำนวยการปฎิบัติกาารบริษัทอัฟกานิสถาน บรอดแคส ซิสเตม หรือ ABS ซึ่งมีคาบูลเป็นเจ้าของ กล่าวให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “ได้อาสัยอยู่ในอัฟกานิสถานมาเป็นเวลาร่วม 8 ปี แต่ครั้งนี้ถือเป็นการระเบิดที่มีอานุภาพมากที่สุด และมีเสียงที่ดังที่สุดเท่าที่ได้เคยได้ประสบมา”

วิลเมอร์สให้ความเห็นในระบบรักษาความปลอดภัยในอัฟกานิสถานว่า “การรักษาความปลอดภัยในอัฟกานิสถานของเจ้าหน้าที่ตำรวจอัฟกันมีความเข้มงวดเป็นอย่างมาก ซึ่งมีจุดตรวจรักษาความปลอดภัยกระจายอยู่ทั่วไปภายในโรงแรมแห่งนี้ ซึ่งส่วนมากจุดตรวจเหล่านี้จะเปิดทำการในช่วงเวลากลางวัน แต่ในส่วนกลางคืนจะไม่มีกำลังพลคอยประจำมากนัก”

เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า ด้านโฆษกกลุ่มก่อการร้ายตอลลิบาน ซาบิฮุลลาห์ มูจาฮิด(Zabihullah Mujahid )ได้ออกแถลงการณ์แสดงความรับผิดชอบเหตุโจมตีว่า กลุ่มติดอาวุธที่มาพร้อมกับเครื่องยิงจรวดขีปนาวุธ และอาวุธอื่นๆ บุกเข้าไปหลังจากที่คาร์บอมบ์ไดเกิดระเบิด

ในแถลงการณ์นี้โฆษกตอลิบานอ้างว่า “มีพลเมืองสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้บุกรุกในสายตาของกลุ่มก่อการร้าย จำนวนไม่ต่ำกว่า 100 คนถูกสังหารและได้รับบาดเจ็บ” โดยเอเอฟพีชี้ว่า กลุ่มตอลิบานได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มที่มักอ้างตัวเลขบาดเจ็บและเสียชีวิตสูงเกินกว่าตัวเลขความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง






กำลังโหลดความคิดเห็น