รอยเตอร์/MGRออนไลน์ - อังการายังเดินหน้าล้างบางประเทศหลังรัฐประหาร เจ้าหน้าที่ทหารเกือบ 1,700 ตำแหน่งถูกสั่งปลด พร้อมกับการสั่งปิดสื่ออีกถึง 131 สำนัก นอกจากนี้ยังพบว่าในวันนี้ (28 ก.ค.) ได้มีคำสั่งไล่เจ้าหน้าที่ประจำกระทรวงการต่างประเทศตุรกีออกจากงานอีก 88 คน ซึ่งในวันเดียวกันนี้สื่อ CNN ภาษาตุรกีรายงานด่วน พลเอกระดับ 4 ดาวของกองทัพตุรกี 2 นายได้ยื่นใบลาออกแล้ว ในขณะที่อียิปต์ได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธ อ้างว่าไม่ได้รับหนังสือขอลี้ภัยทางการเมืองจากศาสนจารย์ เฟตฮุลเลาะห์ กูเลน ศัตรูตัวฉกาจของผู้นำตุรกี ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังรัฐประหารครั้งล่าสุด
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (28 ก.ค.) ว่า การเดินหน้ากระชับอำนาจของประธานาธิบดีตุรกี เรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน ยังคงมีต่อเนื่อง โดยพบว่าสื่อสหรัฐฯ ภาคภาษาเติร์กได้รายงานว่ามีนายพลระดับ 4 ดาวของกองทัพตุรกี 2 นายได้ยื่นจดหมายลาออกจากตำแหน่งในวันพฤหัสบดี (28 ก.ค.)
ซึ่งในการเปิดเผยล่าสุด นายพลทั้งสองที่ลาออกจากการรับราชการทหารประจำกองทัพบกคือ คามิล บาโซกลู (Kamil Basoglu) และอีห์ซาน อูยาร์ ( Ihsan Uyar) แต่อย่างไรก็ตามสื่อสหรัฐฯ รายงานว่า ยังไม่ทราบเหตุผลว่าเหตุใดนายทหารระดับสูงทั้งสองนายนี้จึงต้องลาออกจากตำแหน่ง โดยในวันพุธ (27 ก.ค.) พบว่าทางกองทัพตุรกีได้สั่งปลดเจ้าหน้าที่ออกราว 1,684 นาย แหล่งข่าวรัฐบาลตุรกีให้ข้อมูล โดยอ้างสาเหตุของการให้ออกจากการรับราชการทหารเนื่องมาจากความเกี่ยวพันในรัฐประหารครั้งล่าสุด ซึ่งจากจำนวนทั้งหมดพบว่ามีนายทหารยศระดับนายพลราว 149 นาย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 40% ของนายทหารระดับนายพลทั้งหมดในกองทัพเติร์ก
นอกจากนี้ ในการรายงานของสื่อ CNN ภาษาตุรกียังกล่าวต่อว่า มีคนจำนวนไม่ต่ำกว่า 15,000 คน ซึ่งรวมไปถึงทหารจำนวน 10,000 นายถูกจับกุมเนื่องมาจากการก่อรัฐประหาร อ้างอิงมาจากการรายงานของกระทรวงมหาดไทยตุรกี และจากจำนวนทั้งหมดพบว่ามี 8,000 คนถูกตั้งข้อกล่าวหาและอยู่ในระหว่างการรอขึ้นศาลไต่สวนความผิด
และการสั่งล้างบางยังรวมมาถึงสื่อมวลชน โดยพบว่าอังการาได้ออกคำสั่งปิดสื่อที่มีรัฐบาลตุรกีเป็นเจ้าของ 3 แห่ง สถานีโทรทัศน์ 16 แห่ง สำนักพิมพ์หนังสือพิมพ์ตุรกี 45 แห่ง สำนักพิมพ์นิตยสาร 15 แห่ง และสำนักพิมพ์อีก 29 แห่ง ซึ่งทางอังการาอ้างว่าสื่อเหล่านี้มีข้อสงสัยเชื่อมโยงกับศาสนจารย์ เฟตฮุลเลาะห์ กูเลน ที่ในขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการลี้ภัยอยู่ในสหรัฐฯ และได้ถูกอังการาชี้ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการทำรัฐประหาร
ตุรกีได้ออกคำสั่งปิดสื่อที่มีจำนวนทั้งหมดร่วม 131 แห่งแล้ว ยังพบว่านักข่าวสื่อมวลชนเติร์กยังถูกทางการตุรกีจับกุม โดยในวันพุธ (27 ก.ค.) รัฐบาลตุรกีได้จับกุมนักข่าวจำนวน 47 คน โดยเฉพาะคอลัมนิสต์ และพนักงานของหนังสือพิมพ์ที่ถูกปิดไปแล้ว หนังสือพิมพ์ซามาน (Zaman) แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ตุรกีเปิดเผย ซึ่งหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ที่ถือเป็นกระบอกเสียงของกูเลนถูกสั่งปิดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
“อัยการตุรกีไม่สนใจว่าคอลัมนิสต์จะเขียนอะไร แต่ทว่าเหตุผลที่สำคัญในขณะนี้คือ พนักงานของหนังสือพิมพ์ซามานดูเหมือนใกล้ชิดกับเครือข่ายของกูเลน และถือเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่สอบสวน” แหล่งข่าวเปิดเผย
แต่ทว่า รอยเตอร์ชี้ ในบรรดารายชื่อของสื่อมวลชนที่ถูกจับกุมยังรวมไปถึง ซาฮิน อัลเพย์ (Sahin Alpay) นักเคลื่อนไหวเอียงซ้ายเลื่องชื่อของตุรกี ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเครือข่ายของกูเลนแต่อย่างใด และจากสิ่งนี้ยิ่งทำให้เกรงว่าการประกาศจับอย่างมโหฬารของตุรกีหลังการรัฐประหารจะกลายเป็นการล่าแม่มดเพื่อต้องการทำลายศัตรูทางการเมืองแทน
โดยสื่อตุรกีรายงานว่า ในวันจันทร์ (25 ก.ค.) มีหมายจับนักข่าวจำนวน 42 คน และจากทั้งหมด 16 คนได้ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำเรียบร้อยแล้ว
และนอกจากนี้ การสั่งปลดยังลามเข้ามาสู่กระทรวงการต่างประเทศตุรกี โดยรัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี เมฟลุต คาวูโซกลู (Mevlut Cavusoglu) ได้ออกแถลงการณ์ในวันนี้ (28 ก.ค.) ว่า ได้มีการสั่งปลดเจ้าหน้าที่ประจำกระทรวงการต่างประเทศตุรกีออก 88 คน หลังเชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกับกูเลน ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการทำรัฐประหาร โดยคาวูโซกลูได้ออกแถลงการณ์ประกาศการไล่ออกผ่านทางสื่อ NTV
อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวล่าสุดเกี่ยวข้องกับกูเลน พบว่า ชารีฟ อิสมาอิล (Sherif Ismail ) นายกรัฐมนตรีอียิปต์ได้ออกแถลงการณ์ในวันพฤหัสบดี (28 ก.ค.) จากการรายงานของสำนักข่าวอียิปต์ มีนา ประกาศว่า ทางอียิปต์ยังไม่ได้รับหนังสือการขอลี้ภัยทางการเมืองอย่างเป็นทางการจากกูเลน ศัตรูทางการเมืองคนสำคัญของผู้นำตุรกี ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าเขาอาจเข้ามาหลบลี้ภัยอยู่ในอียิปต์
โดยอิสมาอิลยืนยันว่า หากมีการส่งคำขอเข้ามา ทางอียิปต์จะพิจารณาในเรื่องนี้ ในขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมตุรกี เบเกอร์ บอซแด็ก ( Bekir Bozdag) ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกูเลนแก่สถานีโทรทัศน์ Haberturk TV ในวันนี้ (28 ก.ค.) ว่า กูเลนสามารถหลบหนีออกจากสหรัฐฯ ไปยังออสเตรเลีย เม็กซิโก แคนาดา แอฟริกาใต้ หรืออียิปต์
แหล่งข่าวอังการาให้ข้อมูลกับรอยเตอร์ต่อว่า อังการายังคงออกติดตามกลุ่มกองกำลังกบฏที่ได้รับหน้าที่สังหารประธานาธิบดีตุรกีในวันก่อการ ซึ่งพบว่าในวันพุธ (27 ก.ค.) หน่วยกองรบพิเศษตุรกีได้ติดตามควานหาตามที่หลบซ่อนต่างๆ ในเมืองมาร์มาริส (Marmaris) ของเจ้าหน้าที่คอมมานโด 11 นาย ซึ่งเข้าร่วมกับฝ่ายกบฏที่ได้รับคำสั่งให้ไปสังหารหรือจับกุมแอร์โดอันในคืนวันศุกร์ที่ทำการปฏิวัติ ซึ่งในขณะนั้นผู้นำตุรกีอยู่ในระหว่างการพักผ่อนในบริเวณนี้ จากการรายงานของสื่อ NTV ได้รายงานการแถลงของกองทัพตุรกีชี้ว่า ในการทำรัฐประหารที่เกิดขึ้นนั้นมีจำนวนทหารที่เข้าร่วมคิดเป็น 1.5% ของจำนวนกองกำลังทั้งหมดของกองทัพตุรกี หรือ 8,651 นาย และมียุทโธปกรณ์เข้าร่วมคือเครื่องบิน 35 ลำ ซึ่งรวมไปถึงเครื่องบินขับไล่ 24 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ 37 ลำ รถถัง 74 คัน และเรือรบอีก 3 ลำ
