5 องค์กรวิชาชีพสื่อออกแถลงการณ์ถึงคำสั่ง คสช.เพิ่มอำนาจ กสทช.ปิดสื่อ ชี้จำกัดเสรีภาพอาจทำให้ประชามติไม่ชอบธรรม ทำให้สื่อหวาดกลัว ส่งผลให้ ปชช.รับข้อมูลไม่ครบ จี้ทบทวนคำสั่ง หากสื่อทำผิด ใช้อำนาจ กม.เดิมจัดการได้ ย้ำไม่สบายใจใช้อำนาจจำกัดเสรีภาพ แถมมีสัญญาณออก กม.แทรกแซงสื่ออีก ขอสื่อยึดจริยธรรมเคร่งครัด
วันนี้ (15 ก.ค.) องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนออกแถลงการณ์เรื่อง การจำกัดเสรีภาพสื่อมวลชนโดยประกาศหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีเนื้อหาระบุ ดังนี้ “ตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ออกคำสั่งที่ ๔๑/๒๕๕๙ เรื่อง การกำกับดูแลการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ โดยมีเจตนาในการขยายอำนาจตามมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.๒๕๕๑ ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ให้ครอบคลุมไปถึงประกาศของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ ๙๗/๒๕๕๗ และฉบับที่ ๑๐๓/๒๕๕๗ รวมทั้งคุ้มครองการใช้อำนาจของ กสทช.ตามประกาศดังกล่าว องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ๕ องค์กรประกอบด้วย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ได้ประชุมหารือกันแล้ว มีความเห็นและข้อเสนอแนะดังต่อไปนี้
๑) คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๔๑/๒๕๕๙ ออกมาในสถานการณ์ที่ประเทศกำลังเดินหน้าตามแผนกลับสู่ประชาธิปไตยด้วยการลงประชามติต่อร่างรัฐธรรมนูญในวันอาทิตย์ที่ ๗ สิงหาคมนี้ โดยอาจทำให้เกิดการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนและสื่อมวลชนต่อสถานการณ์บ้านเมือง โดยเฉพาะเนื้อหาของรัฐธรรมนูญมากขึ้น จนอาจส่งผลให้การลงประชามติไม่ชอบธรรมและไม่ได้รับยอมรับจากประชาชนและนานาอารยประเทศ
๒) การขยายอำนาจตามมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.๒๕๕๑ ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ให้ครอบคลุมไปถึงประกาศของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ ๙๗/๒๕๕๗ และฉบับที่ ๑๐๓/๒๕๕๗ ดังกล่าว ถือเป็นการขยายอำนาจในการจำกัดเสรีภาพของสื่อมวลชนและประชาชนจนเกินขอบเขต โดยใช้ กสทช.เป็นเครื่องมือ ซึ่งจะทำให้สื่อมวลชนทำหน้าที่นำเสนอข่าวสารด้วยความหวาดกลัว และส่งผลให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่ไม่ครบถ้วนรอบด้าน
๓) องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนทั้ง ๕ องค์กรข้างต้นจึงขอเรียกร้องให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติทบทวนการออกคำสั่งดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดการใช้อำนาจจำกัดเสรีภาพในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารจนเกินขอบเขตต่อสื่อมวลชนส่วนใหญ่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบของกฎหมายและจริยธรรม ส่วนสื่อมวลชนใดที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่มีอยู่ กสทช.ก็สามารถใช้อำนาจตามกฎหมายที่มีอยู่เดิมดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายได้อยู่แล้ว
๔) ในระหว่างที่คำสั่งนี้ใช้บังคับ องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนขอเรียกร้องให้ กสทช.ใช้อำนาจด้วยความระมัดระวังตามเจตนารมณ์ของการเป็นองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระ ไม่ตกอยู่ใต้อำนาจทางการเมืองใดๆ แม้ว่าจะมีการออกคำสั่งให้ กสทช.ใช้อำนาจโดยได้รับการคุ้มครองว่าไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง อาญาและวินัยก็ตาม
องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ๕ องค์กรมีความไม่สบายใจต่อการใช้อำนาจออกกฎหมายมาจำกัดเสรีภาพในการนำเสนอในการนำเสนอข่าวสารดังกล่าว เพราะขณะนี้สัญญาณว่า มีความพยายามที่จะออกกฎหมายอื่นๆ ที่มีลักษณะในการแทรกแซงและจำกัดเสรีภาพของสื่อมวลชนอีกหลายฉบับ
อนึ่ง ในสถานการณ์การเมืองที่ยังคงมีความขัดแย้งแตกแยกของของประชาชนกลุ่มต่างๆ ในขณะนี้ องค์กรวิชาชีพสื่อขอเรียกร้องมายังสื่อมวลชนต่างๆ ให้ปฏิบัติหน้าที่นำเสนอข้อมูลข่าวสารและแสดงความคิดเห็นโดยยึดหลักจริยธรรมวิชาชีพสื่อมวลชนโดยเคร่งครัด เพื่อสร้างหลักประกันในการนำเสนอข่าวสารอย่างมีเสรีภาพและความรับผิดชอบต่อสังคมต่อไป”