เอเอฟพี/รอยเตอร์ - น้ำมันปรับลดต่อเนื่องในวันศุกร์ (22 ก.ค.) หลังพบสัญญาณกำลังผลิตในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ซ้ำเติมความกังวลอุปทานล้านตลาด ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกตามแรงหนุนของภาคเทคโนโลยีและโทรคมนาคม ขณะที่ทองคำขยับลง จากดอลลาร์ที่แข็งค่า
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด เดือนกันยายน ลดลง 56 เซ็นต์ ปิดที่ 44.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดง 51 เซ็นต์ ปิดที่ 45.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ข้อมูลจากเบเกอร์ ฮิวส์ บริษัทบริการด้านพลังงาน พบว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันในอเมริกา เดินเครื่องเพิ่มเติมอีก 14 แท่นในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 22 กรกฎาคม นับเป็นการเพิ่มขึ้น 4 สัปดาห์ติดต่อกัน
ตัวเลขดังกล่าวมีขึ้นตามหลังรายงานคลังปิโตรเลียมสำรองของรัฐบาลสหรัฐฯเมื่อวันพุธ (20 ก.ค.) ที่พบว่าสต๊อกเบนซินสูงขึ้น ทั้งที่เข้าสู่ช่วงพีกสุดของฤดูกาลขับขี่
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันศุกร์ (22 ก.ค.) แกว่งตัวกลับมาปิดบวกในช่วงท้ายของการซื้อขาย จากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและโทรคมนาคม เช่นเดียวกับข้อมูลการผลิตอเมริกาที่แข็งแกร่งเกินคาดหมาย
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 53.62 จุด (0.29 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,570.85 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 9.86 จุด (0.46 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,175.03 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 26.26 จุด (0.52 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,100.16 จุด
นอกเหนือจากแรงหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและโทรคมนาคมแล้ว ตลาดหุ้นสหรัฐฯ (22 ก.ค.) ยังได้ปัจจัยบวกจากข้อมูลกำลังผลิตสหัฐฯที่แกร่งเกินคาดหมาย
การปิดบวกของวอลล์สตรีทมีขึ้นแม้ราคาน้ำมันดิ่งลงและรายงานผลประกอบการอันน่าห่อเหี่ยวจากเจเนรัล อเล็กทริก (จีอี) และโบอิ้ง
ส่วนราคาทองคำในวันศุกร์ (22 ก.ค.) ขยับลงปานกลาง ทำสถิติปิดลบเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน จากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 7.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,323.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์