เอเจนซีส์/ MGR ออนไลน์ - เบอร์นามา สื่อมาเลเซียรายงานล่าสุดโดยอ้างข้อมูลจาก พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. พบว่าเครือข่ายปลอมเอกสารในไทยเจาะจงที่จะเลือกปลอมหนังสือเดินทางมาเลเซียให้กับลูกค้าในสนนราคา 20,000 ริงกิตมาเลเซีย หรือราว 177,175 บาทต่อเล่ม หลังพบผู้ถือพาสปอร์ตแดนเสือเหลืองไม่ต้องขอวีซ่าเข้ายุโรปหลายชาติ รวมไปถึงเยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ และฟินแลนด์
สำนักข่าวเบอร์นามาของมาเลเซีย รายงานวันนี้ (13 ก.ค.) ว่า พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม ได้แถลงยอมรับว่า เครือข่ายปลอมเอกสารที่มีฐานในไทยต่างเจาะจงเลือกที่จะทำการปลอมหนังสือเดินทางของมาเลเซียให้กับลูกค้า เนื่องมาจากพบว่าผู้ที่ถือเอกสารจากมาเลเซียได้รับสิทธิประโยชน์ในการยกเว้นไม่ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศล่วงหน้า ซึ่งพบว่า หลายประเทศแม่เหล็กสำคัญๆ เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ และนิวซีแลนด์ ต่างอนุญาตให้ผู้ถือพาสปอร์ตมาเลย์เดินทางเข้าสู่ประเทศได้เลย ในสนนราคา 20,000 ริงกิตมาเลเซีย หรือราว 177,175 บาทต่อเล่มโดยเฉลี่ย และทำให้เป็นที่ต้องการสูงในหมู่กลุ่มคนที่ต้องการใช้
พล.ต.ท.ณัฐธรให้สัมภาษณ์กับเบอร์นามาว่า “จากที่เราทราบ พลเมืองมาเลเซียซึ่งถือเอกสารหนังสือเดินทางชาติตนเองไม่จำเป็นต้องยื่นขอวีซ่าสำหรับเดินทางเข้าบางประเทศ รวมไปถึงไทย เนื่องมาจากมาเลเซียได้รับข้อยกเว้นการไม่ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศ” และกล่าวต่อว่า “และเป็นเพราะเหตุนี้ทำให้พาสปอร์ตมาเลเซียกลายเป็นเป้าหมายในกลุ่มเครือข่ายปลอมแปลงเอกสารในไทยที่ต้องการผลิตสำหรับลูกค้าจากบางชาติโดยเฉพาะ”
ผบช.สตม.ไทยกล่าวต่อว่า “และเนื่องจากความต้องการหนังสือเดินทางมาเลเซียมีสูงมาก ดังนั้นจึงไม่เป็นที่แปลกใจที่พบว่าลูกค้าจากประเทศในแถบเอเชียใต้ เช่น บังกลาเทศ ปากีสถาน และศรีลังกา และรวมไปถึงจีน ต้องการให้ปลอมแปลงพาสปอร์ตมาเลเซีย ซึ่ง พล.ต.ท.ณัฐธรระบุว่า เป็นเพราะโครงหน้าและสีผิวของพลเมืองจากประเทศในแถบเอเชียใต้ และรวมไปถึงจีนนั้นคล้ายคลึงกับพลเมืองแดนเสือเหลือง ดังนั้น “คนจากประเทศเหล่านี้สามารถตบตาว่าเป็นพลเมืองมาเลย์ได้โดยง่าย”
เบอร์นามารายงานต่อว่า เหตุการณ์ 2 ครั้งที่เกิดขึ้นในท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ และท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิซึ่งพบว่าชายชาวศรีลังกา และชายชาวจีนถูกตำรวจไทยจับกุมเนื่องมาจากถือหนังสือเดินทางปลอม โดยเหตุแรกเกิดขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคม ล่าสุดที่ท่าอากาศยานนาน่าชาติเชียงใหม่ ทางเจ้าหน้าที่ ตม.ไทยจับกุมชายชาวศรีลังกาวัย 22 ปีที่ใช้พาสปอร์ตมาเลเซียปลอมในการเดินทางก่อนที่ชายผู้นี้จะขึ้นเครื่องเพื่อไปยังฮ่องกง และบินต่อไปยังเมืองซูริค สวิตเซอร์แลนด์อันเป็นจุดหมายปลายทาง
จากการสอบสวนของตำรวจไทยพบว่า แท้จริงแล้วหนังสือเดินทางที่ชายผู้นี้ถือเป็นหนังสือเดินทางมาเลเซียของนักท่องเที่ยวหญิงมาเลย์ผู้หนึ่งที่ได้แจ้งหายไว้
นอกจากนี้ เบอร์นามายังรายงานต่อว่า ในเหตุที่ 2 เกิดขึ้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิในวันที่ 25 พฤษภาคมล่าสุดเช่นกัน โดยทาง ตม.ไทยได้ทำการจับกุมชายชาวจีนผู้หนึ่งในระหว่างการสุ่มตรวจตามปกติ และเมื่อสอบสวนผู้ต้องสงสัยพบว่า ชายชาวจีนผู้นี้เดินทางเข้าประเทศผ่านช่องทางด่านบริเวณพรมแดนด่านแม่สายเมื่อ 3 ปีก่อนหน้านี้ และยังยอมรับต่อว่าได้ใช้เงิน 6,000 ดอลลาร์ในการสั่งหนังสือเดินทางสัญชาติมาเลย์ปลอมจากอินเทอร์เน็ต โดยชายผู้นี้ถูกจับกุมตัวก่อนที่จะขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางต่อไปยังกรุงโตเกียว
สำนักข่าวมาเลย์รายงานต่อว่า ในเหตุทั้งสองที่เกิดขึ้นนี้เกี่ยวข้องกับหนังสือเดินทางมาเลเซียที่ถูกแจ้งหายทั้งสิ้น แต่กลับพบถูกนำมาปลอมแปลงสำหรับผู้ถือคนใหม่ นอกจากนี้ แหล่งข่าวความมั่นคงไทยได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ไทยสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัย 60 คนที่มาจากหลายชาติในปีที่ผ่านมาซึ่งคนเหล่านี้ล้วนแต่ถือหนังสือเดินทางปลอมเพื่อต้องการบินเข้าบางประเทศในแถบยูโรโซน เพราะเป็นที่รู้ว่าพลเมืองแดนเสือเหลืองได้สิทธิพิเศษยกเว้นการขอวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าประเทศ
และแหล่งข่าวยังกล่าวต่อว่า “ตามปกติผู้ต้องการสั่งหนังสือเดินทางมาเลเซียปลอมต้องจ่ายถึง 20,000 ริงกิตมาเลเซีย หรือราว 177,175 บาทต่อเล่ม แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับอัตราที่ทางกลุ่มปลอมเอกสารเรียกเก็บ” และแหล่งข่าวคนเดิมยังให้ข้อมูลต่อว่า “และเพื่อเป็นการทะลายวงจรเถื่อนนี้ ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไทยได้มีมาตรการเข้มงวด โดยเลือกที่จะตรวจเช็กผู้ถือหนังสือเดินทางมาเลเซียมากเป็นพิเศษ รวมไปถึงคำถามเกี่ยวกับภาษามาลายู และความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประเทศแดนเสือเหลือง
เบอร์นามากล่าวต่อว่า ในต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ไทยประสบความสำเร็จทลายแก๊งข้ามชาติปลอมแปลงเอกสาร และสามารถจับกุมตัวการสำคัญเจ้าของฉายา เดอะ ดอกเตอร์ หรือฮามิด เรซา จาฟาริ (Hamid Reza Jafari) ชายชาวอิหร่านวัย 48 ปี พร้อมกับยึดของกลางหนังสือเดินทางปลอมจากหลายชาติจำนวน 173 เล่ม ซึ่งพบว่าแก๊งเดอะ ดอกเตอร์ทำการปลอมแปลงเอกสารเดินทางจากหลายชาติสำหรับจุดประสงค์เดินทางเข้าออสเตรเลียและยุโรป
ทั้งนี้ พบว่าจากข้อมูลล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2016 ผู้ถือหนังสือเดินทางมาเลเซียสามารถเดินทางเข้าประเทศโดยได้รับการยกเว้นวีซ่า หรือได้รับวีซ่าประเภท visa on arrival จำนวน 164 ชาติ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในทวีปยุโรป อเมริกาใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมไปถึงญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์ เมื่อเทียบกับผู้ถือหนังสือเดินทางไทยสามารถเดินทางเข้าประเทศ หรือได้รับวีซ่าประเภท visa on arrival จำนวน 71 ชาติ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในทวีปอเมริกาใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และรัสเซีย เป็นต้น