ระทึก!! “สนง.ใหญ่ ตร.ดัลลัส” ปิดตายชั่วคราว หลังพบชายชุดดำบนตึกลานจอดรถ - สังคมสหรัฐฯ ตั้งคำถาม “ตำรวจใช้หุ่นยนต์” สังหารมือสไนเปอร์

เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - ตำรวจเมืองดัลลัสอยู่ในระดับการเตือนภัยขั้นสูงสุดในวันเสาร์ (9 ก.ค.) พบเจ้าหน้าที่อยู่ในชุดเกราะพร้อมปืนยาวไรเฟิลประจำด้านนอกสำนักงานใหญ่ในเวลา 17.00 น. หลังพบชายชุดดำต้องสงสัยปรากฏตัวบริเวณตึกลานจอดรถตำรวจที่ถูกปิดตาย ในขณะที่สังคมอเมริกันเริ่มตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในการใช้หุ่นยนต์กู้ระเบิดสังหารมือสไนเปอร์ ไมคาห์ จอห์นสัน กลางดาวน์รัฐเทกซัส ซึ่งเป็นครั้งแรกในอเมริกาที่เกิดขึ้น

NBC NEWS รายงานเมื่อวานนี้ (9 ก.ค) ว่า ความตรึงเครียดในเมืองดัลลัส ยังคงมีอย่างต่อเนื่องหลังจากเกิดเหตุความรุนแรงหลังจากการประท้วงต่อเจ้าหน้าที่กฎหมายอเมริกันที่ได้กระทำต่อแอฟริกันอเมริกัน และนำมาสู่การประท้วงและทำให้ไมคาห์ เซเวียร์จอนห์สัน (Micah Xavier Johnson) มือสไนเปอร์ อดีตทหารสหรัฐฯในอัฟกานิสถาน วัย 25 ปี ใช้ปืนไรเฟิล ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ 12 นาย และทำให้ 5 นายเสียชีวิต

โดยในวันเสาร์ (9 ก.ค.) ยังคงพบว่า ตำรวจเมืองดัลลัสอยู่ในขั้นการเตรียมพร้อมสูงสุด หลังมีข่าวรายงานว่า อาจมีความรุนแรงเกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม สื่อสหรัฐฯชี้ว่า ทางตำรวจไม่เปิดเผยถึงภัยที่ว่านี้ในรายละเอียด ซึ่งในเวลา 17.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น พบเจ้าหน้าที่ตำรวจสวมชุดเกราะปฏิบัติการ พร้อมปืนไรเฟิลมาร์กจุดต่าง ๆ เฝ้าด้านนอกของตัวสำนักงานใหญ่ตำรวจเมืองดัลลัส

ในแถลงการณ์ของตำรวจเมืองดัลลัส ยังระบุต่อว่า ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ออกไปค้นหาผู้ที่น่าสงสัยบริเวณตึกลานจอดรถตำรวจ และในการตรวจค้นครั้งแรก ทางเจ้าหน้าที่ไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัย ทางตำรวจเมืองดัลลัสได้ส่งทีมสุนัขตำรวจ K9 ยูนิต ออกไปค้นหาอีกครั้ง และในเวลาก่อน 20.00 น. ของวันเสาร์ (9 ก.ค) ทางเจ้าหน้าที่ทีมสุนัขตำรวจ K9 ยูนิตไม่ปรากฏพบคนหรือสิ่งของแปลกปลอมในจุดตรวจค้น

นอกจากนี้ ทางทีม SWAT ได้ทำการติดตั้งระเบิดบริเวณทางออกที่ถูกปิดตาย เพื่อให้คนที่อยู่ด้านในออกมาได้ โดยทางตำรวจดัลลัส ยืนยันว่า ไม่มีการยิงเกิดขึ้น

สื่อ inquisitor รายงานเพิ่มเติมว่า สำนักงานใหญ่ตำรวจดัลลัส ถูกปิดตายหลังมีข่าวการพบชายในชุดดำอยู่ในบริเวณลานจอดรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งห้ามไม่ให้คนนอกเข้าในเวลานี้ ซึ่งมีรายงานว่า หลังจากชายในชุดดำถูกเจ้าหน้าที่สอบถามถึงจุดประสงค์ในการเข้ามาในบริเวณ พบว่า เขาได้วิ่งหายลงไปทางบริเวณบันไดหนีไฟของตัวตึก และทำให้ทางตำรวจดัลลัสต้องอยู่ในสภาพการเตรียมพร้อมในเวลาต่อมา

โดยจากเหตุการณ์ซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาว และเหตุการณ์สังหารประชาชนคนผิวดำด้วยฝีมืออำนาจมือกฎหมายสหรัฐฯ ทำให้เกิดการประท้วงทั่วอเมริกาอย่างต่อเนื่อง โดย NBC NEWS รายงานวันอาทิตย์ (10 ก.ค.) ว่า การประท้วงชุมนุมแสดงความไม่พอใจต่อตำรวจ ได้ทำให้กลุ่มผู้ประท้วงปิดถนน I94 ในรัฐมินนิโซตาในวันเสาร์ (9 ก.ค.) เวลา 19.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยทางตำรวจรัฐมินนิโซตาได้แถลงผ่านทวิตเตอร์ ว่า ผู้ประท้วงบนทางยกระดับได้โยนสิ่งของ รวมไปถึงน้ำ และก้อนหินลงมาใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังปฏิบัติหน้าที่

และพบว่ามีตำรวจ 3 นาย ได้รับบาดเจ็บจากขวดแก้ว ดอกไม้ไฟ และสิ่งของอื่น ๆ

นอกจากนี้ ยังพบว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์สังหารจอห์นสันด้วยหุ่นยนต์กู้ระเบิด สังคมอเมริกันได้ถกเถียงถึงความเหมาะสมในเรื่องนี้ โดยรอยเตอร์รายงานในวันเสาร์ (9 ก.ค.) ว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการป้องกันประเทศต่างลงความเห็นว่า การใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ในการสังหารมนุษย์ถือเป็นประเด็นปัญหาใหญ่ในศตวรรษที่ 21 ทั้งในด้านจริยธรรมและการใช้เทคโนโลยี

โดย ปีเตอร์ ซิงเกอร์ (Peter Singer) เจ้าของผลงาน Wired for War และ The Changing Character of War เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ในสนามรบได้ออกความเห็นว่า ***“ถือเป็นครั้งแรกที่ตำรวจใช้หุ่นยนต์ในการสังหารมนุษย์”***

และความเห็นนี้สอดคล้องกับ เคลซี อาเธอร์โต (Kelsey Atherto) ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันประเทศ และคอลัมนิสต์ประจำ Popular Science ได้ยืนยันว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ตำรวจสหรัฐฯใช้หุ่นยนต์กู้ภัยสังหารผู้ต้องสงสัย โดยเขาได้แสดงความเห็นด้วยในการตัดสินใจของตำรวจเมืองดัลลัสในการส่งหุ่นยนต์เข้าทำหน้าที่แทนว่า หุ่นยนต์ถูกใช้ในกรณีที่มีความเสี่ยงภัยถึงขั้นชีวิตต่อผู้ปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลในการใช้หุ่นยนต์กู้ภัยในหน้าที่พิเศษในเหตุการณ์พิเศษที่เหนือความคาดหมายเช่นในวันศุกร์ (8 ก.ค.) ที่ผ่านมา

สื่อสหรัฐฯ theverge ได้รายงานเพิ่มเติมต่อว่า ในสงครามอิรัก มีการพบว่าใช้หุ่นยนต์กู้ระเบิดในการสังหารผู้ก่อการร้ายมาแล้ว ซึ่งซิงเกอร์ได้อธิบายในเรื่องนี้ในบทหนึ่งของหนังสือ The Changing Character of War ว่า ในสงครามอิรัก ทางกองทัพได้ใช้หุ่นยนต์กู้ภัยที่มีราคาต่ำ ที่เรียกว่า มาร์คบ็อต (MARCbot) ในการสังหารฝ่ายตรงกันข้ามด้วยระเบิด

รอยเตอร์รายงานต่อว่า ถึงจะมีการเปิดเผยจากทางหัวหน้าตำรวจดัลลัส ถึงความจำเป็นในการต้องส่งหุ่นยนต์เข้าไปปลิดชีพจอห์นสัน แต่ทว่ารอยเตอร์ชี้ว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเหตุใดทางตำรวจจึงเลือกการใช้หุ่นยนต์เป็นทางเลือกสุดท้าย และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการฝึกในการใช้หุ่นยนต์ในการปฎิบัติหน้าที่นี้หรือไม่

รอยเตอร์รายงานว่า จากบันทึกที่ได้รับการเปิดเผยสู่สาธารณะ พบว่า ในเดือนตุลาคม 2015 ทางเมืองตำรวจดัลลัสได้สั่งซื้อหุ่นยนต์กู้ระเบิด 3 ตัวจากบริษัท รีโมเทค (Remotec) บริษัทลูกของ Northrop Grumman Corp ยักษ์ใหญ่ด้านการป้องกันภัยประเทศ และมีสัญญากับทางเพนตากอน ซึ่ง NBC NEWS สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า ในการจัดซื้อครั้งนั้นเป็นมูลค่า 207,671 ดอลลาร์ โดยยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า หุ่นยนต์กู้ระเบิดรุ่นใดที่ทางเมืองดัลลัสใช้สังหารจอห์นสัน แต่ทาง theverge เชื่อว่า น่าจะเป็นหุ่นยนต์คล้ายกับมาร์คบ็อต

รอยเตอร์รายงานต่อว่า เพนตากอนได้จัดส่งหุ่นยนต์กู้ระเบิดอย่างน้อย 451 ตัว ไปยังหน่วยงานตำรวจส่วนกลางและท้องถิ่นของสหรัฐฯนับตั้งแต่ปี 2005 โดยนโยบายการส่งผ่านเทคโนโลยีสงครามไปยังตำรวจสหรัฐฯที่ถือเป็นการรักษากฎหมายของฝ่ายพลเรือนที่รู้จักในนาม “โครงการเพนตากอน 1033”

แต่โครงการนี้กลับพบถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดหลังเกิดคดีไมเคิล บราวน์ เมืองเฟอร์กูสัน รัฐมิสซูรี ปี 2014 ที่จุดฉนวนความไม่พอใจในการใช้กำลังต่อผู้ต้องสงสัยผิวสีที่ไม่มีอาวุธในขณะจับกุม ส่งผลให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ได้ออกคำสั่งให้จำกัดโครงการนี้ โดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯไม่สามารถส่งยานยนต์หุ้นเกราะบางประเภท และอุปกรณ์อื่น ๆ ไปยังหน่วยงานตำรวจอเมริกาได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอเมริกันบางส่วนมีความเห็นว่า ประธานธิบดีสหรัฐฯตอบโต้ต่อเหตุการณ์เกินกว่าสถานการณ์จริงไปมาก

ในขณะที่มีเสียงคัดค้านในเรื่องการควบคุมหุ่นยนต์ และความปลอดภัยในการใช้มีมากขึ้น โดยศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เดวิส (UCDAVIS) เอลิซาเบธ โจห์ (Elizabeth Joh) ได้ให้ความเห็นกับหนังสือพิมพ์อังกฤษ เดอะการ์เดียน ว่า การใช้หุ่นยนต์สังหารชีวิตผู้ต้องสงสัยโดยฝีมือของตำรวจสหรัฐฯ ทำให้มีการต้องตั้งคำถามต่อบรรทัดฐานด้านกฎหมาย จริยธรรม และเทคโนโลยี

อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ของตำรวจเมืองดัลลัส ยังคงยืนยันว่า “ในเมื่อความพยายามในการเจรจากับผู้ต้องสงสัย ไมคาห์ จอหน์สัน นั้นล้มเหลวท่ามกลางการยิงตอบโต้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ทางเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้หุ่นยนต์เป็นทางเลือกสุดท้าย ในการส่งระเบิดเข้าไปเพื่อรักษาชีวิตของเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงานทั้งหลายประชาชนชาวดัลลัสทั้งหมด”