เอเอฟพี - สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือมูดีส์ (Moody’s) ปรับภาพรวมเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรเป็น “ลบ” เมื่อวันศุกร์ (24 มิ.ย.) ตามหลังผลประชามติที่ฝ่ายหนุนอำลาสหภาพยุโรป (Brexit) เป็นฝ่ายชนะ และคาดว่า ปรากฏการณ์นี้จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจของเมืองผู้ดี
แม้จะยังคงความน่าเชื่อถือของอังกฤษไว้ที่ระดับ Aa1 เหมือนเดิม แต่มูดีส์เตือนว่า หลังจากนี้อังกฤษอาจเข้าสู่ภาวะชะลอตัว ประสบปัญหาด้านนโยบายเศรษฐกิจ และภาคการคลังอ่อนแอลง ในช่วงของการเจรจารายละเอียดกับยุโรป เพื่อปูทางไปสู่การแยกตัว
“ในช่วงหลายปีต่อจากนี้ที่อังกฤษจะต้องเริ่มเจรจาข้อตกลงการค้ากับอียูใหม่ มูดีส์คาดว่าจะเกิดภาวะความไม่แน่นอน นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น การจับจ่ายใช้สอยและเม็ดเงินลงทุนที่ลดลงจะส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตช้าลงไปด้วย”
“ในระยะยาว หากอังกฤษไม่สามารถทำข้อตกลงการค้าที่น่าพอใจกับอียูและประเทศอื่น ๆ ภาพรวมเศรษฐกิจอาจจะย่ำแย่กว่าที่เราประเมินในวันนี้”
ระหว่างที่อังกฤษเจรจากับอียูเพื่อกำหนดโครงสร้างความสัมพันธ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ และการค้า มูดีส์ เชื่อว่า การลงทุนหรือการใช้จ่ายในอังกฤษส่วนใหญ่จะถูกชะลอไว้ก่อน
สถาบันแห่งนี้เตือนด้วยว่า การลาออกของนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน ซึ่งทำให้อังกฤษต้องมีการผลัดเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ จะยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนต่อวินัยทางการเงิน (financial dispicline) ของประเทศ และงบประมาณที่ลอนดอนไม่ต้องเสียไปกับการอุดหนุนอียูนั้น คงไม่มากพอที่จะชดเชยกับความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น
