เอเอฟพี - สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดีส์ (Moody’s) ประกาศลดเครดิตค่ายยานยนต์ชั้นนำเมืองเบียร์ “โฟล์คสวาเกน” เมื่อวานนี้ (4 พ.ย.) ขณะที่ปัญหาเรื่องการติดตั้งอุปกรณ์โกงค่ามลพิษส่อแววลุกลามไปถึงรถยนต์อีกหลายรุ่น
มูดีส์ ลดความน่าเชื่อถือของโฟล์คสวาเกนลงมา 1 ขั้นเหลือ A3 หลังทางการสหรัฐฯ ออกมากล่าวหาล่าสุดว่า โฟล์คไม่เพียงติดตั้งอุปกรณ์โกงค่าก๊าซพิษไนโตรเจนออกไซด์ในรถเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็กเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรถดีเซล 6 กระบอกสูบขนาด 3.0 ลิตรอย่างโฟล์คสวาเกน ทูอาเร็ก, ปอร์เช่ คาเยนน์ และออดี้บางรุ่น
มูดีส์ยังอ้างถึงผลการตรวจสอบภายของโฟล์คสวาเกน ซึ่งพบว่ามีรถยนต์อีกราวๆ 800,000 คันที่ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ “สูงผิดปกติ” และครอบคลุมไปถึงรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินด้วย
สถาบันแห่งนี้เตือนว่า แม้ฐานะทางการเงินของโฟล์คสวาเกนจะยังเข้มแข็งพอที่จะฝ่าฟันมรสุมไปได้ แต่ก็เสี่ยงถูกปรับหลายพันล้านดอลลาร์ และอาจกระทบต่อชื่อเสียงและผลประกอบการของบริษัทด้วย
หลังจากสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐฯ (US Environmental Protection Agency) ได้ออกมากล่าวหาโฟล์คสวาเกนว่ามีการติดตั้งอุปกรณ์โกงค่ามลพิษในรถเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 3.0 ลิตร ซึ่งมีทั้งยี่ห้อโฟล์คสวาเกน ออดี้ รวมถึงรถสปอร์ตอเนกประสงค์ ปอร์เช่ คาเยนน์ ทางบริษัทก็ได้ระงับการจำหน่ายรถยนต์รุ่นเหล่านี้ในสหรัฐฯ ทันที
มูดีส์ ชี้ว่า รถยนต์เกรดพรีเมียมเหล่านี้ “คือรุ่นที่ทำกำไรให้แก่ โฟล์คสวาเกน มากที่สุด”
โฟล์คสวาเกนยอมรับเมื่อเดือนกันยายนว่า รถเครื่องยนต์ดีเซลราว 11 ล้านคันทั่วโลกติดตั้งอุปกรณ์ที่สามารถโกงค่ามลพิษขณะถูกทดสอบได้ ซึ่งนับเป็นข่าวที่สร้างความตกตะลึงต่อแวดวงยานยนต์ ขณะที่ทางการหลายประเทศได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อเอาผิดกับค่ายรถชื่อดังแห่งนี้
สิ่งที่เรียกว่า “อุปกรณ์ยังผล” (defeat device) นี้จะเปิดตัวควบคุมมลพิษระหว่างที่รถยนต์ถูกทดสอบค่าไอเสีย และจะปิดในขณะที่รถแล่นอยู่บนท้องถนนตามปกติ ซึ่งหมายความว่ารถยนต์เหล่านี้อาจปลดปล่อยก๊าซพิษไนโตรเจนออกไซด์ออกมาในปริมาณที่สูงมาก โดยที่ทางการของแต่ละประเทศตรวจไม่พบ
ราคาหุ้นโฟล์คดิ่งฮวบลง 9.5% ปิดตลาดที่ 100.45 ยูโรในการซื้อขายที่ตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ต เมื่อวานนี้ (4) สะท้อนความกังวลของนักลงทุนต่อการยอมรับของบริษัทที่ว่า ปัญหาไอเสียไม่ได้ถูกจำกัดเฉพาะรถเครื่องยนต์ดีเซล แต่ยังครอบคลุมไปถึงรถเครื่องยนต์เบนซินบางรุ่น
โฟล์คสวาเกนสูญเสียมูลค่าตลาด (market capitalization) ไปแล้วเกือบ 40% นับตั้งแต่ปัญหาอุปกรณ์โกงค่ามลพิษถูกเปิดเผยในเดือนกันยายน