เอเอฟพี - ราคาน้ำมันโลกปิดลบราว 5 เปอร์เซ็นต์ และดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 600 จุด ในวันศุกร์ (24 มิ.ย.) หลังชาวอังกฤษก่อความตกตะลึงด้วยการลงประชามติถอนตัวจากสหภาพยุโรป ซึ่งกระพือความตื่นกลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ปัจจัยนี้ดันทองคำทะยานเกือบ 60 ดอลลาร์ นักลงทุนขวัญกระเจิงแห่ถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 2.47 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 2.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 48.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ผลประชามติ Brexit ผลักความไม่แน่นอนระดับใหม่เข้าสู่ตลาด ขณะที่เหล่านักเศรษฐศาสตร์คาดหมายว่า การแยกตัวจากอียู จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของอังกฤษอย่างรุนแรง และเป็นไปได้ที่จะดิ่งสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า และจะฉุดลากการเติบโตโดยรวมของยุโรปด้วย
ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตของยุโรป ตามหลังอังกฤษลงประชามติถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอียู ฉุดให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันศุกร์ (24 มิ.ย.) ร่วงลงอย่างหนัก เคลื่อนไหวตามตลาดทุนโลก
ดาวโจนส์ ลดลง 611.21 จุด (3.39 เปอร์เซ็นต์) ปิด 17,399.86 จุด ปรับลงวันเดียวหนักหน่วงที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี เอสแอนด์พี ลดลง 75.91 จุด (3.60 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,037.41 จุด แนสแดค ลดลง 202.06 จุด (4.12 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,707.98 จุด
แม้วอลล์สตรีทจะดิ่งลงอย่างกว้างขวาง แต่ ภาคธนาคาร พลังงาน การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรม เป็นภาคที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด
การตัดสินใจถอนตัวจากอียูของอังกฤษ ยังก่อความผันผวนรุนแรงไปทั่วตลาดการเงินอื่น ๆ เช่นกัน โดยฉุดให้เงินปอนด์ร่วงหนัก ช่วงหนึ่งของการซื้อขายแตะระดับต่ำสุดรอบ 31 ปี ขณะที่เหล่านักลงทุนพากันหนีตายมุ่งหน้าสู่สินทรัพย์ที่มีควาเสี่ยงต่ำ ดันราคาทองคำพุ่งทะยานเกือบ 5 เปอร์เซ็นต์ ในวันศุกร์ (24 มิ.ย.)
ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 59.30 ดอลลาร์ หรือ 4.7 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 1,322.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นการปรับขึ้นวันเดียวในรูปแบบดอลลาร์และเปอร์เซ็นต์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2013