รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - ในการประกาศผลการเลือกตั้งท้องถิ่นแดนเสือเหลือง 2 แห่ง ในสุไหงเบซาร์ (Sungai Besar) และ กัวลากังซาร์ (Kuala Kangsar) ในวันเสาร์ (18 มิ.ย.) แทนที่ตำแหน่งที่ว่างลง ผลปรากฏว่า พรรคแนวร่วมรัฐบาลมาเลย์ บาริซาน เนชันแนล (Barisan Nasional) หรือ BN ของนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ผู้อื้อฉาวมีชัยเหนือคนจากพรรคคู่แข่ง มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ทรงอำนาจของแดนเสือเหลือง ที่หันมาตั้งกลุ่มความเคลื่อนไหวทางการเมืองส่งผู้สมัครท้าชน
รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (18 มิ.ย.) ว่า ผลจากชัยชนะรวดในการเลือกตั้งท้องถิ่นแดนเสือเหลือง 2 แห่ง ใน สุไหงเบซาร์ (Sungai Besar) และ กัวลากังซาร์ (Kuala Kangsar) ในวันเสาร์ (18 มิ.ย.) แทนที่ตำแหน่งผู้สมัคร 2 คนที่ว่างลง เนื่องมาจากผู้ที่เคยนั่งในตำแหน่งนี้ได้รับอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา ทำให้นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ที่อื้อฉาวจากคดีคอร์รัปชนของกองทุน 1MDB ที่มีรัฐบาลมาเลเซียเป็นเจ้าของ สามารถต่อลมหายใจไปได้อีกพักใหญ่ สามารถกระชับอำนาจทั้งในด้านการบริหารประเทศ และภายในพรรคแนวร่วมรัฐบาล ซึ่งเป็นพรรคแนวร่วมรัฐบาลผสม 13 พรรคที่รู้รักภายใต้ชื่อ บาริซาน เนชันแนล (Barisan Nasional) หรือ BN ซึ่งมีพรรคมลายูสามัคคีแห่งชาติ ที่รู้จักในนาม พรรคอัมโน ของนาจิบ เป็นแกนนำ
ทั้งนี้ ผลจากการเลือกตั้ง พบว่า พรรคแนวรวม BN เอาชนะการเลือกตั้งทั้ง 2 แห่ง เมื่อวานนี้ (18 มิ.ย.) ด้วยคะแนนเสียงที่มากขึ้นเมือเปรียบเทียบกับผลการเลือกตั้งในปี 2013 ในการเลือกตั้งทั่วไป คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติมาเลเซีย แถลง ซึ่งพบว่าทั้งเขตการเลือกตั้งในสุไหงเบซาร์ และ กัวลากังซาร์ ล้วนเป็นชุมชนที่พึ่งพาการทำอาชีพเกษตรกรรม และการประมงเป็นหลัก ตลอดบริเวณคาบสมุทรตะวันตกของมาเลเซีย
โดยพบว่า บูดิมาน โมฮัมหมัด โซห์ดี ผู้สมัครจาก BN ชนะการเลือกตั้งในสุไหงเบซาร์ รัฐสลังงอร์ และมาสตูรา โมฮัมหมัด ยาซิด ชนะการเลือกตั้งในกัวลากังซาร์ รัฐเประ โดยสื่อแชเนลนิวสเอเชีย ชี้ว่า มีผู้มีสิทธิเข้าคูหา 74% ในสุไหงเบซาร์ และในกัวลากังซาร์ 71.4% ตามลำดับ ซึ่งพบว่าแนวร่วมพรรค BN ชนะเสียงส่วนใหญ่ได้ 9,191 คะแนน ในสุไหงเบซาร์ และ ในกัวลากังซาร์ ชนะเสียงส่วนใหญ่ 6,969 คะแนน
ซึ่งในแถลงการณ์ของนาจิบ เขาชี้ว่า “อดีตนายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮัมหมัด ได้เปลี่ยนให้การเลือกตั้งทั้องถิ่นให้กลายเป็นการลงประชามติวัดความรู้สึกของพลเมืองมาเลเซียต่อตัวผม”
และ นาจิบ ยังแถลงเพิ่มเติมว่า “และพลเมืองมาเลเซียได้ตัดสินด้วยการปฏิเสธต่อข้อกล่าวหาที่ล้วนโกหกของมหาเธร์ ประชาชนเหล่านี้ปฏิเสธต่อกลุ่มการเมืองผสมที่ไม่ประสบความสำเร็จของอดีตฝ่ายศัตรูที่อยู่ภายใต้การชี้นำของมหาเธร์ และประชาชนชาวมาเลเซียปฏิเสธการไม่ต่อเนื่องของการเมืองฝ่ายตรงข้าม ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีชื่อมหาเธร์เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย”
รอยเตอร์ชี้ว่า ถึงแม้ว่าผลการเลือกตั้งที่ออกมาจะยังไม่สามารถเปลี่ยนความสมดุลทางอำนาจในรัฐสภาแดนเสือเหลืองได้ แต่นักสังเกตการณ์ชี้ว่า นี่อาจจะแสดงเป็นนัยให้เห็นว่าบารมี และอำนาจของมหาเธร์ อดีตผู้นำมาเลเซีย เป็นที่น่าวิตกหรือไม่
ซึ่งพบว่า พันธมิตรของนาจิบสามารถกวาดชัยชนะแบบม้วนเดียวจบในการเลือกตั้งรัฐซาราวัก บนเกาะบอร์เนียวในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งผู้เชี่ยวชาญต่างวิตกว่า ราซัค อาจใช้โอกาสประกาศการเลือกตั้งครั้งใหม่แบบไม่ให้ทันตั้งตัว เพื่อการกระชับอำนาจของตัวเอง
โดย เจมส์ ชิน (James Chin) ประจำสถาบันเอเชียศึกษา มหาวิทยาลัยทัสมาเนีย ได้ให้ความเห็นกับรอยเตอร์ ว่า “มีความเป็นไปได้อย่างสูงที่จะมีการประกาศการเลือกตั้งครั้งใหม่ในเร็ววันนี้ หากพรรคแนวร่วมรัฐบาล BN ชนะด้วยคะแนนทิ้งห่าง”
ทั้งนี้ รอยเตอร์รายงานว่า กำหนดการเลือกตั้งทั่วไปของมาเลเซีย จะมีขึ้นในปี 2018 ซึ่งพรรคการเมืองผสมเสียที่นั่งถึง 2 ใน 3 ในการเลือกตั้งปี 2008 และ นาจิบ ราซัค เสียความนิยมในปี 2013 ถึงแม้ว่าพรรครัฐบาลมาเลเซียของเขา BN จะสามารถยังควบคุมอำนาจต่อไปได้
ซึ่งเหล่านักวิจารณ์ได้เรียกร้องให้ผู้นำมาเลเซียลาออกจากตำแหน่ง หลังการเปิดเผยของรายงานที่อ้างว่า เงินมหาศาลถึงหลายพันล้านดอลลาร์นั้น ถูกจัดการอย่างไม่เหมาะสมภายใต้โครงการกองทุน 1MDB ที่เขาปั้นมากับมือ และยังพบว่า มีเงินจำนวนมากถึง 1 พันล้านดอลลาร์ ถูกโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของ นาจิบ ราซัค แต่ผู้นำแดนเสือเหลืองปฏิเสธความเกี่ยวข้อง
รอยเตอร์รายงานต่อว่า มหาเธร์ ผู้นำขวัญใจตลอดกาลของมาเลเซีย อยู่ในอำนาจมาอย่างยาวนานถึง 22 ปี และเพิ่งเกษียณตัวเองลงจากอำนาจในปี 2013 ลาออกจากพรรคอัมโนในต้นปีที่ผ่านมา ด้วยข้อกล่าวหาว่า พรรคแห่งนี้ได้เป็นเครื่องมือรับใช้นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของมาเลเซียไปแล้ว
ทั้งนี้ พรรคอัมโน ถือเป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และยังเป็นสมาชิกก่อตั้งของพรรคแนวร่วม BN