เอเอฟพี - คู่รักปากีสถานต้องจบชีวิตอย่างน่าสลด ถูกฆาตกรรมในเมืองลาฮอร์ในวันศุกร์(10มิ.ย.) โทษฐานที่แต่งงานกันโดยไม่ได้รับการยินยอมจากครอบครัวของทั้งสองฝ่าย นับเป็นเหตุเกียรติยศสังหารหรือฆ่าเพื่อรักษาเกียรติ (Honour Killing) คดีที่ 2 ในรอบสัปดาห์ ภายในชาติเอเชียใต้แห่งนี้
มูฮัมหมัด อัสราฟ วัย 56 ปี ลงมือฆ่า ซาบา ลูกสาวของเขาเองและนาย คารามัต อาลี สามีของเธอ หนึ่งวันหลังจากทั้งคู่ดินแดนกลับสู่พื้นที่คาห์นา ในเมืองลาฮอร์ เพื่อหวังคลายความสัมพันธ์อันแข็งกระด้างกับครอบครัว ที่ไม่เห็นด้วยกับการที่ทั้งคู่แต่งงานกัน
"ซาบาวัย 18 ปี แต่งงานกับ คารามัต อาลี วัย 35 ปี เมื่อราวๆ 18 เดือนก่อน แม้ถูกคัดค้านจากครอบครัวของเธอ และเธอได้เดินทางกลับมาบ้านในวันพฤหัสบดี(9มิ.ย.) เพื่อสะสางปัญหากับพ่อและสมาชิกคนอื่นๆของครอบครัว" เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นบอกกับเอเอฟพี
อัสราฟ ซึ่งมีอาชีพเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ยิงใส่ลูกสาวและลูกเขยของตนเอง หลังเกิดบันดาลโทสะระหว่างการโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อน "เขายังฆ่าเพื่อนบ้านรายหนึ่งชื่อว่า มูฮัมหมัด อัคราม ที่สนับสนุนการแต่งงานของลูกสาวของเขา" ตำรวจท้องถิ่นเผย พร้อมระบุว่าต่อมานายอัสราฟและนายซัฟดาร์ ลูกชาย ได้มอบตัวกับตำรวจและยอมรับสารภาพว่าก่อเหตุฆาตกรรม
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจาก ซีนัต บิบี ผู้หญิงอีกคนในลาฮอร์ ถูกแม่แท้ๆของตนเองจุดไฟเผาทั้งเป็น โทษฐานที่แต่งงานกับชายหนุ่มที่เธอเป็นคนเลือกเอง ซึ่งต่อมาแม่ของบิบี ก็ได้ให้การรับสารภาพ
ก่อนหน้านี้ในวันศุกร์(10มิ.ย.) นายนาวาซ ชารีฟ นายกรัฐมตรีปากีสถาน ออกคำสั่งสืบสวนอย่างครอบคลุมในคดีดังกล่าว "นายกรัฐมนตรีนาวาซ ชารีฟ แสดงความกังวลใหญ่หลวงและรู้สึกปวดร้าวต่อเหตุเข่นฆ่าผู้หญิงในลาฮอร์ เหตุการณ์นี้สวนทางกลับคุณค่าและวัฒนธรรมของอิสลาม" ถ้อยแถลงของทำเนียบนายกรัฐมนตรีระบุ
ในแต่ละปี ผู้หญิงหลายร้อยคนในปากีสถานถูกสังหารโดยญาติๆ ของพวกเธอ ตามคำแก้ตัวว่าเพื่อปกป้องเกียรติยศของครอบครัว
ปากีสถานเคยแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาในปี 2005 เพื่อป้องกันไม่ให้พวกผู้ชายที่สังหารญาติผู้หญิงรอดพ้นจากการถูกลงโทษ ผ่านการขอนิรโทษกรรมตนเองในฐานะเป็นญาติของเหยื่อ
แต่ด้วยกฎหมายดังกล่าวปล่อยให้ศาลใช้ดุลพินิจพิจารณาว่าจะกำหนดบทลงโทษจำคุกหรือไม่ในกรณีที่ญาติคนอื่นๆของเหยื่อยอมให้อภัยผู้ที่ลงมือสังหาร ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นช่องโหว่ทางกฎหมายที่พวกนักวิจารณ์บอกว่ายังคงถูกใช้แสวงหาประโยชน์อยู่