รอยเตอร์/MGRออนไลน์ - อเมริกาโวยเครื่องบินสอดแนมของตนถูกเครื่องบินขับไล่จีนสกัดอย่างน่าหวาดเสียว ขณะปฏิบัติภารกิจตามปกติเหนือทะเลจีนตะวันออกเมื่อวันอังคาร (7 มิ.ย.) ด้านปักกิ่งโต้วอชิงตันจงใจประโคมข่าวให้น่าตื่นเต้นเกินจริง ยันนักบินของตนปฏิบัติหน้าที่อย่างรับผิดชอบและเป็นมืออาชีพ ขณะเดียวกัน ทางกระทรวงการต่างประเทศแดนมังกรได้เรียกร้องให้ฟิลิปปินส์ยุติกระบวนการอนุญาโตตุลาการทันที และหันมาเจรจาตัวต่อตัวเพื่อคลี่คลายข้อพิพาทในทะเลจีนใต้อย่างสันติ
กองบัญชาการทหารภาคพื้นแปซิฟิกของสหรัฐฯ แถลงในวันพุธ (8) ว่า เครื่องบินตรวจการณ์ อาร์ซี-135 ลำหนึ่งของกองทัพอากาศอเมริกัน ถูกเครื่องบินขับไล่ เจ-10 ของจีนจำนวน 2 ลำเข้าสกัดกั้น โดยที่ลำหนึ่งบินประชิดในระยะที่อันตราย และผลการประเมินเบื้องต้นดูเหมือนเป็นกรณีที่ฝ่ายจีนควบคุมเครื่องบินอย่างไม่เหมาะสม เนื่องจากไม่มีการยั่วยุหรือการบินผาดแผลงที่อันตรายเกิดขึ้น อย่างไรก็ดี คำแถลงไม่ได้ระบุว่าเครื่องบินขับไล่ของจีนเข้าประชิดในระยะใกล้เพียงใด
คำแถลงเสริมว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ได้แจ้งเรื่องนี้กับจีนผ่านช่องทางการทูตและการทหารที่เหมาะสมแล้ว
ทางด้านกระทรวงกลาโหมจีนแถลงว่า ได้รับรายงานแล้วและกำลังตรวจสอบอยู่ กระนั้น คำแถลงของแดนมังกรก็ระบุว่า นี่เป็นอีกครั้งที่วอชิงตันจงใจโหมกระพือข่าวเครื่องบินอเมริกันบินสอดแนมจีนในระยะใกล้ให้ดูน่าตื่นเต้นเกินจริง
“นักบินของกองทัพจีนปฏิบัติหน้าที่โดยอิงกับกฎหมายและกฎระเบียบ นอกจากนี้ยังมีความเป็นมืออาชีพและความรับผิดชอบ” คำแถลงของปักกิ่งสำทับ
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเพนตากอนก็ได้ร้องเรียนว่าเครื่องบินขับไล่จีนบินประชิดเครื่องบินอีพี-3 ของอเมริกาในระยะห่างเพียง 15 เมตร เหนือทะเลจีนใต้ ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงที่สองประเทศลงนามร่วมกันเมื่อปีที่แล้ว
นอกจากนั้น วอชิงตันยังกล่าวหาว่าปักกิ่งกำลังสะสมแสนยานุภาพในทะเลจีนใต้จากการสร้างเกาะเทียมหลายแห่ง ด้านปักกิ่งโต้กลับว่าวอชิงตันต่างหากที่ส่งเรือตรวจการณ์และซ้อมรบในเอเชียถี่ขึ้นอย่างชัดเจน
จีนนั้นอ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่เกือบทั้งหมดในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าปีละ 5 ล้านล้านดอลลาร์ ทำให้มีข้อพิพาทแย่งชิงสิทธิ์กับฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย ไต้หวัน และบรูไน โดยในบรรดาประเทศเหล่านี้ ฟิลิปปินส์เป็นชาติที่ลุกขึ้นมาต่อต้านจีนอย่างเป็นรูปธรรมที่สุดด้วยการนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของศาลอนุญาโตตุลาการถาวรที่กรุงเฮก
เกี่ยวกับเรื่องนี้ กระทรวงการต่างประเทศจีนออกคำแถลงทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษเมื่อวันพุธ (8) ว่า จีนกับฟิลิปปินส์ตกลงกันในปี 1995 ว่าจะแก้ไขข้อพิพาทในทะเลจีนใต้อย่างสันติและฉันมิตรผ่านการหารืออย่างเท่าเทียมและเคารพซึ่งกันและกัน
นับจากนั้น สองประเทศหารือกันมาหลายครั้งเกี่ยวกับการจัดการข้อพิพาททางทะเลอย่างเหมาะสม แต่ไม่เคยมีการเจรจาเพื่อแก้ไขข้อพิพาทที่แท้จริงในทะเลจีนใต้เลย
“จีนเสนอต่อฟิลิปปินส์หลายครั้งในการกำหนดกลไกการหารือเกี่ยวกับปัญหาทางทะเลอย่างสม่ำเสมอ ทว่า จนถึงขณะนี้ยังคงไม่มีคำตอบจากฟิลิปปินส์” คำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุ
ทางฝั่งกระทรวงการต่างประเทศตากาล็อกไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ โดยเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของกระทรวงที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกรณีการฟ้องร้องต่อศาลอนุญาโตตุลาการเผยว่า มะนิลาคาดว่าศาลอนุญาโตตุลาการจะมีคำวินิจฉัยออกมาภายในเดือนนี้ จึงเลือกที่จะสงวนท่าทีจนกว่าจะถึงตอนนั้น
ขณะเดียวกัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ แสดงความเห็นเมื่อวันอังคาร (7) ว่า ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต ไม่ควรเปิดเจรจาทวิภาคีกับจีนโดยปราศจากเงื่อนไขเพื่อแก้ไขข้อพิพาทในทะเลจีนใต้
ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากที่ดูเตอร์เตประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะไม่ทำสงครามกับจีน และอาจเปิดเจรจาทวิภาคีแทน ซึ่งเข้าทางปักกิ่งที่ย้ำมาตลอดว่าจะไม่ยอมรับผลการวินิจฉัยของศาลอนุญาโตตุลาการ แต่พร้อมเจรจาตัวต่อตัวกับมะนิลาทุกเมื่อ
“จีนเรียกร้องให้ฟิลิปปินส์ยุติการดำเนินการที่ผิดพลาดในการผลักดันกระบวนการอนุญาโตตุลาการทันที และกลับสู่แนวทางที่ถูกต้องในการแก้ไขข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ผ่านการเจรจาทวิภาคีกับจีน” คำแถลงของจีนย้ำ