มังกรกัดมะกันตัวป่วนทะเลจีนใต้ ย้ำเปล่าเกเรแต่ไม่หวั่นหากมีเรื่อง

เอเจนซีส์ - จีนประณามอเมริกาเป็นพวกยั่วยุ ชี้สถานการณ์ทะเลจีนใต้ร้อนแรงเกินจำเป็นเนื่องจากบางประเทศจ้องหาผลประโยชน์ใส่ตัว ย้ำไม่ได้หาเรื่อง แต่ก็ไม่กลัวหากจะมีเรื่องกรณีความขัดแย้งด้านดินแดนกับเพื่อนบ้าน รวมทั้งจะไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลอนุญาโตตุลาการ

ในระหว่างการประชุมสุดยอดความมั่นคงเมื่อวันอาทิตย์ (5) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่สิงคโปร์ พล.ร.อ.ซุน เจี้ยนกั๋ว กล่าวโดยไม่ได้ระบุถึงประเทศใด แต่เป็นที่เข้าใจกันชัดเจนว่าพาดพิงถึงอเมริกา โดยบอกว่าเสรีภาพในการเดินเรือและการบินในทะเลจีนใต้เป็นการแสดง “แสนยานุภาพทางทหาร” และจีนจะไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการถาวรที่กรุงเฮก รวมทั้งไม่ยอมให้ประเทศใดละเมิดอธิปไตยและผลประโยชน์ด้านความมั่นคง รวมทั้งจะเดินหน้าคัดค้านบางประเทศที่กำลังก่อกวนให้ทะเลจีนใต้ปั่นป่วน

“จีนคัดค้านพฤติกรรมดังกล่าวอย่างแรงกล้า เราไม่ได้เป็นฝ่ายหาเรื่อง แต่ก็ไม่กลัวถ้าจะมีเรื่องกัน” ซุนกล่าว พร้อมย้ำด้วยว่า จีนต้องการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ

การแสดงท่าทีของซุนมีขึ้นหลังจากเมื่อวันเสาร์ แอชตัน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวเตือนในที่ประชุมเดียวกันว่า การก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ของจีนบนเกาะในทะเลจีนใต้ที่ฟิลิปปินส์อ้างสิทธิ์เช่นเดียวกันจะนำมาซึ่ง “การดำเนินการ” โดยอเมริกาและชาติอื่นๆ

อย่างไรก็ดี คาร์เตอร์ปฏิเสธที่จะระบุว่า “การดำเนินการ” ดังกล่าวคืออะไร แต่เสนอให้กระชับความร่วมมือด้านความมั่นคงระดับทวิภาคีกับจีนเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

นอกจากนี้ ในวันอาทิตย์ จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา ยังกล่าวระหว่างเยือนมองโกเลียว่า ปักกิ่งไม่ควรประกาศเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศเหนือทะเลจีนใต้เหมือนที่ทำเหนือทะเลจีนตะวันออกเมื่อปี 2013 เนื่องจากจะเข้าข่าย “ยั่วยุและบ่อนทำลายเสถียรภาพ”

สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ที่เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าสำคัญของโลกและเชื่อว่าอุดมด้วยทรัพยากรพลังงานนั้น ตึงเครียดขึ้นก่อนที่ศาลอนุญาโตตุลาการถาวรจะวินิจฉัยกรณีที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นพันธมิตรและอดีตอาณานิคมของอเมริกายื่นฟ้องจีน

ปักกิ่งและวอชิงตันต่างกล่าวหากันว่านำทหารไปประจำการณ์ในทะเลจีนใต้ ขณะที่จีนสร้างเกาะเทียมหลายเกาะ ส่วนอเมริกาเพิ่มการลาดตระเวนและซ้อมรบในบริเวณดังกล่าว

จีนยังตอบโต้การปราศรัยของคาร์เตอร์เมื่อวันเสาร์ (4) ที่ระบุว่าปักกิ่งเสี่ยงที่จะโดดเดี่ยวตัวเองด้วยการขยายกำลังทหารในน่านน้ำที่เป็นข้อพิพาท

ซุนประกาศว่า จีนไม่เคยถูกโดดเดี่ยว ไม่ว่าในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต ชาติเอเชียที่เข้าร่วมการประชุมล้วนมีท่าทีเป็นมิตรและอบอุ่นกับจีนมากกว่าเมื่อปีที่แล้วด้วยซ้ำ

“จริงๆ แล้วผมกำลังห่วงว่าบางคนและบางประเทศยังคงมองจีนด้วยความคิดและอคติของยุคสงครามเย็น” ซุนกล่าว

พลเรือเอกจากกองทัพจีนยังพาดพิงถึงฟิลิปปินส์ว่า จีนไม่ได้เป็นอันธพาลและต้องการแก้ไขปัญหาแบบทวิภาคี รวมทั้งบอกว่าพร้อมเจรจากับว่าที่ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต ของฟิลิปปินส์

ซุนระบุอีกว่า บางประเทศใช้อำนาจครอบงำประเทศที่เล็กกว่าเพื่อให้ดำเนินการยั่วยุชาติใหญ่

หนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ของฮ่องกงเคยรายงานว่า จีนมีแผนสร้างค่ายทหารขนาดเล็กบนแนวปะการังสการ์โบโรห์ที่อยู่ห่างจากชายฝั่งฟิลิปปินส์ 230 กิโลเมตร และถือว่าอยู่ภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษแดนตากาล็อก

จีนนั้นอ้างสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด ทำให้มีกรณีพิพาทกับฟิลิปปินส์ บรูไน มาเลเซีย และเวียดนาม นอกจากนั้นปักกิ่งยังเปลี่ยนแนวปะการังหลายแห่งเป็นเกาะเทียม มิหนำซ้ำยังสร้างสนามบินขนาดเล็กไว้บนบางเกาะ

มะนิลาระบุว่า จีนเข้ายึดครองแนวปะการังสการ์โบโรห์อย่างจริงจังในปี 2012 และนำกองเรือลาดตระเวนไปประจำการณ์ รวมทั้งขับไล่เรือประมงฟิลิปปินส์ออกจากบริเวณดังกล่าว หลังจากเผชิญหน้ากับเรือของกองทัพเรือตากาล็อกนาน 2 เดือน

ขณะเดียวกัน เหวียน จี่วีง รัฐมนตรีช่วยกลาโหมของเวียดนามเตือนในเวทีประชุมที่สิงคโปร์ว่า แนวโน้มความมั่นคงในทะเลจีนใต้กำลังเสื่อมถอยลง ซึ่งหากไม่มีการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที โดยมีแนวโน้มว่าจะนำไปสู่การแข่งขันสะสมอาวุธ การเป็นปฏิปักษ์เชิงยุทธศาสตร์ของชาติมหาอำนาจ อันจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ร้ายแรงและไม่อาจคาดเดาได้