รอยเตอร์ - หัวหน้าสถาบันนิติเวชศาสตร์ของอียิปต์ในวันอังคาร (24 พ.ค.) ปฏิเสธข้อสันนิษฐานที่ว่าศพที่ฉีกขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยของผู้โดยสารเครื่องบินอียิปต์แอร์ที่เก็บกู้ได้จากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อาจบ่งชี้ว่ามันอาจเกิดระเบิดกลางอากาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่เร่งค้นหากล่องดำเพื่อไขปริศนาอุบัติเหตุคราวนี้ แต่จนถึงตอนนี้ยังคงไร้ร่องรอย
เหล่าคณะสืบสวนชุดคลี่คลายข้อสงสัยว่าทำไมเครื่องบินแอร์บัส320 พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 66 คนถึงหายไปจากจอเรดาร์เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (19 พ.ค.) กำลังมองหาเงื่อนงำต่างๆ ในเศษชิ้นส่วนมนุษย์และเศษซากต่างๆ ที่เก็บกู้ได้จากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ขณะที่ตัวเครื่องบินและกล่องดำ ที่อาจอธิบายต้นตอเหตุเที่ยวบินจากปารีสสู่กรุงไคโรโหม่งโลกระหว่างบินเข้าสู่น่านฟ้าของอียิปต์ ยังหาไม่พบ
เจ้าหน้าที่นิติเวชศาสตร์ของอียิปต์รายหนึ่งบอกว่าสามารถรวบรวมชิ้นส่วนศพได้ 23 ถุงตั้งแต่วันเสาร์ (21 พ.ค.) โดยชิ้นส่วนขนาดใหญ่สุดที่พบมีขนาดแค่พอๆ กับฝ่ามือ พร้อมระบุว่าด้วยขนาดดังกล่าวบ่งชี้ว่ามันอาจมีการระเบิด แม้จะไม่พบร่อยรองของวัตถุระเบิดก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ไฮชาม อับเดลฮามิด หัวหน้าสถาบันนิติเวชศาสตร์ของอียิปต์ บอกว่าคำประเมินดังกล่าวเป็นแค่ข้อสันนิษฐานเท่านั้นและยังเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุป ขณะที่แหล่งข่าวอย่างน้อย 2 แหล่งที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนก็บอกเช่นกันว่ายังเร็วเกินไปที่จะชี้ชัดว่าอะไรคือต้นตอที่ทำให้เที่ยวบิน 804 ของอียิปต์แอร์ดิ่งลงสู่ทะเล
คณะสืบสวนของฝรั่งเศสบอกว่าเครื่องบินส่งสัญญาณเตือนหลายครั้งบ่งชี้ว่ามีการตรวจพบควันบนเครื่อง เช่นเดียวกับความเป็นไปได้ของเหตุคอมพิวเตอร์ขัดข้องไม่นานก่อนที่มันจะหายไป ทั้งนี้สัญญาณเตือนไม่ได้ชี้ว่าอะไรคือต้นตอของควัน และเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านการบินระบุว่ายังไม่สามารถตัดข้อสันนิษฐานอย่างใดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการจงใจก่อวินาศกรรมหรือเหตุขัดข้องทางเทคนิคไปได้
ทีมสืบสวนต้องพึ่งเศษซากต่างๆ กระเป๋าสัมภาระและเสื้อผ้า เช่นเดียวกับการวิเคราะห์ทางเคมี เพื่อตรวจหาร่องรอยของระเบิดที่อาจฝังอยู่
กระทรวงการบินพลเรือนอียิปต์จัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อดำเนินการสืบสวนทางเทคนิคเกี่ยวกับอุบัติเหตุครั้งนี้ และเจ้าหน้าที่จากหน่วยสืบสวนอุบัติเหตุทางอากาศของฝรั่งเศส BEA จำนวน 3 ราย ก็เดินทางถึงกรุงไคโรตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว (20 พ.ค.) เพื่อช่วยในการสืบสวน เช่นเดียวกับผู้เชี่ยวชาญจากแอร์บัสอีกคน
อียิปต์ประจำการเรือดำน้ำหุ่นยนต์และฝรั่งเศสส่งเรือค้นหาเข้าร่วมปฏิบัติการตามหากล่องดำของเครื่องบิน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าพวกเขาเหล่านั้นตรวจพบสัญญาณที่ปล่อยออกมาจากกล่องบันทึกการบินแล้วหรือไม่ ท่ามกลางความเป็นไปได้ว่ามันอาจจมอยู่ที่ระดับความลึกราว 3,000 เมตร ขณะที่สัญญาณของกล่องดำต้องอาศัยแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานแค่ 30 วันเท่านั้น
5 วันหลังจากเครื่องบินสูญหายไปจากจอเรดาร์ เจ้าหน้าที่อียิปต์และกรีซ ซึ่งสังเกตการณ์เที่ยวบินก่อนที่มันบินเข้าสู่น่านฟ้าของอียิปต์ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับช่วงเวลาสุดท้ายของเครื่องบินต่างกันออกไป
รัฐมนตรีกลาโหม ปานอส คัมเมนอส ของกรีซ แถลงที่กรุงเอเธนส์ว่า เครื่องบินโดยสารของอียิปต์แอร์ ซึ่งหายไปในช่วงก่อนเช้ามืดของวันพฤหัสบดี (19) ได้หักเลี้ยวไปซ้ายไปขวาอย่างกะทันหันกลางอากาศ และดำดิ่งลงมาจากระดับความสูงสำหรับการเดินทางปกติสู่ระดับ 15,000 ฟุต ก่อนที่จะหายลับไปจากจอเรดาร์
อย่างไรก็ตาม อีฮับ โมฮิเอลดิน อาซมี หัวหน้าศูนย์บริการการเดินอากาศของอียิปต์ บอกว่า เจ้าหน้าที่ไคโรไม่พบเห็นสัญญาณการหักเลี้ยวของเครื่องบิน และมันบินอยู่ที่ระดับความสูง 37,000 ฟุต จนกระทั่งสูญหาย
อัยการอียิปต์ร้องขอให้กรีซส่งมอบสำเนาการสนทนาระหว่างนักบินกับหอควบคุมการจราจรทางอากาศของกรีซ และขอสอบปากคำเจ้าหน้าที่ว่านักบินได้ส่งสัญญาณแจ้งเหตุร้ายหรือไม่ นอกจากนี้แล้วพวกเขายังได้ร้องขอไปยังฝรั่งเศสสำหรับขอเอกสาร เทปบันทึกเสียงและบันทึกภาพบนเครื่องบินระหว่างจอดอยู่ที่ท่าอากาศยานชาร์ลส์ เดอ โกลล์ของปารีส จนกระทั่งเดินทางออกจากน่านฟ้าฝรั่งเศส
ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ใกล้กับสนามบินไคโร ญาติๆ ผู้โดยสารซึ่งเดินทางมามอบตัวอย่างดีเอ็นเอเพื่อระบุเอกลักษณ์ชิ้นส่วนศพที่เก็บกู้มาได้ ต่างพากันแสดงความผิดหวังต่อแนวทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่
อัมจัด ฮากี ชายชาวอิรักที่แม่เป็นหนึ่งในผู้โดยสาร แสดงความไม่พอใจว่าครอบครัวอยู่ในภาวะมืดแปดด้าน ไม่เคยแม้แต่ได้รับคำบอกเล่าอย่างเป็นทางการว่าเจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ชิ้นส่วนศพขึ้นมาได้แล้ว
“ที่พวกเขากังวลคือการหากล่องดำและซากของเครื่องบินเท่านั้น แต่นั่นมันเป็นปัญหาของพวกเขาไม่ใช่ผม” เขากล่าว “ต่อมาพวกเขาก็มาพูดกับเราเกี่ยวกับการประกันภัยและเงินชดเชย ผมไม่สนเงินชดเชยหรอก อย่างเดียวที่ผมแคร์คือการค้นหาแม่ของผมและนำศพเธอไปฝัง”