รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - ประธานสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ จาง เต๋อเจียง ซึ่งถือเป็นผู้นำอันดับ 3 ของแดนมังกร เริ่มต้นการเยือนฮ่องกงเมื่อวันอังคาร (17 พ.ค.) โดยให้สัญญาว่าจะมุ่งรับฟังข้อวิตกกังวลทางการเมืองต่างๆ ของประชาชนในเขตบริหารพิเศษแห่งนี้ ทั้งนี้ การตรวจเยี่ยมที่นานทีปีหนจะเกิดขึ้นสักครั้งของเขาคราวนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามที่จะรับมือกับเสียงเรียกร้องในฮ่องกงซึ่งแข็งกร้าวขึ้นเรื่อยๆ ที่ต้องการให้เพิ่มอำนาจการปกครองตนเอง หรือกระทั่งแยกตัวจากแผ่นดินใหญ่
การเดินทางเยือนฮ่องกงเป็นเวลา 3 วันของจาง ซึ่งถือเป็นการเยือนครั้งแรกของเจ้าหน้าที่อาวุโสจากแผ่นดินใหญ่ ภายหลังเกิดการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงเมื่อปี 2014 ที่ประสบความล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่านั้น มีวัตถุประสงค์อย่างเป็นทางการว่าเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี ในการแสดงความคิดเห็นครั้งแรกทันทีที่เดินทางถึงสนามบิน จางได้พาดพิงถึงประเด็นการเมืองที่ร้อนระอุเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องกงกับแผ่นดินแม่ โดยบอกว่าจะรับฟังข้อเสนอแนะและข้อเรียกร้องจากทุกภาคส่วนของสังคมเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาฮ่องกง
หลังจากความล้มเหลวในการประท้วงของกลุ่มออกคิวพายในปี 2014 แล้ว มีนักเคลื่อนไหวจำนวนหยิบมือหนึ่งกำลังออกมาเรียกร้องให้ฮ่องกงแยกตัวจากจีน ขณะที่หลายฝ่ายมองว่านี่จะเป็นอันตรายต่ออนาคตทางเศรษฐกิจและการเมืองของฮ่องกงเอง
เมื่อเร็วๆ นี้ เรจินา อิป อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงทางด้านความมั่นคงของฮ่องกง เขียนบทความลงในหน้าบทบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไชน่า เดลีของรัฐบาลจีน เตือนว่า คนหนุ่มสาวไม่รู้เลยว่ากำลังผลักฮ่องกงให้ปะทะกับจีน อันจะนำมาซึ่งหายนะที่ไม่อาจบรรเทาได้
การเยือนของจางคราวนี้ก่อให้เกิดบรรยากาศที่ตึงเครียดในฮ่องกง โดยมีการระดมกำลังตำรวจหลายพันนายออกมารักษาความสงบเรียบร้อย
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า มีการเทปูนเชื่อมรอยต่อของก้อนอิฐที่ใช้ปูฟุตปาธ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ประท้วงรื้ออิฐออกมาขว้างปาเจ้าหน้าที่แบบที่เคยเกิดขึ้น นอกจากนั้น ตำรวจยังขึ้นไปประจำบนยอดเขาที่ผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยเคยนำเอาป้ายขนาดใหญ่มาแขวนประท้วงเมื่อสองปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี ผู้ประท้วงยังคงนำป้ายเรียกร้อง “การให้สิทธิเลือกตั้งแก่พลเมืองทั้งมวล” ไปแขวนบนยอดเขาอีกลูกหนึ่งจนได้เมื่อช่วงเช้าวันอังคาร (17)
ชาน โฮติน หัวหน้าพรรคเนชันแนล ปาร์ตี้ ที่เพิ่งก่อตั้งใหม่และคาดว่าจะลงเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติเดือนกันยายนนี้ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ฮ่องกงกำลังถูกคุกคามอย่างรุนแรงจากจีน และว่า วัฒนธรรม ภาษา และประชาชนฮ่องกงกำลังจะล้มหายตายจากไป ดังนั้น คนฮ่องกงจึงต้องเลือกระหว่างการเป็นเมืองหนึ่งของจีนกับการเป็นประเทศอิสระ
โจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวหนุ่มคนดังที่เพิ่งตั้งพรรคเดโมซิสโต ก็บอกว่าพรรคของเขาไม่ปิดโอกาสในการชูนโยบายแยกตัวจากจีนในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
ทางด้าน ไมเคิล เถียน ตัวแทนของฮ่องกงในสภาผู้แทนประชาชนจีน ชี้ว่า ปัญหาของคนหนุ่มสาวคือการเพิกเฉยต่อประเด็นเศรษฐกิจ และตั้งหน้าตั้งตาเรียกร้องแต่สภาพแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเท่านั้น
อังกฤษซึ่งปกครองฮ่องกงเป็นอาณานิคมอยู่กว่าร้อยปี ไม่เคยยินยอมให้ประชาชนที่นี่ปกครองแบบประชาธิปไตย ทว่าในข้อตกลงซึ่งอังกฤษคืนฮ่องกงให้จีนในปี 1997 นั้น มีการรับประกันเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน อย่างไรก็ดี ทางการผู้รับผิดชอบไม่เคยบอกว่าจะไม่ดำเนินการเอาผิดพวกนักเคลื่อนไหวเรียกร้องเอกราช
กระทรวงยุติธรรมฮ่องกงบอกกับรอยเตอร์ว่า ข้อเสนอแนะหรือการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ฮ่องกงแยกตัวจากจีนถือว่าขัดกับสถานะทางกฎหมายของฮ่องกง และกระทรวงกำลังจับตากิจกรรมที่อาจเข้าข่ายมีความผิดทางอาญา รวมทั้งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ประสานงานกับหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย และดำเนินมาตรการใดๆ ก็ตามที่จำเป็น
ทางการฮ่องกงยังเผยว่า อาจจำเป็นต้องใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันการก่อการร้ายเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของคณะผู้แทนระดับสูงของจีนที่มาเยือน
ฮ่องกงนั้นต้องพึ่งพิงทางเศรษฐกิจต่อจีนอย่างมาก เช่นเดียวกับในด้านอาหาร น้ำ ไฟฟ้า ดังนั้น การแยกตัวเป็นอิสระจึงเกือบเป็นไปไม่ได้เลยในทางปฏิบัติ
ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศจีนเตือนว่า การผลักดันเพื่อประกาศเอกราชจะบ่อนทำลายความมั่นคง ความมั่งคั่ง และเสถียรภาพของฮ่องกงเอง
ผู้สังเกตการณ์ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่จีนเผยว่า หนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่สุดของจางคือ การสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตยสายกลาง เพื่อผ่อนเพลาบรรยากาศตึงเครียดทางการเมือง โดยในช่วงบ่ายวันพุธ (18) จางจะพบกลุ่มสมาชิกนิติบัญญัติฮ่องกงที่สนับสนุนแนวทางประชาธิปไตย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก