เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - แจ็ค หม่า หรือหม่า อวิ๋น ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารอาลีบาบา อาณาจักรอีคอมเมิร์ซ (E-commerce) ยักษ์ใหญ่บนแดนมังกร เผยทัศนะต่อ “เศรษฐกิจจีน” ว่าจะยังเป็นที่น่าอิจฉาไปอีกยี่สิบปี แม้เผชิญความซบเซาอยู่ในปัจจุบัน
จากบทสัมภาษณ์ของเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ นักธุรกิจวัย 51 ปี กล่าวว่า เศรษฐกิจจีนจะเจอความขรุขระราว 3-5 ปี ระหว่างคณะผู้นำทำงานแก้ไขปัญหาด้านโครงสร้างและปรับการเติบโตสู่รูปแบบใหม่ แต่หม่าปฏิเสธว่าจีนจะไม่ร่วงโรยไปเหมือนญี่ปุ่น เพราะยังมีศักยภาพในการพัฒนาระยะยาวรออยู่มากมาย
“การขยายตัวอย่างรวดเร็วของ ‘เศรษฐกิจอินเทอร์เน็ต’ (internet economy) และ ‘วัฒนธรรมผู้บริโภค’ (consumer culture) จะช่วยจีนผ่านพ้นอุปสรรคชั่วคราวไปได้”
“เศรษฐกิจจีนจะยังเติบโต ณ อัตราซึ่งเป็นที่น่าอิจฉาสำหรับประเทศเศรษฐกิจรายใหญ่อื่นๆ ในอีก 15-20 ปีข้างหน้านี้”
ทั้งนี้ หม่าได้เปิดโอกาสให้เซาท์ฯ สื่อฮ่องกงที่เขาเพิ่งเข้าซื้อกิจการ สัมภาษณ์ความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ อาทิ เศรษฐกิจ ความแตกต่างทางวัฒนธรรมตะวันออก-ตะวันตก และความกังวลต่อคนฮ่องกงรุ่นถัดไป เป็นเวลานานสองชั่วโมงในนครหังโจว เมืองเอกของมณฑลเจ้อเจียงทางจีนตะวันออก
หม่าเผยมุมมองด้านเศรษฐกิจจีนอีกว่า ผู้คนไม่ควรคาดหวังให้จีนพยุงการเติบโตระดับเลขสองหลักเหมือนในอดีต และการใช้เวลาสองสามปีปรับแนวทางการเติบโตที่ดำเนินมามากกว่าสามสิบปี ก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผลแล้ว
“บางคนบอกว่าตัวเลขการเติบโตที่แท้จริงของจีนอาจอยู่แค่ 5 เปอร์เซ็นต์ แต่ด้วยห้าเปอร์เซ็นต์นี้ก็แทบไม่มีชาติเศรษฐกิจใหญ่ๆ ชาติไหนจะทำได้ในโลกทุกวันนี้แล้ว”
หม่าบอกว่าผู้นำจีนมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า การเติบโตแบบเก่านั้นไม่มีความแน่นอน และจำเป็นต้องกำหนดแนวทางใหม่ขึ้นมาทดแทน
“เป็นเรื่องง่ายสำหรับเรือลำเล็กๆ ที่จะวกเปลี่ยนทิศทาง แต่กับเรือเศรษฐกิจขนาดมหึมาอันดับสองของโลก จีนนั้นเหมือนเรือเดินสมุทรลำยักษ์ ... เราจึงต้องเลือกระหว่างแล่นเร็วจนเรือพลิกคว่ำ กับแล่นช้าลงหน่อยเพื่อหาจังหวะเลี้ยว”
“กุญแจสำคัญคือการสร้างงานให้เพียงพอต่อการรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และซื้อเวลาให้ประเทศสามารถบรรลุเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านที่จำเป็นอย่างมากไปได้”
หม่าเสริมว่าเป็นเรื่องโชคดีสำหรับจีน ที่เศรษฐกิจอินเทอร์เน็ตได้ผงาดขึ้นมาในเวลาที่เหมาะสม
“อุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมกำลังจะเจอความยากลำบากในไม่ช้า สวนทางกับอุตสาหกรรมการบริการและเทคโนโลยีระดับสูง ที่มีผู้มากพรสวรรค์รุ่นเยาว์หลั่งไหลเข้าไปจำนวนมากจนสร้างการเติบโตที่น่าจับตามอง”
“อุตสาหกรรมโลจิสติกส์และการขนส่งสินค้าได้สร้างตำแหน่งงานมากมายแก่กลุ่มแรงงานทักษะต่ำ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเรายังมีพื้นที่ว่างอีกมากสำหรับการเติบโต”
หม่ามองว่าปัจจัยที่ทำให้จีนตัดสินใจปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ คือการปลดปล่อย “จิตวิญญาณแห่งการเป็นเจ้าของกิจการ” ในหมู่คนจีนรุ่นใหม่ และการสร้างสภาพแวดล้อมอันเอื้อประโยชน์ต่อการเบ่งบานของธุรกิจ
“ผมเชื่อมั่นว่าจะมีนักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นบนแผ่นดินจีน” หม่ากล่าว
“นโยบายทางการเงินและการปฏิรูปด้านอุปทาน (supply-side) เป็นสิ่งสำคัญที่สามารถช่วยชุบชีวิตเศรษฐกิจจีนให้กระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง แต่โดยส่วนตัวคิดว่าการเป็นผู้ประกอบการ (entrepreneurship) คือสิ่งสำคัญที่สุด”
“งานที่จีนต้องทำคือ การพัฒนาพื้นที่ชนบท พัฒนาอุตสาหกรรมวัฒนธรรม (cultural industry) รวมถึงเคลื่อนย้ายความสนใจไปยังภาคการบริการและอุตสาหกรรมไอที เพราะยังมีโอกาสดีๆ ซุกซ่อนอยู่อีกมากมาย”