เอเอฟพี - เท็ด ครูซ หวังสกัดเส้นทางของ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังมุ่งสู่การเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันลงชิงเก้าอี้ทำเนียบขาว ด้วยการแถลงในวันพุธ (27เม.ย.) เปิดตัว คาร์ลี ฟิออรินา นักธุรกิจหญิงคนดังและอดีตผู้บริการของฮิวเลตต์-แพคการ์ด ในฐานะคู่ชิงรองประธานาธิบดี หากว่าเขาได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรค
“หลังการพิจารณาและสวดมนต์ภาวนามากมาย ผมก็ได้ข้อสรุปว่าหากผมได้เป็นตัวแทนพรรคลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผมจะลงชิงตั๋วพร้อมกับคาร์ลี ฟิออรินา คู่ชิงรองประธานาธิบดีของผม” ครูซกล่าวในอินดีแอนา มลรัฐที่จะจัดการเลือกตั้งขั้นต้นเป็นสนามต่อไป
ด้าน ฟิออรินา กลายเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนตัวยงของนายครูซนับตั้งแต่ยุติการเสนอตัวเป็นผู้แทนพรรคลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา “วันนี้ดิฉันรู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้แจ้งว่าดิฉันยอมรับข้อเสนอของวุฒิสมาชิกเท็ด ครูซ ในการเป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดีของเขา ในฐานะตัวแทนพรรครีพับลิกัน”
“มันเป็นการเดิมพันที่มีความเสี่ยงสูง มันเป็นการต่อสู้เพื่อจิตวิญญาณพรรคของเราและอนาคตประเทศของเรา ดิฉันต่อสู้อย่างเข้มข้นมาตลอดชีวิต การต่อสู้ที่หนักหน่วงไม่เคยทำให้ดิฉันกังวลแม้แต่น้อย”
เมื่อครั้งรณรงค์หาเสียงให้ตนเอง ฟิออรินามักเน้นเป็นประจำว่าเธอเป็นตัวแทนที่ดีที่สุดของรีพับลิกันที่สามารถลบความได้เปรียบทางเพศของนางฮิลลารี คลินตัน ว่าที่ตัวแทนจากเดโมแครต ระหว่างการชิงชัย
ครูซกล่าวต่อว่า “ในการเสนอชื่อให้เธอเป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดีของผม ผมได้บอกกับคุณเช่นกันว่าเธอคือคนที่คุณสามารถมั่นใจได้ หากถึงคราวที่เธอต้องขึ้นเป็นแม่ทัพและปกป้องความปลอดภัยแก่ประเทศแห่งนี้”
ทั้งนี้ หากว่าครูซได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน ฟิออรินาจะเป็นเพียงผู้หญิงรายที่ 3 จากพรรคการเมืองหลักของสหรัฐฯ ที่ได้ตั๋วดังกล่าว หลังจากก่อนหน้านี้มีสตรีเพียง 2 คน คือ เจอรัลดีน เฟอร์ราโร และ ซาราห์ เพลิน ที่ได้รับเลือกให้เป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดีในปี 1984 และ 2008 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ครูซยังอยู่ห่างไกลในการได้เป็นตัวแทนพรรค โดยเขาแทบหมดสิทธิ์ได้จำนวนผู้ลงคะแนนเกินครึ่งหนึ่งของตัวแทนผู้ลงคะแนนทั้งหมดแล้ว และยอมรับว่าความหวังเดียวของเขาอาจเป็นการประชุมคัดค้าน contested convention ในเดือนกรกฎาคม เพื่อรวบรวมคะแนนผู้แทนมากพอที่จะโหวตให้เขาเป็นตัวแทนพรรค
ทั้งนี้ การประชุมแบบ contested convention จะเป็นการเปิดโอกาสให้แกนนำพรรคได้เจรจาต่อรอง และอาจมีการเทคะแนนหนุนบุคคลอื่นที่พรรคเห็นว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมมากกว่าเป็นตัวแทนของพรรคแทน