รอยเตอร์/MGRออนไลน์ - ผู้ออกเสียงชาวสหราชอาณาจักรที่สนับสนุนให้ประเทศเป็นสมาชิกอียูต่อ เวลานี้มีคะแนนนำฝ่ายตรงข้ามที่ต้องการให้ถอนตัวออกมา 11% แล้ว ผลการหยั่งเสียงล่าสุดระบุ ซึ่งก็สอดคล้องต่อเนื่องกับโพลครั้งก่อนๆ ที่ชี้แนวโน้มว่าแรงสนับสนุนฝ่ายให้อยู่ในสหภาพยุโรปต่อไป กำลังเพิ่มมากขึ้นก่อนหน้าวันจัดลงประชามติในเดือนมิถุนายนนี้
ผลการสำรวจความคิดเห็นทางโทรศัพท์ของ “คอมเรส” (Comres) ที่ทำให้แก่เดลิเมล์ และไอทีวีนิวส์ แสดงให้เห็นว่า 51% ของชาวสหราชอาณาจักรจะออกเสียงให้ฝ่าย “In” หรืออยู่ต่อ ซึ่งนำขบวนการรณรงค์เรียกร้องโดยนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน เพิ่มขึ้นมา 3% จากการสำรวจในเดือนที่แล้ว
ตรงกันข้าม เสียงสนับสนุนให้ถอนตัวออกมา หรือฝ่าย “Out” ได้ลดลง 1% มาอยู่ที่ 40% สำหรับที่เหลือตอบว่า “ไม่ทราบ”
โพลของคอมเรสซึ่งสอบถามจากตัวอย่างประชากรจำนวน 1,002 คนคราวนี้ นับเป็นผลสำรวจความคิดเห็นจากพวกบริษัทสำนักจัดทำโพลรายใหญ่ๆ ต่อเนื่องกันเป็นรายที่ 6 แล้ว ที่แสดงให้เห็นว่าเสียงสนับสนุนการรณรงค์ของฝ่าย “In” กำลังเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่ ทอม มลุดซินสกี ผู้อำนวยการฝ่ายจัดทำโพลทางการเมืองของคอมเรส กล่าวสำทับว่า ฝ่ายที่ต้องการให้อยู่ในอียูต่อไปยังคงเป็นฝ่ายนำอย่างต่อเนื่อง ในผลโพลชุดศึกษาติดตามแนวโน้มของบริษัทที่จัดทำมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2015
ในอีกด้านหนึ่ง โพลคอมเรสยังชี้ว่าเรื่องของนายกฯ คาเมรอน ไม่ได้ทำให้สาธารณชนชาวสหราชอาณาจักรเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นเกี่ยวกับการถกเถียงอภิปรายในเรื่องลงประชามติจะอยู่ในอียูต่อหรือไม่ ทั้งนี้ หลังจากเกิดกระแสตรวจสอบสืบค้นเรื่องทรัพย์สมบัติส่วนตัวของเขา ภายหลังการตีพิมพ์เผยแพร่เอกสาร “ปามานา เปเปอร์ส” ที่ระบุว่าคาเมรอนเคยมีหุ้นอยู่ในกองทุนซึ่งบิดาของเขาจัดตั้งขึ้นในดินแดนออฟชอร์ที่สามารถใช้หลบเลี่ยงการเสียภาษีเงินได้ ตลอดจนเขาได้รับมรดกและ “ของขวัญ” จากบิดามารดา ในลักษณะที่อาจจะเป็นการมุ่งหลบหลีกการเสียภาษีมรดก
โดยมีผู้ตอบคำถามจำนวนเกินหนึ่งในสามเล็กน้อยเท่านั้น ที่กล่าวว่าคาเมรอนเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาของพวกเขาว่าจะไปลงประชามติอย่างไร ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรจากในเดือนที่แล้ว
ตั้งแต่วันพฤหัสบดี (21 เม.ย.) นี้คาเมรอนจะเป็นเจ้าภาพต้อนรับการมาเยือนเป็นเวลา 3 วันของประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ โดยคาดหมายกันว่าโอบามาจะโน้มน้าวให้ชาวสหราชอาณาจักรโหวตอยู่ในอียูต่อไป เพื่อสงวนรักษาความมั่งคั่งของประเทศ และธำรงรักษา “ความสัมพันธ์พิเศษ” ที่มีอยู่กับสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจของคอมเรสก็มีสิ่งที่ถือเป็นข่าวดีอยู่บ้างสำหรับฝ่ายที่ต้องการให้สหราชอาณาจักรออกไปจากอียู หรือที่นิยมเรียกขานฝ่ายนี้กันว่า “Brexit” กล่าวคือ จำนวนชาวสหราชอาณาจักรซึ่งกล่าวว่านายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน นายบอริส จอห์นสัน ซึ่งเป็นผู้นำคนสำคัญของฝ่าย Brexit จะมีอิทธิพลต่อความคิดเห็นของพวกเขาในการลงประชามตินั้น ได้เพิ่มขึ้นจาก 29% เป็น 32%