(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
Edward Lin case: One rotten apple spoils the whole barrel of Chinese Americans
By AT Editor (From Chinese World Journal)
15/04/2016
คดีนาวาตรี เอดเวิร์ด ลิน ผู้มีชื่อภาษาจีนว่า หลิน เจียเหลียง ถูกตั้งข้อหาจารกรรมนำเอาข้อมูลข่าวสารลับของกองทัพสหรัฐฯไปให้จีนแผ่นดินใหญ่หรือไม่ก็ไต้หวัน ถึงแม้ยังไม่ค่อยมีการเปิดเผยรายละเอียดอันชัดเจน แต่ก็กำลังทำให้ชาวอเมริกันเชื้อจีน โดยเฉพาะผู้ทำงานมีบทบาทอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีความอ่อนไหวสูง จำเป็นต้องระมัดระวังตัว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตนเองตกเป็นเหยื่อของ “การไล่ล่าแม่มด”
สื่อมวลชนสหรัฐฯพากันประโคมข่าวคดีของ นาวาตรีเอดเวิร์ด ลิน (Lt. Commander Edward Lin ชื่อภาษาจีนของเขาคือ หลิน เจียเหลียง Lin Chieh-Liang) ซึ่งถูกตั้งข้อหาจารกรรม จากการทำให้ข้อมูลข่าวสารลับของกองทัพสหรัฐฯรั่วไหลไปถึงจีนแผ่นดินใหญ่ หรือไม่ก็ ไต้หวัน สืบเนื่องจากประเด็นนี้มีความละเอียดอ่อนมาก ดังนั้นจึงแทบไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอะไรต่อสาธารณชนกันเลย
คำถามอย่างเช่น ลินถูกตรวจพบว่ากระทำผิดได้ด้วยวิธีใด, ข้อมูลข่าวสารอะไรที่รั่วไหลออกไป, ปัจจัยที่ส่งอิทธิพลทำให้เขากระทำการเช่นนี้มีอะไรบ้าง, และจีนแผ่นดินใหญ่หรือไต้หวันกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังการกระทำของเขา เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ยังไม่มีคำตอบ
สหรัฐฯกับจีนกำลังทวีความเป็นปรปักษ์กันทางการทหารในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออกตึงเครียดยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จากการที่คดีของ ลิน เพิ่งถูกนำออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชนหลังจากที่เขาถูกจับกุมคุมขังมาเป็นเวลา 8 เดือน ทำให้ดูเหมือนกับว่ากรณีสปายสายลับจีนได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และชาวอเมริกันเชื้อจีนทั้งหลายซึ่งกำลังทำงานแสดงบทบาทอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีความอ่อนไหวสูง ต่างตกอยู่ในความเสี่ยงสูง อย่างที่คำพังเพยพูดกันเอาไว้ว่า ปลาเน่าตัวเดียวทำให้เหม็นกันไปหมดทั้งข้อง คดีของ ลิน ก็ส่งผลกระทบกระเทือนชาวอเมริกันเชื้อจีนทั้งหมดทุกผู้ทุกคน พวกที่กำลังทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมอ่อนไหวสูงทั้งหลายในสหรัฐฯจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังตัว และจากนี้ไปจะต้องสุขุมรอบคอบเพื่อหลีกเลี่ยงจากการตกเป็นเหยื่อของ “การไล่ล่าแม่มด”
ลิน อพยพจากไต้หวันเข้ามาอยู่ในสหรัฐฯตั้งแต่ตอนเขาอายุ 14 ปี เขาเข้ารับราชการเป็นทหารในกองทัพเรือสหรัฐฯ และเข้าร่วมในการปฏิบัติการรวบรวมข่าวกรอง เขาอาจจะกลายเป็นสายลับเนื่องจากความปรารถนาที่จะได้รางวัลตอบแทน, หรือเขาอาจจะเป็นจารชนแอบแฝงซ่อนเร้นมานานแล้ว, หรือเขาอาจจะประเมินต่ำเกินไปเกี่ยวกับความสำคัญของข้อมูลข่าวสารที่เขาปล่อยรั่วไหลออกไป ทั้งหมดเหล่านี้ยังคงต้องติดตามรอฟังข่าวกันต่อไป
คดีของ ลิน กำลังทำให้ชาวอเมริกันเชื้อสายจีนระลึกถึงคดี “สปายสายลับจีน” ที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในระยะไม่กี่ปีหลังมานี้ มีสายลับชาวจีนมากกว่า 10 คนทีเดียวซึ่งถูกตั้งข้อหาว่าโจรกรรมเทคโนโลยีทางทหารและความลับทางการค้าในสหรัฐฯในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ในจำนวนนี้รวมถึง เซี่ยเฟิน เฉิน (Xiafen Chen) ที่เป็นนักอุทกวิทยา (hydrologist) และ เสี่ยวซิง สี (Xiaoxing Xi) อาจารย์ของมหาวิทยาลัยเทมเปิล (Temple University) ในจำนวนนักเรียนนักศึกษาชาวจีนโพ้นทะเลราว 200,000 คนซึ่งกำลังพำนักศึกษาอยู่ในสหรัฐฯ เชื่อกันว่าบางคนก็เป็นสปายสายลับเช่นเดียวกัน
ขณะที่ผู้อพยพซึ่งมาจากไต้หวันตลอดจนนักเรียนนักศึกษาจากไต้หวัน ดูจะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจมากกว่า หรืออย่างน้อยที่สุดการตรวจสอบประวัติภูมิหลังของพวกเขาในเวลาเข้าไปทำงานเกี่ยวข้องกับพวกอุตสาหกรรมอ่อนไหวทั้งหลาย ปกติแล้วจะไม่เข้มงวดกวดขันเท่ากับพวกคนจีนจากแผ่นดินใหญ่ เรื่องนี้เป็นเพราะไต้หวันกับสหรัฐฯเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์กันโดยที่มีความผูกมัดกันทางการทหาร ทว่าจีนกับสหรัฐฯกลับกำลังประจันหน้าวิวาทกันในทางอุดมการณ์แนวความคิด
แต่เมื่อการติดต่อแลกเปลี่ยนข้ามช่องแคบ (cross-strait exchanges หมายถึงการติดต่อแลกเปลี่ยนกันระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่กับไต้หวัน ซึ่งอยู่กันคนละฟากฝั่งของช่องแคบไต้หวัน -ผู้แปล) ดำเนินไปอย่างลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ ความสัมพันธ์ระหว่างจีน, ไต้หวัน, และสหรัฐฯ จึงกำลังเกิดความเปลี่ยนแปลง จีนนั้นแสดงความยินดีพร้อมต้อนรับผู้อพยพชาวไต้หวันที่เดินทางไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในอเมริกา และกระทั่งดำเนินการชักชวนเกลี้ยกล่อมชาวอเมริกันเชื้อสายจีนให้ดำเนินปฏิบัติการด้านข่าวกรองให้แก่ฝ่ายแผ่นดินใหญ่ ในระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฝ่ายทหารของไต้หวันได้ตรวจจับค้นพบสายลับของฝ่ายแผ่นดินใหญ่หลายต่อหลายคนทีเดียว ทว่าในเวลาเดียวกันนั้น สหรัฐฯกับไต้หวันก็ทำการสืบความลับของกันและกันด้วย
กระทรวงการป้องกันประเทศ (Ministry of National Defense) ของไต้หวัน ได้ออกมาแถลงปฏิเสธแล้วว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันในคดีของ ลิน กระนั้นก็มีสื่อมวลชนสหรัฐฯบางรายระบุว่าเมื่อก่อนรัฐบาลไต้หวันได้เคยติดต่อกับ ลิน ถ้าหาก ลิน เพียงแค่ลักลอบนำข้อมูลข่าวสารไปส่งให้ไต้หวัน แทนที่จะเป็นแผ่นดินใหญ่แล้ว ความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ฝ่ายสหรัฐฯก็น่าจะเบาบางกว่า
มีรายงานว่า ข้อมูลข่าวสารที่รั่วไหลออกไปนี้เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีก้าวหน้าที่สุดของกองทัพสหรัฐฯ เมื่อพิจารณาจากภาวะตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯในปัจจุบัน ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถครอบครองข้อมูลข่าวสารของอีกฝ่ายหนึ่งแล้ว ก็จะต้องเป็นฝ่ายได้เปรียบได้ประโยชน์อย่างมหาศาล ถ้า ลิน มีความเชี่ยวชาญชำนาญการในเรื่องการปฏิบัติการสอดแนมและการรวบรวมข่าวกรองจริงๆ แล้ว เขาก็ควรทำตัวให้ปลอดพ้นจากความยุ่งยากเดือดร้อน คดีของเขากลายเป็นเชื้อเพลิงโหมกระพือความวิตกกังวลของสหรัฐฯเกี่ยวกับภัยคุกคามจากจีน นอกจากนั้นยังพลอยทำให้ชาวอเมริกันเชื้อสายจีนที่กำลังทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมอ่อนไหวทั้งหลายตกอยู่ในฐานะลำบาก
รายงานข่าวระบุว่า ลินเดินทางไปยังไต้หวันและจีนแผ่นดินใหญ่อยู่บ่อยครั้ง และก็อยู่ภายใต้การตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนทั้งจากสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) และจากฝ่ายทหารอเมริกันเสมอมา ถ้ากิจกรรมแท้จริงของเขา มีความแตกต่างผิดแผกไปจากสิ่งที่เขารายงานแล้ว เขาก็น่าจะต้องประสบความยุ่งยากไม่ว่าเขาจะเป็นสปายสายลับหรือไม่ก็ตามที
บางคนกล่าวว่าเขาไม่เคยปิดบังซ่อนเร้นเลยว่าเขารู้สึกดูถูกดูหมิ่นจีนแผ่นดินใหญ่ นี่อาจจะเป็นจุดยืนทางการเมืองของเขา หรืออาจจะเป็นวิธีการที่เขาใช้เพื่อทำให้ตัวเองเข้ากับสภาพแวดล้อมในกองทัพสหรัฐฯ แต่ไม่ว่าความเป็นจริงจะเป็นไปในทางใด หากเขากระทำผิดกฎหมายจริงๆ แล้ว เขาก็ควรที่จะถูกลงโทษตามความผิด ในทางตรงกันข้าม ถ้ามีการพิสูจน์ออกมาว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ คดีนี้ก็จะกลายเป็นความอับอายขายหน้าครั้งยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งของสหรัฐฯ และก็จะเป็นการส่งสัญญาณปรามไม่ให้มีการการไล่ล่าแม่มดในหมู่ผู้อพยพชาวจีน
การจารกรรมกำลังกลายเป็นบาปชนิดหนึ่งที่ติดตัวชาวอเมริกันเชื้อสายจีน มีบางคนคิดว่าชาวอเมริกันเชื้อสายจีนควรที่จะอยู่ให้ห่างจากอุตสาหกรรมอ่อนไหวทั้งหลายเพื่อจะได้หลีกเลี่ยงไม่ต้องเผชิญกับความยุ่งยากเดือดร้อน ทว่าเราไม่สมควรหรอกที่จะกีดกั้นพัฒนาการความก้าวหน้าทางอาชีพของบรรดาลูกหลานของผู้อพยพ สิ่งที่สำคัญเหนืออื่นใดก็คือ สหรัฐฯนั้นเป็นประเทศที่ใช้หลักนิติธรรม เพื่อเป็นการพิทักษ์ปกป้องพวกเราเอง ผู้อพยพชาวจีนทั้งหลายล้วนที่จะสาธิตให้เห็นว่าพวกเราเป็นผู้มีระเบียบวินัยในตนเองอย่างสูง และเคารพเชื่อฟังกระทำการตามกฎหมาย
ข้อเขียนชิ้นนี้ตีพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกเป็นภาษาจีน ในวารสารไชนีสเวิลด์เจอร์นัล (Chinese World Journal) ซึ่งมีฐานอยู่ในนิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2016 และเอเชียไทมส์ได้รับอนุญาตให้นำมาแปลเป็นภาษาอังกฤษ โดยผู้แปลคือ เจียเหวิน กว๋อ
Edward Lin case: One rotten apple spoils the whole barrel of Chinese Americans
By AT Editor (From Chinese World Journal)
15/04/2016
คดีนาวาตรี เอดเวิร์ด ลิน ผู้มีชื่อภาษาจีนว่า หลิน เจียเหลียง ถูกตั้งข้อหาจารกรรมนำเอาข้อมูลข่าวสารลับของกองทัพสหรัฐฯไปให้จีนแผ่นดินใหญ่หรือไม่ก็ไต้หวัน ถึงแม้ยังไม่ค่อยมีการเปิดเผยรายละเอียดอันชัดเจน แต่ก็กำลังทำให้ชาวอเมริกันเชื้อจีน โดยเฉพาะผู้ทำงานมีบทบาทอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีความอ่อนไหวสูง จำเป็นต้องระมัดระวังตัว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตนเองตกเป็นเหยื่อของ “การไล่ล่าแม่มด”
สื่อมวลชนสหรัฐฯพากันประโคมข่าวคดีของ นาวาตรีเอดเวิร์ด ลิน (Lt. Commander Edward Lin ชื่อภาษาจีนของเขาคือ หลิน เจียเหลียง Lin Chieh-Liang) ซึ่งถูกตั้งข้อหาจารกรรม จากการทำให้ข้อมูลข่าวสารลับของกองทัพสหรัฐฯรั่วไหลไปถึงจีนแผ่นดินใหญ่ หรือไม่ก็ ไต้หวัน สืบเนื่องจากประเด็นนี้มีความละเอียดอ่อนมาก ดังนั้นจึงแทบไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอะไรต่อสาธารณชนกันเลย
คำถามอย่างเช่น ลินถูกตรวจพบว่ากระทำผิดได้ด้วยวิธีใด, ข้อมูลข่าวสารอะไรที่รั่วไหลออกไป, ปัจจัยที่ส่งอิทธิพลทำให้เขากระทำการเช่นนี้มีอะไรบ้าง, และจีนแผ่นดินใหญ่หรือไต้หวันกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังการกระทำของเขา เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ยังไม่มีคำตอบ
สหรัฐฯกับจีนกำลังทวีความเป็นปรปักษ์กันทางการทหารในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออกตึงเครียดยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จากการที่คดีของ ลิน เพิ่งถูกนำออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชนหลังจากที่เขาถูกจับกุมคุมขังมาเป็นเวลา 8 เดือน ทำให้ดูเหมือนกับว่ากรณีสปายสายลับจีนได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และชาวอเมริกันเชื้อจีนทั้งหลายซึ่งกำลังทำงานแสดงบทบาทอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีความอ่อนไหวสูง ต่างตกอยู่ในความเสี่ยงสูง อย่างที่คำพังเพยพูดกันเอาไว้ว่า ปลาเน่าตัวเดียวทำให้เหม็นกันไปหมดทั้งข้อง คดีของ ลิน ก็ส่งผลกระทบกระเทือนชาวอเมริกันเชื้อจีนทั้งหมดทุกผู้ทุกคน พวกที่กำลังทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมอ่อนไหวสูงทั้งหลายในสหรัฐฯจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังตัว และจากนี้ไปจะต้องสุขุมรอบคอบเพื่อหลีกเลี่ยงจากการตกเป็นเหยื่อของ “การไล่ล่าแม่มด”
ลิน อพยพจากไต้หวันเข้ามาอยู่ในสหรัฐฯตั้งแต่ตอนเขาอายุ 14 ปี เขาเข้ารับราชการเป็นทหารในกองทัพเรือสหรัฐฯ และเข้าร่วมในการปฏิบัติการรวบรวมข่าวกรอง เขาอาจจะกลายเป็นสายลับเนื่องจากความปรารถนาที่จะได้รางวัลตอบแทน, หรือเขาอาจจะเป็นจารชนแอบแฝงซ่อนเร้นมานานแล้ว, หรือเขาอาจจะประเมินต่ำเกินไปเกี่ยวกับความสำคัญของข้อมูลข่าวสารที่เขาปล่อยรั่วไหลออกไป ทั้งหมดเหล่านี้ยังคงต้องติดตามรอฟังข่าวกันต่อไป
คดีของ ลิน กำลังทำให้ชาวอเมริกันเชื้อสายจีนระลึกถึงคดี “สปายสายลับจีน” ที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในระยะไม่กี่ปีหลังมานี้ มีสายลับชาวจีนมากกว่า 10 คนทีเดียวซึ่งถูกตั้งข้อหาว่าโจรกรรมเทคโนโลยีทางทหารและความลับทางการค้าในสหรัฐฯในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ในจำนวนนี้รวมถึง เซี่ยเฟิน เฉิน (Xiafen Chen) ที่เป็นนักอุทกวิทยา (hydrologist) และ เสี่ยวซิง สี (Xiaoxing Xi) อาจารย์ของมหาวิทยาลัยเทมเปิล (Temple University) ในจำนวนนักเรียนนักศึกษาชาวจีนโพ้นทะเลราว 200,000 คนซึ่งกำลังพำนักศึกษาอยู่ในสหรัฐฯ เชื่อกันว่าบางคนก็เป็นสปายสายลับเช่นเดียวกัน
ขณะที่ผู้อพยพซึ่งมาจากไต้หวันตลอดจนนักเรียนนักศึกษาจากไต้หวัน ดูจะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจมากกว่า หรืออย่างน้อยที่สุดการตรวจสอบประวัติภูมิหลังของพวกเขาในเวลาเข้าไปทำงานเกี่ยวข้องกับพวกอุตสาหกรรมอ่อนไหวทั้งหลาย ปกติแล้วจะไม่เข้มงวดกวดขันเท่ากับพวกคนจีนจากแผ่นดินใหญ่ เรื่องนี้เป็นเพราะไต้หวันกับสหรัฐฯเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์กันโดยที่มีความผูกมัดกันทางการทหาร ทว่าจีนกับสหรัฐฯกลับกำลังประจันหน้าวิวาทกันในทางอุดมการณ์แนวความคิด
แต่เมื่อการติดต่อแลกเปลี่ยนข้ามช่องแคบ (cross-strait exchanges หมายถึงการติดต่อแลกเปลี่ยนกันระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่กับไต้หวัน ซึ่งอยู่กันคนละฟากฝั่งของช่องแคบไต้หวัน -ผู้แปล) ดำเนินไปอย่างลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ ความสัมพันธ์ระหว่างจีน, ไต้หวัน, และสหรัฐฯ จึงกำลังเกิดความเปลี่ยนแปลง จีนนั้นแสดงความยินดีพร้อมต้อนรับผู้อพยพชาวไต้หวันที่เดินทางไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในอเมริกา และกระทั่งดำเนินการชักชวนเกลี้ยกล่อมชาวอเมริกันเชื้อสายจีนให้ดำเนินปฏิบัติการด้านข่าวกรองให้แก่ฝ่ายแผ่นดินใหญ่ ในระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฝ่ายทหารของไต้หวันได้ตรวจจับค้นพบสายลับของฝ่ายแผ่นดินใหญ่หลายต่อหลายคนทีเดียว ทว่าในเวลาเดียวกันนั้น สหรัฐฯกับไต้หวันก็ทำการสืบความลับของกันและกันด้วย
กระทรวงการป้องกันประเทศ (Ministry of National Defense) ของไต้หวัน ได้ออกมาแถลงปฏิเสธแล้วว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันในคดีของ ลิน กระนั้นก็มีสื่อมวลชนสหรัฐฯบางรายระบุว่าเมื่อก่อนรัฐบาลไต้หวันได้เคยติดต่อกับ ลิน ถ้าหาก ลิน เพียงแค่ลักลอบนำข้อมูลข่าวสารไปส่งให้ไต้หวัน แทนที่จะเป็นแผ่นดินใหญ่แล้ว ความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ฝ่ายสหรัฐฯก็น่าจะเบาบางกว่า
มีรายงานว่า ข้อมูลข่าวสารที่รั่วไหลออกไปนี้เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีก้าวหน้าที่สุดของกองทัพสหรัฐฯ เมื่อพิจารณาจากภาวะตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯในปัจจุบัน ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถครอบครองข้อมูลข่าวสารของอีกฝ่ายหนึ่งแล้ว ก็จะต้องเป็นฝ่ายได้เปรียบได้ประโยชน์อย่างมหาศาล ถ้า ลิน มีความเชี่ยวชาญชำนาญการในเรื่องการปฏิบัติการสอดแนมและการรวบรวมข่าวกรองจริงๆ แล้ว เขาก็ควรทำตัวให้ปลอดพ้นจากความยุ่งยากเดือดร้อน คดีของเขากลายเป็นเชื้อเพลิงโหมกระพือความวิตกกังวลของสหรัฐฯเกี่ยวกับภัยคุกคามจากจีน นอกจากนั้นยังพลอยทำให้ชาวอเมริกันเชื้อสายจีนที่กำลังทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมอ่อนไหวทั้งหลายตกอยู่ในฐานะลำบาก
รายงานข่าวระบุว่า ลินเดินทางไปยังไต้หวันและจีนแผ่นดินใหญ่อยู่บ่อยครั้ง และก็อยู่ภายใต้การตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนทั้งจากสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) และจากฝ่ายทหารอเมริกันเสมอมา ถ้ากิจกรรมแท้จริงของเขา มีความแตกต่างผิดแผกไปจากสิ่งที่เขารายงานแล้ว เขาก็น่าจะต้องประสบความยุ่งยากไม่ว่าเขาจะเป็นสปายสายลับหรือไม่ก็ตามที
บางคนกล่าวว่าเขาไม่เคยปิดบังซ่อนเร้นเลยว่าเขารู้สึกดูถูกดูหมิ่นจีนแผ่นดินใหญ่ นี่อาจจะเป็นจุดยืนทางการเมืองของเขา หรืออาจจะเป็นวิธีการที่เขาใช้เพื่อทำให้ตัวเองเข้ากับสภาพแวดล้อมในกองทัพสหรัฐฯ แต่ไม่ว่าความเป็นจริงจะเป็นไปในทางใด หากเขากระทำผิดกฎหมายจริงๆ แล้ว เขาก็ควรที่จะถูกลงโทษตามความผิด ในทางตรงกันข้าม ถ้ามีการพิสูจน์ออกมาว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ คดีนี้ก็จะกลายเป็นความอับอายขายหน้าครั้งยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งของสหรัฐฯ และก็จะเป็นการส่งสัญญาณปรามไม่ให้มีการการไล่ล่าแม่มดในหมู่ผู้อพยพชาวจีน
การจารกรรมกำลังกลายเป็นบาปชนิดหนึ่งที่ติดตัวชาวอเมริกันเชื้อสายจีน มีบางคนคิดว่าชาวอเมริกันเชื้อสายจีนควรที่จะอยู่ให้ห่างจากอุตสาหกรรมอ่อนไหวทั้งหลายเพื่อจะได้หลีกเลี่ยงไม่ต้องเผชิญกับความยุ่งยากเดือดร้อน ทว่าเราไม่สมควรหรอกที่จะกีดกั้นพัฒนาการความก้าวหน้าทางอาชีพของบรรดาลูกหลานของผู้อพยพ สิ่งที่สำคัญเหนืออื่นใดก็คือ สหรัฐฯนั้นเป็นประเทศที่ใช้หลักนิติธรรม เพื่อเป็นการพิทักษ์ปกป้องพวกเราเอง ผู้อพยพชาวจีนทั้งหลายล้วนที่จะสาธิตให้เห็นว่าพวกเราเป็นผู้มีระเบียบวินัยในตนเองอย่างสูง และเคารพเชื่อฟังกระทำการตามกฎหมาย
ข้อเขียนชิ้นนี้ตีพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกเป็นภาษาจีน ในวารสารไชนีสเวิลด์เจอร์นัล (Chinese World Journal) ซึ่งมีฐานอยู่ในนิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2016 และเอเชียไทมส์ได้รับอนุญาตให้นำมาแปลเป็นภาษาอังกฤษ โดยผู้แปลคือ เจียเหวิน กว๋อ