เอเอฟพี - คนร้ายที่ถูกทางการเบลเยียมจับกุม “โมฮัมเหม็ด อาบรินี” ยอมรับสารภาพว่าตัวเองเป็น “ชายสวมหมวก” ในคลิปที่อยู่กับมือระเบิดฆ่าตัวตายในสนามบินบรัสเซลส์ เมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่ง ยังรายงานด้วยว่า อาบรินียอมรับมีแผนกลับไปโจมตีปารีส แต่กลัวถูกจับได้ จึงชิงลงมือในเมืองหลวงของเบลเยียมอย่างเร่งรีบ
อัยการเบลเยียมเผยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (9) ว่า อาบรินีรับสารภาพวันเดียวกับที่ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมด้วยการก่อการร้ายในเหตุการณ์โจมตีปารีสเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วที่มีผู้เสียชีวิต 130 คน
อุสซามะห์ คราเยม ผู้ต้องสงสัยอีกคนที่ถือสัญชาติสวีเดน ถูกตั้งข้อหาเดียวกันจากการมีส่วนร่วมในเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่สถานีรถไฟใต้ดินในบรัสเซลส์ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ซึ่งเกิดขึ้นหลังเหตุระเบิดสนามบินเพียงชั่วโมงเดียว โดยทั้งสองเหตุการณ์มีผู้เสียชีวิตรวม 32 ราย
การจับกุมระลอกล่าสุดนี้ตอกย้ำทฤษฎีที่ว่า เหตุวินาศกรรมที่ปารีสและบรัสเซลส์ที่ถือเป็นการก่อการร้ายที่รุนแรงที่สุดในยุโรป เป็นฝีมือของผู้ก่อการร้ายกลุ่มเดียวกัน ซึ่งกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ออกมาอวดอ้างความรับผิดชอบทั้งสองเหตุการณ์
ผู้ต้องหาทั้งสองคนนี้เป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่ถูกจับกุม 6 คนในการบุกค้นทั่วบรัสเซลส์เมื่อวันศุกร์ (8) โดยสองคนในจำนวนนั้นได้รับการปล่อยตัว ส่วนอีก 2 คนถูกตั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดให้การช่วยเหลืออาบรินี และ คราเยม
นอกจากนั้น หนังสือพิมพ์เลโคของเบลเยียม ยังรายงานว่า อาบรินี สารภาพว่า อันที่จริงแล้วต้องการกลับไปโจมตีปารีสอีกครั้ง แต่กลัวจะถูกทีมสืบสวนจับได้ จึงตัดสินใจอย่างเร่งรีบในการก่อเหตุที่บรัสเซลส์แทน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้ยังไม่มีการยืนยันจากอัยการเบลเยียม
แถลงการณ์ของสำนักงานอัยการกลางของเบลเยียม ระบุว่า ผู้พิพากษาที่ขยายผลการสอบสวนในเบลเยียมเชื่อมโยงกับเหตุโจมตีปารีส เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ตั้งข้อหาอาบรินีมีส่วนร่วมในกิจกรรมของกลุ่มก่อการร้ายและการฆาตกรรมด้วยการก่อการร้าย
ก่อนหน้านี้ อาบรินี ชาวเบลเยียม ที่เกิดในโมร็อกโก เป็นผู้ต้องสงสัยในเหตุโจมตีปารีส ซึ่งถูกระบุตัวตนว่าเป็นคนสุดท้ายที่ยังลอยนวลอยู่ กล้องวงจรปิดของสถานีบริการน้ำมันแห่งหนึ่งในปารีสจับภาพเขาได้สองวันก่อนเกิดเหตุ โดยคนที่นั่งอยู่ในรถด้วยคือ “ซาเลาะห์ อับเดสลาม” ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอส่งตัวจากเบลเยียมไปยังฝรั่งเศส
อัยการเบลเยียมยังยืนยันด้วยว่า อาบรินีมีส่วนเกี่ยวข้องในการโจมตีสนามบินบรัสเซลส์
อาบรินี วัย 31 ปี รับสารภาพว่า อยู่ในที่เกิดเหตุ หลังจำนนต่อหลักฐาน ซึ่งรวมถึงคลิปชายลึกลับสวมหมวก และแจ๊กเก็ตสีอ่อนที่เดินอยู่กับมือระเบิดฆ่าตัวตายอีกสองคนที่กำลังเข็นรถขนกระเป๋าเดินทางที่อัดแน่นด้วยระเบิดในอาคารผู้โดยสารขาออก
จากแถลงการณ์ อาบรินี สารภาพว่า ถอดเสื้อกั๊กที่ซุกระเบิดไว้ ทิ้งในถังขยะ และนำหมวกไปขายหลังจากก่อเหตุร้าย
คลิปดังกล่าวกระตุ้นให้มีการตามล่า “ชายสวมหมวก” ที่กลายเป็นบุคคลที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในยุโรปในชั่วพริบตา
เมื่อวันพฤหัสฯ (7) ตำรวจเพิ่มกำลังค้นหา หลังมีการเผยแพร่คลิปเส้นทางหลบหนีของผู้ต้องสงสัยหลังการระเบิด พร้อมขอร้องให้ประชาชนช่วยสอดส่อง
คลิปที่เผยแพร่ใหม่นี้แสดงให้เห็นว่า ผู้ต้องสงสัยหนีออกจากสนามบิน และเดินไปยังย่านใจกลางเมืองบรัสเซลส์ ด้วยท่าทีสงบ ก่อนที่จะหายไปจากรัศมีการจับภาพของกล้องวงจรปิด
ทั้งนี้ มือระเบิดฆ่าตัวตายสองรายที่สนามบินบรัสเซลส์ ถูกระบุว่า ชื่อ “อิบราฮิม เอล บาคราวี” และ “นาจิม ลาชราวี” โดยคนหลังเชื่อว่า เป็นผู้ทำระเบิด
คาลิด เอล บาคราวี พี่ชายของอับราฮิม ระเบิดตัวเองในสถานีรถไฟใต้ดินใกล้สำนักงานใหญ่สหภาพยุโรป (อียู) ในกรุงบรัสเซลส์
อัยการเสริมว่า คราเยม ลูกชายของผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย ถูกระบุเป็นชายในภาพจากกล้องวงจรปิด ที่อยู่กับคาลิดก่อนเหตุระเบิดสถานีรถไฟในช่วงเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ
คราเยม วัย 23 ปี ยังถูกกล้องวงจรปิดจับภาพได้ขณะซื้อกระเป๋าใส่ระเบิดเพื่อใช้ก่อเหตุที่สนามบิน
นอกจากนี้ สื่อสวีเดนยังเผยแพร่ภาพคราเยมถือปืนอาก้าหน้าธงไอเอส โดยระบุว่า เป็นภาพที่ถ่ายในซีเรีย
ในเหตุสังหารหมู่ทั้งที่ปารีส และ บรัสเซลส์ ผู้ต้องสงสัยหลายคนมาจากย่านโมเลนบีคในบรัสเซลส์ ซึ่งผู้อาศัยส่วนใหญ่เป็นผู้อพยพ ในจำนวนนี้รวมถึง “อับเดลฮามิด อาบาอูด” ที่ถูกระบุว่า มีบทบาทสำคัญในเหตุวินาศกรรมปารีส และ อับเดสลาม ที่ถูกจับเมื่อวันที่ 18 ของเดือนที่แล้ว
อับเดสลามนั้นถูกสงสัยว่า มีบทบาทในการส่งกำลังสนับสนุนในการโจมตีปารีส แต่ไม่ได้ระเบิดตัวตายเหมือนพี่ชาย คือ บราฮิม แล้วหลบหนีกลับไปบรัสเซลส์ โดยสามารถรอดพ้นการตามล่าของตำรวจได้นานถึง 4 เดือน
อับเดสลาม สารภาพว่า มีแผนระเบิดฆ่าตัวตายระหว่างการโจมตีปารีส แต่เปลี่ยนใจในนาทีสุดท้าย
ที่ผ่านมา ทางการเบลเยียมถูกวิจารณ์อย่างหนักจากเหตุโจมตีบรัสเซลส์ เนื่องจากเป็นที่รับรู้ในเวลาต่อมา ว่า ตำรวจมีข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยหลายคนในมือมานานแล้ว