เอเอฟพี - ตำรวจเบลเยียมจับกุมผู้ต้องสงสัยได้อีก 6 รายในปฏิบัติการตรวจค้นทั่วกรุงบรัสเซลส์เมื่อวานนี้ (24 มี.ค.) หลังเกิดเหตุวินาศกรรมสนามบินนานาชาติและรถไฟใต้ดินจนมีผู้เสียชีวิตรวม 31 ราย ขณะที่รัฐมนตรีมหาดไทยและรัฐมนตรียุติธรรมเบลเยียมยื่นหนังสือลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบที่ไม่ได้ติดตามพฤติกรรมของมือระเบิดรายหนึ่ง ซึ่งทางการตุรกีได้เตือนล่วงหน้าแล้วว่าเป็น “นักรบรัฐอิสลาม”
อีริค ฟาน เดอ ซีปต์ โฆษกสำนักงานอัยการเบลเยียม ระบุว่า ผู้ต้องสงสัย 3 ราย “ถูกควบคุมตัวไว้ที่ด้านนอกสำนักงานอัยการกลาง” อีก 2 รายถูกจับได้ภายในเขตกรุงบรัสเซลส์ ขณะที่รายสุดท้ายถูกควบคุมตัวอยู่ที่ย่านแจ็ตต์ (Jette) ชานเมืองหลวง แต่ไม่ให้รายละเอียดเพิ่มเติมมากกว่านี้
“เจ้าหน้าที่จะตัดสินในวันพรุ่งนี้ว่าจะออกหมายจับ และตั้งข้อหากับคนกลุ่มนี้หรือไม่” เขากล่าว
ทั้งนี้ ตำรวจเบลเยียมยังคงตามล่าตัวชายต้องสงสัยอีกอย่างน้อย 2 คนที่กล้องวงจรปิดของสนามบินซาเวนเท็มและสถานีรถไฟใต้ดินสามารถจับภาพไว้ได้ขณะเกิดเหตุระเบิด
ตำรวจยังได้บุกเข้าตรวจค้นที่ย่าน Schaerbeek ในกรุงบรัสเซลส์ ซึ่งเป็นจุดที่มือระเบิด 3 คนออกเดินทางเพื่อไปยังสนามบินนานาชาติเมื่อเช้าวันอังคาร (22) พร้อมกับกระเป๋าใส่ระเบิด ทว่าล่าสุดยังไม่มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยเพิ่มเติมในย่านนี้
นายกรัฐมนตรี ชาร์ลส มิเชล แห่งเบลเยียมปฏิเสธที่จะรับจดหมายลาออกของ ยาน ยัมบอน (Jan Jambon) รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย และ คอน กีนส์ (Koen Geens) รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ซึ่งถูกสังคมติเตียนอย่างรุนแรงที่ปล่อยให้คนร้ายลงมือเข่นฆ่าประชาชนสำเร็จ ทั้งๆ ที่มือระเบิดอย่างน้อย 3 คนมีประวัติอาชญากรรมมาก่อน
ทางการเบลเยียมกำลังเผชิญกับความอับอาย หลังตุรกีเผยเมื่อวันพุธ (23) ว่า เมื่อปีที่แล้วได้เนรเทศ อิบราฮิม เอล บากราวี หนึ่งในมือระเบิดฆ่าตัวตายที่ลงมือโจมตีในวันอังคาร (22) พร้อมกับเตือนบรัสเซลส์ด้วยว่าชายคนนี้เป็นนักรบ
ขณะที่นักรบคนอื่นๆ ไม่เคยถูกควบคุมตัวเนื่องจากปราศจากหลักฐาน แต่ในส่วนของ บากราวี มีประวัติอาชญากรรมปล้นโดยใช้อาวุธ แต่ไม่มีเบาะแสโยงใยกับการก่อการร้าย จึงมีการทำทัณฑ์บนไว้เท่านั้น และเพิ่งเลยครึ่งทางของบทลงโทษ 9 ปี
ประธานาธิบดี รีเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน แห่งตุรกี กล่าวหาเบลเยียมว่าล้มเหลวในการคว้าโอกาสควบคุมตัวบากราวี โดยทางการตุรกีเคยจับกุมบากราวีได้เมื่อปีที่แล้ว และเนรเทศไปเนเธอร์แลนด์ พร้อมเตือนว่าบุคคลคนนี้เป็นผู้ก่อการร้ายต่างชาติ แต่เบลเยียมกลับไม่สามารถหาความเชื่อมโยงได้ และปล่อยตัวเขาไป
เมื่อวานนี้ (24) สมเด็จพระราชาธิบดีฟิลิปป์แห่งเบลเยียมทรงนำพสกนิกรนับพันคนยืนสงบนิ่ง เพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิต 31 ราย และอีกกว่า 300 คนที่ต้องบาดเจ็บจากเหตุวินาศกรรมเมื่อวันอังคาร (22)
ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ว่าเหตุใดรัฐบาลนานาชาติจึงไม่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลและสกัดแผนโจมตีกรุงบรัสเซลส์ไว้ได้ทัน ทั้งๆ ที่เพิ่งจะเกิดเหตุวินาศกรรมปารีสเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ล่าสุด ซาลาห์ อับเดสลาม ผู้ต้องหาโจมตีปารีสคนสำคัญที่เพิ่งถูกจับกุม ยืนกรานว่าตน “ไม่ทราบมาก่อน” ว่าจะมีการโจมตีเกิดขึ้นในเมืองหลวงเบลเยียม
อับเดสลามเป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายคนสุดท้ายที่มีชีวิตรอด หลังร่วมกับพวกโจมตีเมืองหลวงฝรั่งเศสหลายจุดเมื่อวันที่ 13 พ.ย. จนมีผู้เสียชีวิตถึง 130 ศพ เขาหลบหนีการจับกุมอยู่นานถึง 4 เดือน จนมาถูกตำรวจบรัสเซลส์รวบตัวได้เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (18)
สเวน มารี ทนายความของอับเดสลาม ให้สัมภาษณ์วานนี้ (24) ว่า ลูกความของตนไม่ต้องการต่อสู้คำขอส่งตัวไปยังกรุงปารีส และยืนกรานว่าไม่รู้ล่วงหน้าว่าบรัสเซลส์จะถูกโจมตี
อย่างไรก็ตาม มีการเปิดเผยว่า มือระเบิดเบลเยียม 3 ราย ซึ่งได้แก่ นาจิม ลาชราวี และ อิบราฮิม เอล บากราวี ที่กดระเบิดภายในสนามบินบรัสเซลส์ และ คอลิด เอล บากราวี ที่เป็นผู้วางระเบิดสถานีรถไฟใต้ดินมาลบีก (Maalbeek) เคยมีประวัติถูกดำเนินคดีมาก่อน และยังมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับ อับเดสลาม อย่างชัดเจน
อัยการเบลเยียมยังยืนยันว่า คอลิด เอล บากราวี เคยถูกออกหมายจับสากลฐานมีส่วนพัวพันกับเหตุวินาศกรรมปารีส และได้ใช้บัตรประชาชมปลอมในการเช่าห้องพักที่เมืองชาร์เลอรัว (Charleroi) ของเบลเยียม ซึ่งถูกใช้เป็นแหล่งกบดานของเครือข่ายนักรบที่ลงมือโจมตีกรุงปารีส
แหล่งข่าวตำรวจบอกกับเอเอฟพีว่า ขณะนี้ทางการเบลเยียมกำลังตามล่าตัว “ชายสวมหมวก” ซึ่งเข็นกระเป๋าเดินทางไปพร้อมกับสองมือระเบิดที่โจมตีสนามบินบรัสเซลส์ รวมถึงผู้ต้องสงสัยรายที่ 5 ซึ่งกล้องวงจรปิดของสถานีรถไฟใต้ดินสามารถจับภาพไว้ได้ โดยชายคนนี้ถือกระเป๋าใบใหญ่และเดินอยู่กับคอลิด แต่ไม่ได้ขึ้นรถไฟไปพร้อมกับมือระเบิด