เอเจนซีส์ - หลังจากกฎหมายยึดทรัพย์ผู้อพยพเข้าเดนมาร์กออกมาได้ 2 เดือน ล่าสุด พบว่า ตำรวจเดนมาร์กยังไม่ได้เริ่มต้นบังคับใช้กฎหมายนี้กับผู้อพยพซีเรียแต่อย่างใด
เดลิเมลรายงานเมื่อวานนี้ (5) ว่า กฎหมายยึดทรัพย์ผู้อพยพที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรเดนมาร์ก และถูกบังคับใช้เป็นกฎหมายในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งกำหนดให้โคเปนเฮเกนสามารถยึดทรัพย์สินส่วนตัวของผู้อพยพเข้าประเทศที่มีมูลค่าเกิน 10,000 แดนิชโครเนอร์ หรือ 976 ปอนด์ ได้จากการตรวจค้นสัมภาระนั้น ยังไม่ได้ถูกบังคับใช้ในทางปฏิบัติถึงแม้จะผ่านมาถึง 2 เดือนแล้วก็ตาม
โดยสื่ออังกฤษรายงานว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติเดนมาร์ก ล่าสุด ออกมายอมรับว่า ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้บังคับใช้กฎหมายนี้
ประธานสหภาพตำรวจเดนมาร์ก Politiforbundet คลอส อ็อกซ์เฟลด์ต์ (Claus Oxfeldt) ได้เปิดเผยกับสื่อเดนมาร์ก เดอะโลคอล ว่า ไม่แปลกใจที่ทางตำรวจเดนมาร์กเลือกที่จะไม่ค้นสัมภาระสิ่งของเครื่องใช้ของผู้อพยพ “ผมคาดหวังเสมอว่า ปัญหาเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับส่วนน้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ”
เดลิเมลชี้ว่า กฎหมายยึดทรัพย์ผู้ลี้ภัยเป็นหนึ่งในนโยบายการรับมือผู้อพยพที่ได้ผ่านรัฐสภาเดนมาร์กในวันที่ 26 มกราคม 2016 ซึ่งของมีค่าที่มีมูลค่าเกิน 10,000 แดนิชโครเนอร์ จะถูกยึดเป็นทรัพย์สินของเดนมาร์กในกรณีที่ผู้อพยพได้ร้องขอสิทธิลี้ภัยในประเทศ โดยทางโคเปนเฮเกนต้องการที่จะใช้ทรัพย์สินเหล่านี้เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ลี้ภัยสำหรับที่อาศัย คอร์สเรียนภาษา การให้บริการทางการแพทย์ และการฝึกงาน
อย่างไรก็ตาม ในกฎหมายนี้มีข้อยกเว้นสำหรับแหวนแต่งงาน หรือรวมไปถึงโทรศัพท์มือถือ
และมาตรการนี้ยังสอดคล้องกับการร้องขอสิทธิการว่างงานของพลเมืองเดนมาร์ก ที่กล่าวว่าผู้มีสิทธิในการร้องขอการคุ้มกันนี้จะต้องนำทรัพย์สินของตนเองที่มีมูลค่าสูงเกิน 10,000 แดนิชโครเนอร์ แลกเปลี่ยนเป็นเงินเสียก่อน
ทั้งนี้ โลคอลได้วิจารณ์ว่า กฎหมายยึดทรัพย์นี้ ยังไม่เคยถูกใช้แม้แต่ครั้งเดียวภายในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เหมือนราวกับว่าทางโคเปนเฮเกนต้องการที่จะใช้กฎหมายฉบับนี้เป็นสัญญาณส่งไปยังผู้อพยพเพื่อเตือนให้รู้ว่า การเข้ามาในเดนมาร์กต้องค่าใช้จ่าย