เอพี/เอเอฟพี - เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านการบิน เมื่อวันอาทิตย์ (20 มี.ค.) เริ่มต้นตรวจสอบกล่องดำทั้ง 2 จากเที่ยวบินของสายการบิน “ฟลายดูไบ” ซึ่งตกลงโหม่งพื้นท่ามกลางกระแสลมแรงที่บริเวณท่าอากาศยานของเมืองรอสตอฟ-ออน-ดอน ทางภาคใต้ของรัสเซีย ขณะเดียวกัน บรรดาเจ้าหน้าที่รับเหตุฉุกเฉินได้ยุติการค้นหาบริเวณรันเวย์ที่เกลื่อนไปด้วยซากหักพัง
เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ของฟลายดูไบ ซึ่งบินจากต้นทางที่ดูไบ ได้ปักหัวลงโหม่งพื้น จากนั้นก็ระเบิดกลายเป็นลูกไฟขนาดยักษ์เมื่อตอนก่อนรุ่งสางของวันเสาร์ (19) ตามเวลาท้องถิ่น ภายหลังบินวนอยู่หลายชั่วโมง และใช้ความพยายามเป็นครั้งที่ 2 เพื่อลงจอด ขณะที่กระแสลมพัดแรง
พวกเจ้าหน้าที่สอบสวนยืนยันว่าผู้อยู่บนเครื่องบินทั้ง 62 คน ซึ่งประกอบด้วยผู้โดยสาร 55 คน และลูกเรือ 7 คน ได้เสียชีวิตลงในทันที และประกาศเปิดการสอบสวนคดีอาญาในประเด็นที่ว่า อุบัติเหตุคราวนี้เกี่ยวข้องกับความผิดพลาดของนักบิน, ความบกพร่องทางเทคนิค หรือเนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย
พวกผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ในช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุนี้ยังมีเครื่องบินอีกหลายลำซึ่งประสบความลำบากขณะพยายามร่อนลงจอดที่ท่าอากาศยานในเมืองรอสตอฟ-ออน-ดอน แห่งนี้ โดยมีลำหนึ่งใช้ความพยายามอยู่ 3 ครั้งก่อนยอมยกธงขาวและเปลี่ยนไปลงที่สนามบินอีกแห่งหนึ่ง
เซียร์เกย์ ไซโก รองประธานคณะกรรมการการบินระหว่างรัฐของรัสเซีย บอกกับทีวีแชนเนลวันของแดนหมีขาวว่า ในวันอาทิตย์พวกผู้เชี่ยวชาญกำลังศึกษากล่องดำทั้ง 2 ของเครื่องบิน ซึ่งได้แก่ชุดบันทึกเสียงในห้องนักบิน และชุดบันทึกข้อมูลเที่ยวบิน โดยที่ได้มีการส่งกล่องดำเหล่านี้ไปที่มอสโกตั้งแต่ช่วงเช้า
ข้อมูลจากกล่องดำจะได้รับการศึกษาตรวจสอบโดยบรรดาผู้เชี่ยวชาญจากรัสเซีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ เนื่องจากเครื่องบินโบอิ้งผลิตโดยอเมริกันลำนี้ใช้เครื่องยนต์ที่ทำในฝรั่งเศส
ที่รอสตอฟ-ออน-ดอน เมื่อวันอาทิตย์ (20) ผู้คนหลายร้อยคนหลั่งไหลไปยังท่าอากาศยาน ซึ่งเป็นสนามบินใหญ่ที่สุดของภูมิภาคแถบนี้ เพื่อวางดอกไม้ ตลอดจนเทียนและตุ๊กตา เป็นการไว้อาลัยผู้เสียชีวิต นครแห่งนี้อยู่ห่างจากมอสโกไปทางใต้ 950 กิโลเมตร และอยู่ใกล้ๆ พรมแดนยูเครน
ภาพวิดีโอจากทีวีวงจรปิดแสดงให้เห็นเครื่องบินลำที่ประสบเหตุกำลังร่อนลงมาด้วยมุมที่ชันมาก จากนั้นก็โหม่งพื้นและเกิดการระเบิด แรงระเบิดมีอานุภาพรุนแรงถึงขนาดทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ในรันเวย์ และบดบี้ตัวเครื่องบินตลอดจนร่างของผู้โดยสารจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและปลิวกระจัดกระจายไปเป็นวงกว้าง
ทางด้านรัฐมนตรีคมนาคม แมกซิม โซโคลอฟ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ทีมเจ้าหน้าที่รับเหตุฉุกเฉินได้ยุติการค้นหาพื้นที่ซึ่งเครื่องบินตกแล้ว และเวลานี้พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบกำลังรอคอยให้ทีมสอบสวนเปิดไฟเขียวเพื่อจะได้ส่งทีมซ่อมแซมเข้าไปที่รันเวย์ โซโคลอฟกล่าวคาดหมายว่าท่าอากาศยานแห่งนี้น่าจะเปิดใช้งานได้ใหม่ตอนช่วงเช้าวันจันทร์ (21)
ฟลายดูไบ ซึ่งเป็นสายการบินโลว์คอสต์ของรัฐ และอยู่ในเครือเดียวกันกับสายการบินเอมิเรตส์ แถลงว่า ในจำนวนผู้โดยสาร 55 คนของเที่ยวบิน FZ981 นี้เป็นคนสัญชาติรัสเซีย 44 คน, ยูเครน 8 คน, อินเดีย 2 คน และอุซเบก 1 คน โดยเป็นผู้หญิง 33 คน, ชาย 18 คน และเด็ก 4 คน
สำหรับลูกเรือนั้น นักบินที่ 1 เป็นชาวไซปรัส ส่วนนักบินที่ 2 เป็นชาวสเปน แต่ละคนต่างมีประสบการณ์ในการบินเกือบๆ 6,000 ชั่วโมง ขณะที่ลูกเรือคนอื่นๆ อีก 5 คนมาจากสเปน, รัสเซีย, เซเชลส์, โคลอมเบีย และคีร์กีซสถาน ประเทศละ 1 คน
มีรายงานว่าผู้เสียชีวิตบางคนมาจากพื้นที่ในยูเครนตะวันออกซึ่งพวกกบฏยึดครองอยู่ ทั้งนี้ การสู้รบระหว่างพวกแบ่งแยกดินแดนที่ได้รับการหนุนหลังจากรัสเซีย กับกองทหารรัฐบาลยูเครน ได้สังหารผลาญชีวิตผู้คนไปกว่า 9,100 คนนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2014 เป็นต้นมา สงครามยังทำให้ท่าอากาศยานเมืองโดเนตสก์ ซึ่งเป็นสนามบินหลักของภูมิภาคแถบนั้น กลายเป็นสถานที่รกร้าง และคนท้องถิ่นจำนวนมากต้องข้ามพรมแดนเข้ามาใช้ท่าอากาศยานที่เมืองรอสตอฟ-ออน-ดอน
พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของฝ่ายกบฏในโดเนตสก์แถลงในวันอาทิตย์ (20) ว่า มีชาวเมืองนี้ 2 คนเสียชีวิตจากเครื่องบินตกคราวนี้ ขณะที่หนังสือพิมพ์รายวันคอมโซโมลสกายา ปราฟดา ของรัสเซียรายงานว่า ครอบครัวหนึ่งที่มีสมาชิก 3 คนจากเมืองสเวิร์ดลอฟสก์ ซึ่งเป็นเมืองในยูเครนที่อยู่ในความควบคุมของฝ่ายกบฏ ก็อยู่ในรายชื่อผู้เสียชีวิตเช่นกัน