(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
Only saying ‘no Trump’ can save America
By George Koo
16/03/2016
ในเกมไพ่บริดจ์ “7 โนทรัมป์” ถือว่าเป็น “แกรนด์สแลม” เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับเกมการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯเวลานี้ ก็หมายความว่ามีเหตุผลอย่างน้อยที่สุด 7 ประการทีเดียวที่ผู้ออกเสียงชาวอเมริกันจะต้อง “โนทรัมป์” จะต้องไม่เลือก โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเป็นประมุขของประเทศโดยเด็ดขาด
“บริดจ์” (Bridge) เป็นเกมไพ่ที่อุดมไปด้วยความสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน ซึ่งเป็นที่นิยมชมชอบของผู้คนตลอดทั่วโลก ทั้งในฐานะที่เป็นกิจกรรมเข้าสังคม และในฐานะที่เป็นเครื่องฆ่าเวลาด้วยการเข้าสู่สนามรบแห่งการใช้กลเม็ดสติปัญญาตลอดจนความชำนิชำนาญอันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเร้าใจ จนกระทั่งมีการจัดแข่งขันกันในระดับนานาชาติ ประเทศจำนวนมากจัดตั้งทีมชาติเพื่อเข้าแข่งเกมไพ่บริดจ์ ไม่เพียงเท่านั้น เกมนี้ยังสามารถนำมาใช้เปรียบเทียบอุปมาอุปไมยกับเกมการเมืองที่กำลังเล่นกันอยู่ในสหรัฐอเมริกาเวลานี้อีกด้วย
ในเกมไพ่บริดจ์นั้น การใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า “three no trump” ( “3 ไม่มีทรัมป์” ในภาษาไพ่บริดจ์นั้น no trump หมายความว่าผู้เล่นทั้ง 4 คนตกลงกันว่า ในเกมนั้นๆ จะไม่ยกดอกไพ่ใดใน 4 ดอก (โพดำ, โพแดง, ดอกจิก, ข้าวหลามตัด) ให้เป็น trump นั่นคือมีศักดิ์สูงกว่าดอกไพ่อื่นๆ แต่ในข้อเขียนชิ้นนี้ ผู้เขียน จอร์จ คู ยังเล่นคำ โดยนำเอาคำว่า no trump มาใช้ในความหมายว่า “ไม่เอา (โดนัลด์) ทรัมป์” ด้วย –ผู้แปล) ถือเป็นวิธีรวดเร็วที่สุดที่จะเอาชนะในเกมดังกล่าว สำหรับการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกันในปัจจุบัน เหตุผลประการแรกที่จะต้อง “โน ทรัมป์” ก็คือ เราต้องยอมรับความเป็นจริงที่ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้ที่สร้างความแตกแยกและไม่สามารถที่รวบรวมนำเอาประชาชนชาวอเมริกันให้สามัคคีผนึกกำลังกันอยู่เบื้องหลังเขาได้ อันที่จริงแล้ว ทรัมป์กระทั่งกำลังกลายเป็นผู้ที่ฉีกกระชากพรรคการเมืองของเขาเอง ซึ่งก็คือพรรครีพับลิกัน ให้ขาดวิ่นออกเป็นเสี่ยงๆ ในขณะที่เขาทำการรณรงค์หาเสียงเพื่อให้ได้กลายเป็นผู้สมัครของพรรค ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
เหตุผลประการที่สองของการที่ต้อง “โน ทรัมป์” มาจากการพูดจาอย่างไม่มีหูรูดที่แสดงถึงความเป็นนักลัทธิเหยียดเชื้อชาติและต่อต้านผู้อพยพของเขา การพูดจาโผงโผงเอามันเข้าว่าเช่นนี้ ได้ทำและก็กำลังจะทำให้สังคมชาวผิวขาวบางส่วน หันไปต่อต้านกลุ่มชาติพันธุ์ผิวสีทั้งหมดไปเลย ทั้งๆ ที่กลุ่มชนต่างชาติพันธุ์ต่างผิวสีทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ คือผู้คนที่ทำให้อเมริกากลายเป็นอเมริกาในทุกวันนี้ เขายังต้องการสร้างกำแพงล้อมรอบอาณาบริเวณชายแดนทางภาคใต้ของเรา แถมยังเรียกร้องให้เม็กซิโกจ่ายเงินค่าก่อสร้างอีกด้วย หากพูดกันด้วยภาษาในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว มีใครบ้างไหมที่ทราบว่าเขาจะทำเช่นนี้ให้สำเร็จได้อย่างไร?
สำหรับเหตุผลที่จะต้อง “โน ทรัมป์” ประการที่สาม เนื่องจากการที่เขาขาดไร้ความเข้าอกเข้าใจแม้กระทั่งหลักการพื้นฐานต่างๆ ของวิชาเศรษฐศาสตร์ หากเป็นอย่างที่เขาพูดแล้ว เขาผู้นี้เชื่อว่าข้อตกลงการค้าเสรีต่างๆ คือตัวการที่แย่งยึดตำแหน่งงานทั้งหลายให้ออกไปจากสหรัฐอเมริกา ขณะที่พวกนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่จะสามารถบอกเล่าให้เขาฟังได้ว่า การขึ้นภาษีนำเข้าที่เก็บจากสินค้าต่างประเทศนั้น รังแต่จะเป็นเพียงการปกป้องคุ้มครองพวกอุตสาหกรรมล้าหลัง, ทำให้คนงานที่ได้ค่าจ้างต่ำต้องมีชีวิตความเป็นอยู่ในระดับยากจนต่อไป, รวมทั้งริบเอาแรงจูงใจทั้งหลายที่จะกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ เจ้านวัตกรรมเหล่านี้แหละ คือสิ่งที่ทำให้อเมริกายังคงสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำของโลกเอาไว้ได้
เหตุผล 3 ประการของการ “โน ทรัมป์” เช่นนี้ น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับพูดกับ โดนัลด์ ว่า “เกมจบแล้ว พรรคพวก” แต่อันที่จริงแล้วยังมีเหตุผลประการอื่นๆ อีก
ขณะที่ โดนัลด์ ไม่ได้เสแสร้างตลอดจนไม่ได้อวดอ้างว่าตนเองเป็นผู้มีสติปัญญายิ่งใหญ่เฉียบแหลม ทว่าเหตุผลประการที่ 4 ของการ “โน ทรัมป์” ก็ยังคงเป็นเรื่องที่เขาขาดไร้ความตระหนักซาบซึ้งถึงความสำคัญของการศึกษา การใช้ศัพท์แสงของเขา แน่นอนทีเดียวว่าเป็นการสาธิตอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งถึงการที่เขาไม่ได้รับการศึกษาอบรมอย่างเพียงพอจนกระทั่งสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างช่ำชอง ขณะเดียวกันความล้มเหลวไม่เป็นท่าของ “มหาวิทยาลัยทรัมป์” (Trump University) คือหลักฐานยืนยันว่าเขาไม่ได้รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับการสอนการอบรมคนหนุ่มคนสาวของเรา ตลอดจนการมอบทักษะความชำนาญให้แก่พวกเขา เพื่อให้พวกเขากลายเป็นพลเมืองที่รับผิดชอบและมีคุณูปการแก่สังคมและประเทศชาติ
เหตุผลประการที่ 5 ของการที่จะต้อง “โน ทรัมป์” ได้แก่การที่เขามีความชื่นชอบเหลือเกินในการใช้วิธีฟ้องร้องดำเนินคดีมาเป็นวิธีแก้ไขปัญหาลำดับแรกสุด หากเขาเกิดกลายเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาขึ้นมา ลักษณะนิสัยช่างฟ้องร้องของเขาย่อมเป็นลางบอกเหตุว่ามันจะกลายเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพของโลก เขาไม่น่าที่จะหันมาเลือกใช้วิธีการทูตและการเจรจากัน แต่น่าที่จะพึงพาอาศัยวิธีการเผชิญหน้ากับชาติอื่นๆ มากกว่า ซึ่งย่อมอาจนำพาประเทศชาติไปสู่สงคราม นิ้วมือของเขาซึ่งแตะอยู่บนปุ่มปล่อยขีปนาวุธนิวเคลียร์ จะทำให้ทุกๆ คนนอนหลับตาลงได้ยากเหลือเกินในยามค่ำคืน
ประชาคมโลกกำลังฉงนสนเท่ห์ต่อกระบวนการเสนอชื่อผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ และเฝ้ามองมุกพิลึกพิลั่นทั้งหลายของโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยอาการดูหมิ่นและงงงัน พวกเขาพบว่าการที่เขาลงแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีด้วยนั้น คือการหยามหยันเกียรติศักดิ์ศรีของตำแหน่งอันสูงสุดในสหรัฐอเมริกานี้ ซึ่งมีความหมายโดยนัยด้วยว่าเป็นเก้าอี้ตัวสำคัญที่สุดของคณะผู้นำในโลกใบนี้ ขณะที่พวกผู้นำคนอื่นๆ ของโลกอาจจะแอบหัวเราะคิกคักกับมุกตลกโปกฮาของ โดนัลด์ แต่พวกเขาก็กำลังทำให้เกิดความมั่นใจขึ้นมาด้วยว่า การหมกมุ่นอยู่แต่อีโก้ของตัวเองอย่างชนิดผิดปกติของเขา จักต้องไม่ข้ามพรมแดนเข้ามายังประเทศของพวกเขาด้วย ตัวอย่างหนึ่งได้แก่สหราชอาณาจักร ซึ่งมีการเสนอให้พิจารณาที่จะห้ามปรามไม่ให้เขาเดินทางเข้าไปยังประเทศของพวกเขา ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ชื่อเสียงเกียรติภูมิของอเมริกาในตลอดทั่วโลกนี้ จึงสมควรเป็นเหตุผลประการที่ 6 สำหรับการ “โน ทรัมป์”
เหตุผลประการที่ 7 และเป็นประการสุดท้ายสำหรับการ “โน ทรัมป์” ได้แก่บุคลิกภาพที่บกพร่องอย่างเห็นชัดของเขา เขาไม่มีความละอายใจเลยที่จะทำสิ่งซึ่งขัดแย้งกับตัวเขาเอง, ที่จะเปลี่ยนจุดยืนในเรื่องต่างๆ ของเขาชนิด 180 องศา, และที่จะกล่าวแถลงอย่างผิดพลาดและตีความอย่างผิดพลาดด้วยความจงใจ แม้กระทั่งหลานปู่วัย 7 ขวบของผมก็ยังทราบเรื่องนี้ เธอจัดทำแผ่นป้ายประท้วงที่โรงเรียนซึ่งมีข้อความว่าเธอไม่ชอบโดนัลด์ ทรัมป์ เนื่องจากเขาเป็นจอมโกหกหลอกลวง
ในเกมไพ่บริดจ์ “7 โนทรัมป์” คือแกรนด์สแลม เป็นการประมูลสูงที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ หากนำเรื่องนี้มาประยุกต์ใช้กับกรณีของโดนัลด์ มันก็คือชุดของเหตุผลอันเต็มบริบูรณ์สำหรับการที่ผู้ออกเสียงชาวอเมริกันทั้งหลายจะต้องปฏิเสธไม่ยอมรับให้เขาได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ถ้าเกิดให้โอกาสเขาในการขึ้นเป็นผู้นำ เมื่อพิจารณาจากผลงานในอดีตของเขาซึ่งปนเปื้อนไปด้วยการถูกฟ้องร้องถูกพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายแล้ว เขาก็น่าที่จะนำพาประเทศชาติให้ตกต่ำลงสู่เส้นทางแห่งความพินาศและความวิบัติหายนะ เมื่อถึงตอนนั้นมันก็จะสายเกินไปเสียแล้วสำหรับเราที่จะรู้สึกสำนึกเสียใจต่อการเลือกของเราเอง และทั่วทั้งโลกก็อาจจะต้องชำระค่าเสียหายที่บังเกิดขึ้นตลอดชั่วอายุผู้คนอีกหลายรุ่นในอนาคตข้างหน้า
(ความคิดเห็นที่ปรากฏในข้อเขียนนี้เป็นของผู้เขียนเอง ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นการสะท้อนทัศนะของเอเชียไทมส์)
ดร. จอร์จ คู เพิ่งเกษียณอายุเมื่อไม่นานมานี้จากสำนักงานให้บริการด้านคำปรึกษาระดับโลก แห่งหนึ่ง ซึ่งเขาได้ให้คำแนะนำแก่ลูกค้าเกี่ยวกับยุทธศาสตร์และการดำเนินการทางธุรกิจ ของพวกเขาในประเทศจีน เขาสำเร็จการศึกษาจาก MIT, Stevens Institute, และ Santa Clara University และเป็นผู้ก่อตั้งตลอดจนเป็นอดีตกรรมการผู้จัดการของ International Strategic Alliances เขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของ the Committee of 100, the Pacific Council for International Policy และเป็นกรรมการคนหนึ่งของ New America Media
Only saying ‘no Trump’ can save America
By George Koo
16/03/2016
ในเกมไพ่บริดจ์ “7 โนทรัมป์” ถือว่าเป็น “แกรนด์สแลม” เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับเกมการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯเวลานี้ ก็หมายความว่ามีเหตุผลอย่างน้อยที่สุด 7 ประการทีเดียวที่ผู้ออกเสียงชาวอเมริกันจะต้อง “โนทรัมป์” จะต้องไม่เลือก โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเป็นประมุขของประเทศโดยเด็ดขาด
“บริดจ์” (Bridge) เป็นเกมไพ่ที่อุดมไปด้วยความสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน ซึ่งเป็นที่นิยมชมชอบของผู้คนตลอดทั่วโลก ทั้งในฐานะที่เป็นกิจกรรมเข้าสังคม และในฐานะที่เป็นเครื่องฆ่าเวลาด้วยการเข้าสู่สนามรบแห่งการใช้กลเม็ดสติปัญญาตลอดจนความชำนิชำนาญอันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเร้าใจ จนกระทั่งมีการจัดแข่งขันกันในระดับนานาชาติ ประเทศจำนวนมากจัดตั้งทีมชาติเพื่อเข้าแข่งเกมไพ่บริดจ์ ไม่เพียงเท่านั้น เกมนี้ยังสามารถนำมาใช้เปรียบเทียบอุปมาอุปไมยกับเกมการเมืองที่กำลังเล่นกันอยู่ในสหรัฐอเมริกาเวลานี้อีกด้วย
ในเกมไพ่บริดจ์นั้น การใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า “three no trump” ( “3 ไม่มีทรัมป์” ในภาษาไพ่บริดจ์นั้น no trump หมายความว่าผู้เล่นทั้ง 4 คนตกลงกันว่า ในเกมนั้นๆ จะไม่ยกดอกไพ่ใดใน 4 ดอก (โพดำ, โพแดง, ดอกจิก, ข้าวหลามตัด) ให้เป็น trump นั่นคือมีศักดิ์สูงกว่าดอกไพ่อื่นๆ แต่ในข้อเขียนชิ้นนี้ ผู้เขียน จอร์จ คู ยังเล่นคำ โดยนำเอาคำว่า no trump มาใช้ในความหมายว่า “ไม่เอา (โดนัลด์) ทรัมป์” ด้วย –ผู้แปล) ถือเป็นวิธีรวดเร็วที่สุดที่จะเอาชนะในเกมดังกล่าว สำหรับการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกันในปัจจุบัน เหตุผลประการแรกที่จะต้อง “โน ทรัมป์” ก็คือ เราต้องยอมรับความเป็นจริงที่ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้ที่สร้างความแตกแยกและไม่สามารถที่รวบรวมนำเอาประชาชนชาวอเมริกันให้สามัคคีผนึกกำลังกันอยู่เบื้องหลังเขาได้ อันที่จริงแล้ว ทรัมป์กระทั่งกำลังกลายเป็นผู้ที่ฉีกกระชากพรรคการเมืองของเขาเอง ซึ่งก็คือพรรครีพับลิกัน ให้ขาดวิ่นออกเป็นเสี่ยงๆ ในขณะที่เขาทำการรณรงค์หาเสียงเพื่อให้ได้กลายเป็นผู้สมัครของพรรค ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
เหตุผลประการที่สองของการที่ต้อง “โน ทรัมป์” มาจากการพูดจาอย่างไม่มีหูรูดที่แสดงถึงความเป็นนักลัทธิเหยียดเชื้อชาติและต่อต้านผู้อพยพของเขา การพูดจาโผงโผงเอามันเข้าว่าเช่นนี้ ได้ทำและก็กำลังจะทำให้สังคมชาวผิวขาวบางส่วน หันไปต่อต้านกลุ่มชาติพันธุ์ผิวสีทั้งหมดไปเลย ทั้งๆ ที่กลุ่มชนต่างชาติพันธุ์ต่างผิวสีทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ คือผู้คนที่ทำให้อเมริกากลายเป็นอเมริกาในทุกวันนี้ เขายังต้องการสร้างกำแพงล้อมรอบอาณาบริเวณชายแดนทางภาคใต้ของเรา แถมยังเรียกร้องให้เม็กซิโกจ่ายเงินค่าก่อสร้างอีกด้วย หากพูดกันด้วยภาษาในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว มีใครบ้างไหมที่ทราบว่าเขาจะทำเช่นนี้ให้สำเร็จได้อย่างไร?
สำหรับเหตุผลที่จะต้อง “โน ทรัมป์” ประการที่สาม เนื่องจากการที่เขาขาดไร้ความเข้าอกเข้าใจแม้กระทั่งหลักการพื้นฐานต่างๆ ของวิชาเศรษฐศาสตร์ หากเป็นอย่างที่เขาพูดแล้ว เขาผู้นี้เชื่อว่าข้อตกลงการค้าเสรีต่างๆ คือตัวการที่แย่งยึดตำแหน่งงานทั้งหลายให้ออกไปจากสหรัฐอเมริกา ขณะที่พวกนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่จะสามารถบอกเล่าให้เขาฟังได้ว่า การขึ้นภาษีนำเข้าที่เก็บจากสินค้าต่างประเทศนั้น รังแต่จะเป็นเพียงการปกป้องคุ้มครองพวกอุตสาหกรรมล้าหลัง, ทำให้คนงานที่ได้ค่าจ้างต่ำต้องมีชีวิตความเป็นอยู่ในระดับยากจนต่อไป, รวมทั้งริบเอาแรงจูงใจทั้งหลายที่จะกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ เจ้านวัตกรรมเหล่านี้แหละ คือสิ่งที่ทำให้อเมริกายังคงสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำของโลกเอาไว้ได้
เหตุผล 3 ประการของการ “โน ทรัมป์” เช่นนี้ น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับพูดกับ โดนัลด์ ว่า “เกมจบแล้ว พรรคพวก” แต่อันที่จริงแล้วยังมีเหตุผลประการอื่นๆ อีก
ขณะที่ โดนัลด์ ไม่ได้เสแสร้างตลอดจนไม่ได้อวดอ้างว่าตนเองเป็นผู้มีสติปัญญายิ่งใหญ่เฉียบแหลม ทว่าเหตุผลประการที่ 4 ของการ “โน ทรัมป์” ก็ยังคงเป็นเรื่องที่เขาขาดไร้ความตระหนักซาบซึ้งถึงความสำคัญของการศึกษา การใช้ศัพท์แสงของเขา แน่นอนทีเดียวว่าเป็นการสาธิตอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งถึงการที่เขาไม่ได้รับการศึกษาอบรมอย่างเพียงพอจนกระทั่งสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างช่ำชอง ขณะเดียวกันความล้มเหลวไม่เป็นท่าของ “มหาวิทยาลัยทรัมป์” (Trump University) คือหลักฐานยืนยันว่าเขาไม่ได้รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับการสอนการอบรมคนหนุ่มคนสาวของเรา ตลอดจนการมอบทักษะความชำนาญให้แก่พวกเขา เพื่อให้พวกเขากลายเป็นพลเมืองที่รับผิดชอบและมีคุณูปการแก่สังคมและประเทศชาติ
เหตุผลประการที่ 5 ของการที่จะต้อง “โน ทรัมป์” ได้แก่การที่เขามีความชื่นชอบเหลือเกินในการใช้วิธีฟ้องร้องดำเนินคดีมาเป็นวิธีแก้ไขปัญหาลำดับแรกสุด หากเขาเกิดกลายเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาขึ้นมา ลักษณะนิสัยช่างฟ้องร้องของเขาย่อมเป็นลางบอกเหตุว่ามันจะกลายเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพของโลก เขาไม่น่าที่จะหันมาเลือกใช้วิธีการทูตและการเจรจากัน แต่น่าที่จะพึงพาอาศัยวิธีการเผชิญหน้ากับชาติอื่นๆ มากกว่า ซึ่งย่อมอาจนำพาประเทศชาติไปสู่สงคราม นิ้วมือของเขาซึ่งแตะอยู่บนปุ่มปล่อยขีปนาวุธนิวเคลียร์ จะทำให้ทุกๆ คนนอนหลับตาลงได้ยากเหลือเกินในยามค่ำคืน
ประชาคมโลกกำลังฉงนสนเท่ห์ต่อกระบวนการเสนอชื่อผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ และเฝ้ามองมุกพิลึกพิลั่นทั้งหลายของโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยอาการดูหมิ่นและงงงัน พวกเขาพบว่าการที่เขาลงแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีด้วยนั้น คือการหยามหยันเกียรติศักดิ์ศรีของตำแหน่งอันสูงสุดในสหรัฐอเมริกานี้ ซึ่งมีความหมายโดยนัยด้วยว่าเป็นเก้าอี้ตัวสำคัญที่สุดของคณะผู้นำในโลกใบนี้ ขณะที่พวกผู้นำคนอื่นๆ ของโลกอาจจะแอบหัวเราะคิกคักกับมุกตลกโปกฮาของ โดนัลด์ แต่พวกเขาก็กำลังทำให้เกิดความมั่นใจขึ้นมาด้วยว่า การหมกมุ่นอยู่แต่อีโก้ของตัวเองอย่างชนิดผิดปกติของเขา จักต้องไม่ข้ามพรมแดนเข้ามายังประเทศของพวกเขาด้วย ตัวอย่างหนึ่งได้แก่สหราชอาณาจักร ซึ่งมีการเสนอให้พิจารณาที่จะห้ามปรามไม่ให้เขาเดินทางเข้าไปยังประเทศของพวกเขา ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ชื่อเสียงเกียรติภูมิของอเมริกาในตลอดทั่วโลกนี้ จึงสมควรเป็นเหตุผลประการที่ 6 สำหรับการ “โน ทรัมป์”
เหตุผลประการที่ 7 และเป็นประการสุดท้ายสำหรับการ “โน ทรัมป์” ได้แก่บุคลิกภาพที่บกพร่องอย่างเห็นชัดของเขา เขาไม่มีความละอายใจเลยที่จะทำสิ่งซึ่งขัดแย้งกับตัวเขาเอง, ที่จะเปลี่ยนจุดยืนในเรื่องต่างๆ ของเขาชนิด 180 องศา, และที่จะกล่าวแถลงอย่างผิดพลาดและตีความอย่างผิดพลาดด้วยความจงใจ แม้กระทั่งหลานปู่วัย 7 ขวบของผมก็ยังทราบเรื่องนี้ เธอจัดทำแผ่นป้ายประท้วงที่โรงเรียนซึ่งมีข้อความว่าเธอไม่ชอบโดนัลด์ ทรัมป์ เนื่องจากเขาเป็นจอมโกหกหลอกลวง
ในเกมไพ่บริดจ์ “7 โนทรัมป์” คือแกรนด์สแลม เป็นการประมูลสูงที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ หากนำเรื่องนี้มาประยุกต์ใช้กับกรณีของโดนัลด์ มันก็คือชุดของเหตุผลอันเต็มบริบูรณ์สำหรับการที่ผู้ออกเสียงชาวอเมริกันทั้งหลายจะต้องปฏิเสธไม่ยอมรับให้เขาได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ถ้าเกิดให้โอกาสเขาในการขึ้นเป็นผู้นำ เมื่อพิจารณาจากผลงานในอดีตของเขาซึ่งปนเปื้อนไปด้วยการถูกฟ้องร้องถูกพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายแล้ว เขาก็น่าที่จะนำพาประเทศชาติให้ตกต่ำลงสู่เส้นทางแห่งความพินาศและความวิบัติหายนะ เมื่อถึงตอนนั้นมันก็จะสายเกินไปเสียแล้วสำหรับเราที่จะรู้สึกสำนึกเสียใจต่อการเลือกของเราเอง และทั่วทั้งโลกก็อาจจะต้องชำระค่าเสียหายที่บังเกิดขึ้นตลอดชั่วอายุผู้คนอีกหลายรุ่นในอนาคตข้างหน้า
(ความคิดเห็นที่ปรากฏในข้อเขียนนี้เป็นของผู้เขียนเอง ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นการสะท้อนทัศนะของเอเชียไทมส์)
ดร. จอร์จ คู เพิ่งเกษียณอายุเมื่อไม่นานมานี้จากสำนักงานให้บริการด้านคำปรึกษาระดับโลก แห่งหนึ่ง ซึ่งเขาได้ให้คำแนะนำแก่ลูกค้าเกี่ยวกับยุทธศาสตร์และการดำเนินการทางธุรกิจ ของพวกเขาในประเทศจีน เขาสำเร็จการศึกษาจาก MIT, Stevens Institute, และ Santa Clara University และเป็นผู้ก่อตั้งตลอดจนเป็นอดีตกรรมการผู้จัดการของ International Strategic Alliances เขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของ the Committee of 100, the Pacific Council for International Policy และเป็นกรรมการคนหนึ่งของ New America Media