xs
xsm
sm
md
lg

เพลิงนรี ตอนที่ 8

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เพลิงนรี ตอนที่ 8

คุณหนูเกรซเสียใจ แค้นใจ จนไม่เป็นอันกินอันนอน กานดาตามเข้าปลอบในห้องนอน กรนันท์กอดผู้เป็นมารดาไว้แน่น ร้องไห้ฟูมฟายหนักมาก

“นังริสามันตามจ้องล้างจองผลาญเกรซไม่เลิกจริงๆ คุณแม่ เกรซจะทำยังไงดี”
“ใจเย็นๆ นะลูกนะ มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้”
“คุณแม่ก็เห็นคลิปนั่นแล้วยังจะบอกว่าไม่มีอะไรอีกเหรอคะ เจ้าชายก็สนใจมัน พี่ภพก็สนใจมัน เกรซเกลียดมัน เกลียดมัน”
กรนันท์หันไปจิกหมอนมาระบายความโกรธเกลียดพริริสาในใจ
กานดาทนเห็นลูกเสียใจไม่ได้ ดึงกรนันท์กลับมากอดปลอบอีกครั้ง บอกลูกด้วยแววตาวาวโรจน์
“แม่สัญญา นังริสามันจะมาแย่งอะไรจากเกรซไม่ได้อีก”
กรนันท์เอาแต่ฟูมฟายไม่ได้สนใจคำพูดกานดานัก

กานดาออกจากห้องกรนันท์ เจอจินตนายืนรออยู่ ถามอย่างเป็นห่วงหลานรัก
“ยัยเกรซเป็นยังไงบ้าง”
“ร้องไห้หลับไปแล้วล่ะค่ะ”
“ไม่คิดเลยเด็กนั่นมันจะร้ายขนาดนี้ คิดเป็นคู่แข่งกับยัยเกรซไปทุกเรื่อง”
“ต่อให้มันร้ายขนาดไหน ดาก็จะจัดการมันเองค่ะ”
“เธอจะจัดการมันยังไง”
“เมื่อก่อนทำยังไง ตอนนี้ก็ทำอย่างนั้นล่ะค่ะ”
จินตนาเห็นแววตาอำมหิตแลดูน่ากลัวของกานดาก็ชักหวั่นๆ ไม่แน่ใจว่าลูกสะใภ้จะใช้วิธีไหนกันแน่

ตอนสายวันต่อมา กานดาสวมแว่นดำทรงโตพาตัวเองมายืนหลบมุมรอใครบางคนอยู่ที่ปากทางเข้าชุมชนแออัด มีผู้คนเดินผ่านไปมาและพากันหันมามองกานดาเป็นแถบๆ จนกานดาต้องพยายามเลี่ยงหลบไม่ให้ใครจำหน้าตนได้
นักเลง 2 คน เดินมาขวางหน้าไว้ กานดาตกใจเล็กน้อย แต่พอเห็นว่าเป็นคนของตนก็วางมาดเข้ม
“ไม่เจอกันนานนะคุณนาย นึกว่าจะลืมพวกเราไปแล้ว” นักเลง 1 ทัก
“ฉันมีงานให้พวกแกทำ”
นักเลง 2 ตีฝีปาก “ก็คิดไว้แล้วล่ะ ถ้าไม่มีอะไรคุณนายคงไม่มา”
“แล้วอยากได้ไหมเงินน่ะ”
นักเลงทั้ง 2 คน มองหน้ากัน ยิ้มชั่วให้กัน รู้ว่าต้องทำงานอะไร

ที่บูรพเกียรติ ธีภพนั่งทำงานโดยไม่มีสมาธิ คอยมองนาฬิกาเพราะไม่เห็นพริริสามาทำงานสักที ธีภพหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาลังเลว่าจะโทรหาพริริสาดีหรือเปล่า สุดท้ายก็ยอมโทร.ไปหา แต่พริริสาไม่ยอมรับสาย ธีภพยิ่งหงุดหงิดบ่นงึมงำ
“งานก็ไม่มาทำ โทร.ไปก็ไม่รับ”
คำพูดตัดพ้อของพริริสาดังขึ้นในห้วงคิด
“ถ้าฉันมันแย่ขนาดนั้น ฉันก็คงไม่เหมาะจะทำงานเป็นเลขาคุณต่อ ฉันลาออกก็แล้วกัน คุณจะได้สบายใจ”
ธีภพเริ่มกังวลว่าพริริสาอาจจะลาออกจริงๆ รีบลุกออกไปจากห้องทำงานทันที

ที่โต๊ะทำงานของศจีหน้าห้องคณิน ศจีและโรซี่อู้งาน ดูเว็บช้อปปิ้งออนไลน์ที่หน้าจอคอมพ์
“กระเป๋าใบนี้ก็สวยนะคะพี่ศจี กำลังเซลส์ด้วย”
“โอ๊ย เชื่อไม่ได้หรอก เข้ามาดูกี่รอบก็เห็นเซลส์ทุกรอบ”
“แสดงว่าแอบเอาเวลางานเข้ามาช็อปปิ้งออนไลน์ทุกวันเลยสิคะ” โรซี่กัด
“ก็ใช่น่ะสิ” ศจีเคลิ้ม พอนึกได้ก็วี้ดว้ายแก้ตัว “ว้าย! นานๆ เข้าทีย่ะ”
ธีภพเดินมาหาศจีที่โต๊ะ กระแอมดเรียก
“คุณศจีครับ”
สองคนตกใจ โรซี่รีบคว้าแฟ้มใกล้ตัวทำทีเป็นตรวจทานงาน
ส่วนศจีรีบเปลี่ยนหน้าจอคอมพิวเตอร์ กดคีย์บอร์ดแทบไม่ทัน
“รายงานสรุปยอดขายของเดือนนี้ ฝากให้ท่านประธานด้วยนะคะพี่ศจี” โรซี่บอก
“จ้ะๆ พี่ก็ยุ้งยุ่ง ต้องรีบพิมพ์รายงานการประชุม คุณภพมีอะไรให้ศจีช่วยคะ”
“ริสาเขาฝากลางานกับคุณศจีหรือเปล่าครับ”
“เปล่านี่คะ”
“จริงด้วย ตั้งแต่เช้ายังไม่เห็นริสาเลย ไม่มาทำงานเหรอคะ”
กานดายืนหลบมุมฟังอยู่ ได้ยินที่ทุกคนคุยกัน จึงรู้ว่าพริริสาไม่ได้มาทำงาน
“ให้ศจีโทร.ไปถามให้ไหมคะ”
“ไม่เป็นไร ผมโทรไปแล้ว ถ้าเขาไม่ได้ฝากอะไรไว้ก็ไม่เป็นไรครับ”
ธีภพเดินออกไป ศจีและโรซี่มองดูท่าทีธีภพที่ดูเป็นกังวลมาก ที่พริริสาไม่มาทำงาน สองคนมองหน้ากันหัวเราะคิกคัก
“สงสัยคุณภพจะเป็นพวกไม่เห็นหน้าสาวกินข้าวไม่ลง” ศจีว่า
กานดาเดินเข้ามา ศจีและโรซี่ได้สะดุ้งกันอีกรอบ
“โรซี่กลับไปทำงานก่อนนะคะ”
โรซี่รีบชิ่งออกไป กานดาถามศจีสีหน้าเรียบเป็นปกติ
“คุณคณินอยู่หรือเปล่า”
“อยู่ค่ะ”
“ฉันอยากได้กาแฟกับของว่าง”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันรีบไปจัดมาให้เลยค่ะ”
กานดาเห็นศจีพ้นตัวไปแล้ว มองไปที่โต๊ะทำงานเห็นโทรศัพท์มือถือศจีวางอยู่ รีบหยิบโทรศัพท์ศจีมา เปิดหาไลน์ของ “ริสา” จนเจอ
กานดาพิมพ์ข้อความบางอย่างแล้วส่งไปหาริสา ยิ้มชั่วมีแผนร้าย

พริริสาเปิดตู้เย็นหยิบผลไม้มากินอย่างสบายใจเฉิบ ไม่สนใจเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นและเงียบไปหลายครั้งแล้ว จนมิราเดินออกจากห้องด้านในมาดู
“โทรศัพท์ดังตั้งหลายรอบ ทำไมไม่รับริสา”
“ก็ไม่อยากรับ”
มิราหยิบโทรศัพท์มือถือพริริสามาดู เห็นชื่อเม็มไว้ว่า “จอมจับผิด” มี miss call จากชื่อนี้ 3 ครั้ง
มิราขำคิก รู้ทันทีว่าใคร
“จอมจับผิด นี่เบอร์คุณภพใช่ไหม เขาโทร.มาตั้งหลายรอบแล้วนะ”
“ช่างปะไร ไหนๆ ก็จะลาออกแล้ว ไม่ต้องไปสนใจหรอก”
มีเสียงไลน์เข้ามา
“มีข้อความเข้ามาแน่ะ”
พริริสาหมั่นไส้ คิดว่าเป็นธีภพ “ไม่รับสาย ยังจะส่งข้อความมาอีก”
“จากพี่ศจีน่ะ”
พริริสาทำหน้าแปลกใจ เดินมากดดูข้อความไลน์
“ด่วนมาก ห้าโมงเย็น พี่ขอนัดเจอ...”
พริริสาอ่านเวลาและสถานที่นัดแล้วยิ่งสงสัย

กานดาวางโทรศัทพ์มือถือศจีที่โต๊ะตามเดิม คณินเดินออกมาจากห้องเห็นกานดาอยู่ที่โต๊ะทำงานศจีก็แปลกใจ
“กานดา”
กานดาสะดุ้งเล็กน้อย หันมาหาสามี พยายามเก็บอาการเหมือนไม่มีอะไร
“ฉันแวะมาหาคุณน่ะค่ะ คุณจะออกไปไหนหรือเปล่าคะ”
“ผมว่าจะออกไปโชว์รูม แล้วจะกลับเข้ามาอีกที”
“งั้นฉันไปด้วยค่ะ”
กานดารีบเดินไปหาคณิน ศจีถือถาดใส่กาแฟและของว่างกลับเข้ามา กานดาบอกกับศจีว่า
“ฉันจะออกไปกับคุณคณิน ไปค่ะ
คณินแปลกใจนิดๆ แต่ก็ยอมเดินไปพร้อมกับกานดา ศจียืนถือถาดทำหน้างง
“อ้าวแล้วกาแฟ ของว่าง” ศจียิ้มกริ่ม “เสร็จเรา”
ศจีถือถาดกาแฟและของว่างไปนั่งกินที่โต๊ะเอง ไม่ทันมองว่าโทรศัพท์มือถือตัวเองหน้าจอมืดสนิท ถูกกานดาปิดเครื่องไปแล้ว

พริริสาเรียกรถแท็กซี่มารับที่หน้าตึก รถออกไป ในจังหวะที่รถธีภพแล่นสวนเข้ามาจอดพอดิบพอดี ธีภพลงจากรถ เดินเข้าไปในตึก โดยไม่รู้ว่าพริริสาออกไปแล้ว
ธีภพเดินเข้ามาในโถงของตึกคอนโด ลังเลว่าจะขึ้นไปเจอพริริสาได้ยังไง เพราะที่นี่ใครจะทะเล่อทะล่าขึ้นไปด้านบนไม่ได้ง่ายๆ

แท็กซี่แล่นมาจอดที่บริเวณลานน้ำพุหน้าพลาซ่า พริริสาหยิบเงินส่งให้แท็กซี่แล้วลงจากรถ มองดูนาฬิกาพบว่ามาถึงก่อนเวลานัดราวสิบนาที
“ทำไมพี่ศจีต้องนัดเรามาที่นี่ด้วยนะ”
รถตู้คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดบริเวณนั้น เห็นนักเลงคนของกานดา 2 คนอยู่ในรถตู้คันนั้น

ธีภพใช้ความคิดว่าจะเอายังไงดี จนเห็นมิราเดินออกจากลิฟต์มาที่โถงตึก เหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก มิราก็เห็นธีภพ เป็นฝ่ายทักขึ้นก่อน
“คุณภพ มาหาริสาเหรอคะ”
“ครับ”
“ริสาออกไปแล้วล่ะค่ะ”
ธีภพทำหน้าแปลกใจว่ามิรารู้ได้ยังไง
“คือเมื่อกี้เจอกันที่หน้าลิฟต์น่ะค่ะ เห็นบอกว่านัดกับคุณศจีเอาไว้”
ธีภพแปลกใจว่าพริริสานัดกับศจีได้ยังไง

เย็นย่ำ พริริสายืนรอศจีแต่ไม่เห็นศจีมาสักที ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาศจี แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับเพราะโทรศัพท์มือถือศจีปิดอยู่
พริริสาแปลกใจมาก “หรือแบตมือถือพี่ศจีจะหมด”
นักเลงสองคน คนของกานดายืนมองสังเกตการณ์อยู่ข้างๆ รถตู้ หยิบรูปพริริสาออกมาดู

ก่อนหน้านี้กานดาส่งรูปถ่ายพริริสาให้นักเลง 1 มันมองหน้าเหยื่อแล้วถามว่า
“คุณนายอยากได้แบบไหน”
“ได้ตัวมันแล้วโทร.บอกฉัน ฉันจะเค้นคอมันบางเรื่องก่อน แล้วค่อยให้มันไปให้พ้นจากชีวิตครอบครัวของฉัน”
กานดายิ้มชั่วออกมา นึกถึงความสำเร็จในอดีต ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน

นักเลงชั่วทั้งสองดูจนมั่นใจว่าเป็นพริริสาคนที่ต้องจัดการตามคำสั่งกานดา แต่ยังไม่สบโอกาสเพราะมีคนเดินผ่านไปมาพลุกพล่านจึงยังไม่ลงมือ

ธีภพขับรถไปตามทาง กดโทร.เข้าเบอร์โต๊ะศจีที่ออฟฟิศเพราะมือถือปิด คุยสายผ่านสมอลล์ทอล์ค
“คุณศจี คุณนัดริสาไว้หรือเปล่าครับ”
ศจีคุยโทรศัพท์สายในของออฟฟิศกับธีภพ ทำหน้างุนงง
“เปล่านี่คะ ศจีไม่ได้นัดกับริสาเลยค่ะ นี่ศจียังอยู่ออฟฟิศอยู่เลยนะคะ”
“แต่คุณมิราบอกว่าคุณส่งข้อความนัดริสาออกไป”
“ว้าย ไม่มีนะคะ”
ศจียิ่งตกใจรีบหันไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะมาดู แต่ต้องตกใจที่เห็นเครื่องปิดอยู่
“ว้าย! ทำไมมือถือดับได้ล่ะ” ศจีรีบเปิดเครื่อง เช็คดูว่ามีข้อความส่งไปหรือเปล่า “นี่เครื่องศจีไม่มีข้อความอะไรส่งไปเลยนะคะ”
ก็จะมีได้ไง เพราะหลังส่งข้อความเสร็จ รอดูจนมีคนอ่านข้อความแน่ กานดาก็กดดีลีตข้อความที่ส่งออกไปทิ้งทำลายหลักฐาน ก่อนจะปิดมือถือศจีวางไว้ที่เดิม
ธีภพได้ยินที่ศจีบอกก็ยิ่งแปลกใจ
“แล้วทำไมมีข้อความส่งหาริสาได้”
ธีภพสังหรณ์ใจ รีบบึ่งรถไป พร้อมๆ กับกดโทรศัพท์หาพริริสาอย่างร้อนใจ

ฟากพริริสาเดินไปเดินมารอศจีอยู่บริเวณลานน้ำพุหน้าพลาซ่า จนเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ดูชื่อเห็นเป็นธีภพโทร.เข้า
“คุณภพ ยังจะโทร.มาอีก”
พริริสาสองจิตสองใจจะรับหรือไม่รับดี
นักเลงชั่ว 2 คน เห็นปลอดคนสบช่องจึงพยักหน้าให้กันได้เวลาลงมือแล้ว พวกมันเดินตรงไปหาพริริสาอย่างมุ่งร้าย
พริริสาตัดสินใจจะกดรับโทรศัพท์ธีภพ แต่จู่ๆ มือนักเลง 1 มากระชากโทรศัพท์มือถือไป พริริสาตกใจ
“พวกแกเป็นใคร”
นักเลง 2 ควักปืนออกมาจากเอวจ่อจี้ที่ด้านหลังพริริสา
“ไม่อยากตายตามพวกเราไปดีๆ”
พริริสาเห็นพวกคนร้ายมีอาวุธก็นึกกลัว พยายามตั้งสติ ค่อยๆ เดินไปตามคำสั่ง

ธีภพขับรถเข้ามาที่บริเวณถนนหน้าพลาซ่า พยายามสอดตามองหาพริริสาไปรอบๆ

พริริสาถูกดันให้เดินตรงไปยังรถตู้ที่จอดอยู่ พริริสาทำท่าจะขัดขืนจะร้องให้คนช่วย
นักเลง 2 ปิดปากพริริสาเอาไว้ทันพร้อมกับขู่
“อย่าคิดขัดขืน ไม่อย่างงั้นเธอได้นอนตายอยู่แถวนี้แน่”
นักเลง 1 เดินไปเปิดประตูรถตู้ นักเลง 2 ผลักรุนหลังให้พริริสาขึ้นไปบนรถตู้
“ขึ้นไป”
รถธีภพแล่นเข้ามาอีกด้านห่างจากบริเวณที่จอดรถตู้ไม่ไกลนัก ธีภพกวาดสายตามองหา จนเห็นพริริสากำลังถูกคนร้ายจี้ให้ขึ้นรถตู้ก็ตกใจ รีบจอดรถจะลงไปช่วย
แต่จู่ๆ ทหารกบฏไทรจีส ลูกน้องอาซิส 2 คน ก็โผล่มาเล่นงานนักเลงทั้ง 2 ลงอย่างว่องไว เป็นการต่อสู้ด้วยชั้นเชิงของทหารที่ถูกฝึกมาอย่างดี นักเลง 2 สู้ไม่ได้จะใช้ปืนยิง แต่ถูกลูกน้อง 1 ถลันเข้าประชิดตัวแย่งปืนไปอย่างง่ายดาย และเล่นงานจนสอยนักเลง 2 ล้มลง
นักเลงทั้งสองนอนกองอยู่กับพื้น โดนทหารกบฏเหยียบซ้ำไม่ให้ลุกขึ้นมาได้อีก
ธีภพมองประเมินสถานการณ์ว่าควรจะทำยังไง
“เจ้าหญิงตามพวกเราไปเดี๋ยวนี้”
พริริสาตกใจที่ได้ยิน ลูกน้อง 2 หนึ่งในทหารกบฏเรียกตนว่าเจ้าหญิง แถมยังบอกอีกว่า
“ท่านอาซิสรออยู่”
จากนั้นทั้งสองก็เข้าประกบข้างพริริสาซ้ายขวา พาตัวออกไป พริริสามองหาลู่ทางแต่รู้ว่าไม่มีทางขัดขืนสองคนนี้ได้
ธีภพแน่ใจแล้วว่าคนที่มาช่วยพริริสาเป็นอีกกลุ่มที่ต้องการตัวพริริสาเช่นกัน จึงหยิบปืนพกในรถออกมาตามไปช่วยทันที

พริริสาถูกทหารกบฏคุมตัวพามาที่ลานด้านหลังปลอดคน ซึ่งมีรถของอาซิสจอดอยู่ อาซิสเปิดประตูลงมาเผชิญหน้ากับพริริสา
“พวกแกต้องการอะไร”
“ไปกับพวกเราแล้วก็จะรู้เอง เจ้าหญิง”
ลูกน้อง 1 จับแขนพริริสาจะพาไปขึ้นรถ ธีภพตามมาถึงพอดี ยกปืนขึ้นขู่
“ปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้”
อาซิสเห็นธีภพมีอาวุธจึงรีบชักปืนออกมาเล็งไปที่พริริสา
“แกต่างหากที่ต้องวางปืนซะ”
ธีภพเป็นห่วงพริริสา ค่อยๆ ย่อตัวจะวางปืนลง พริริสาตัดสินใจกระชากแขนจนหลุดจากลูกน้อง 1 วิ่งเข้าไปหาธีภพ อาซิสไม่กล้ายิง เพราะจริงๆ แล้วตั้งใจจะจับพริริสาไปเพื่อล่อให้คามินออกมา อาซิสเลยหันมายิงใส่ธีภพแทน
ธีภพดึงพริริสาพากันหลบเข้าที่กำบังแถวนั้นแล้วยิงสวนกลับไป กระสุนเฉี่ยวเข้าที่แขนอาซิส
“อ๊าก”
พริริสาตกใจรีบย่อตัวลงหลบกระสุน ลูกน้อง 1 รีบเข้าไปดูอาการอาซิส
ทหารกบฏ ลูกน้อง 2 จะเข้ามาจับตัวพริริสา ธีภพตัดสินใจเข้าชาร์จ กระโดดถีบลูกน้อง 2 กระเด็นพ้นไป แล้วรีบดึงตัวพริริสากลับมาวิ่งหนีไปด้วยกัน
“ไปคุณ”
พริริสายอมวิ่งไปตามแรงดึงของธีภพแต่โดยดี
อาซิสสั่งการทันที “ตามมันไป”
ลูกน้อง 2 วิ่งตามธีภพและพริริสาไป ส่วนลูกน้อง 1 อยู่ช่วยดูแลอาซิส

ธีภพพาพริริสาวิ่งหนีมายังรถของตนที่จอดอยู่
“ขึ้นรถเร็วคุณ”
ทหารลูกน้อง 2 วิ่งตามมาติดๆ พริริสารีบขึ้นรถ ธีภพขึ้นสตาร์ตเครื่องแล้วขับรถออกไปโดยเร็ว ลูกน้อง 2 วิ่งตามมาแต่ไล่ไม่ทัน
ลูกน้อง 1 ขับรถมากับอาซิส จอดรับ ลูกน้อง 2 รีบขึ้นรถโดยไว รถอาซิสแล่นตามรถของธีภพไป
ฝ่ายสองนักเลงคนของกานดา ประคองสังขารในสภาพสะบักสะบอมโผล่ออกมาจากหลังรถตู้ที่จอดอยู่ มองดูเหตุการณ์อย่างงุนงง ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร และเกิดอะไรขึ้น

ธีภพขับรถออกมาตามถนนเส้นทางนอกเมือง มีรถอาซิสขับตามมาไม่ห่าง พริริสาหันไปมองรีบร้องบอก
“พวกมันตามมาแล้ว”
ธีภพรีบเร่งเครื่องหนี รถอาซิสแล่นตามมาอย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน จนตามมาติดๆ
“คุณภพ มันใกล้เข้ามาแล้ว” พริริสาตกใจ
“ผมเห็นแล้ว”
ลูกน้อง 2 ควักปืนออกมาเตรียมยิง แต่อาซิสซึ่งกุมแขนข้างที่เลือดออกแน่นร้องบอก
“ห้ามให้เจ้าหญิงเป็นอันตรายเด็ดขาด เราต้องได้ตัวมาแบบเป็นๆ เท่านั้น”
ลูกน้อง 2 จำใจเก็บปืน ลูกน้อง 1 เร่งความเร็วพยายามจะเบียดและปัดรถธีภพให้ตกข้างทาง ธีภพพยายามหักหลบเร่งเครื่องหนี พริริสาเห็นปืนธีภพที่วางอยู่ข้างๆ ตัว ตัดสินใจหยิบปืนขึ้นมา
ธีภพตกใจ “คุณจะทำอะไร”
“ก็ทำให้พวกมันตามเราไม่ได้ไง”
“ริสาอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ คุณเคยยิงปืนหรือไง”
“ไม่เคย แต่จะลองดู”
“ปืนนะคุณไม่ใช่หนังสติ๊ก จะได้ลองยิงเล่นได้”
ธีภพพยายามจะหันไปแย่งปืนคืนมา แต่พริริสาไม่ยอมรีบกดกระจกลง ถือปืนหันหน้าไปทางรถของอาซิส
ธีภพโมโห “อยากตายหรือไงคุณ”
อาซิสและพวกเห็นพริริสาถือปืนเล็งมาทางพวกตน ก็พากันก้มหลบ ลูกน้อง 1 รีบหักรถหลบ
ธีภพดึงร่างพริริสาให้กลับเข้ามาในรถอย่างแรง มือกระแทกขอบกระจก ทำให้ปืนตกลงไปที่ถนน ธีภพยิ่งโมโห
“เห็นไหมคุณทำอะไรลงไป”
“เพราะคุณต่างหากมาดึงฉัน ปืนถึงตกไป”
พวกอาซิสเห็นพริริสาทำปืนตกก็รีบขับรถไล่ตาม แล่นมาประกบกะเบียดรถธีภพให้ตกถนนอีกครั้ง
ธีภพขับรถมาถึงทางแยก เห็นมีรถบรรทุกวิ่งทะยานมาจากอีกด้าน ธีภพตัดสินใจเร่งเครื่องขับรถให้พุ่งทะยานผ่านไปตัดหน้ารถบรรทุกคันนั้นได้เฉียดฉิว คนขับรถบรรทุกต้องเบรกรถคาสี่แยก
รถอาซิสแล่นตามหลังมาจึงถูกรถบรรทุกขวางทางไว้โดยอัตโนมัติ ลูกน้อง 1 ต้องเบรกกะทันหัน ทำให้ตามรถธีภพไปไม่ทัน
“โธ่เว้ย”

อาซิสโมโหสุดขีด


อ่านต่อหน้า 2

เพลิงนรี ตอนที่ 8 (ต่อ)

ธีภพขับรถแล่นไกลออกมาจากกรุงเทพฯ ทุกที พริริสามัวแต่มองหลังจนแน่ใจว่าพวกอาซิสไม่ตามมาแล้ว ขึงถอนใจอย่างโล่งอก

“พวกมันคงตามเรามาไม่ทันแล้ว”
ธีภพบ่นบ้า ยังโมโหไม่หาย
“ถ้าพวกนั้นตามมาทันเราก็คงไม่รอด คุณเล่นทำปืนผมหล่นหายไปแล้ว จะเอาอะไรป้องกันตัว”
พริริสาหน้างอ ลืมตัวประชดกลับ “ถ้าคุณกลัวจะเป็นอันตรายก็ปล่อยฉันไว้ก็ได้ พวกนั้นต้องการตัวฉันไม่ใช่คุณ”
“แล้วพวกนั้นต้องการตัวคุณไปทำไม”
พริริสาถูกธีภพย้อนถามกลับก็อึ้งไป
“ฉันไม่รู้”
พริริสาเสมองออกไปข้างทาง เห็นวิวทิวทัศน์ดูแปลกตา
“นี่คุณจะพาฉันไปไหน”
“ไปที่ปลอดภัยไง”
พริริสาใจคอไม่ดี ไม่รู้ว่าธีภพกำลังพาตนไปที่ไหน

ทางด้านอธิรุธหอบหิ้วถุงของกินเดินตามมิรามาที่หน้าห้องพัก
“ขอบใจนะ ที่อุตส่าห์ไปคอยช่วยหิ้วของให้ฉัน”
“ยินดีรับใช้ครับ ว่าแต่มีอะไรตอบแทนบ้างไหมคุณ อย่างเช่น น้ำเย็นๆ สักแก้ว”
อธิรุธส่งสายตาเว้าวอนเป็นเชิงอ้อน ขอเข้าไปในห้อง มิราคิดว่าพริริสากลับมาแล้ว
“ไม่ดีหรอกคุณ”
อธิรุธอ้อนอีก “แต่ผมหิ้วของให้คุณจนแขนล้า ขาจะหมดแรงแล้วนะ น้ำแก้วเดียวก็ไม่ได้ น้ำใจคนเราทำไมมันแล้งเหมือนทะเลทรายแบบนี้นะ”
“คร่ำครวญซะเวอร์เชียว จะเข้าก็เข้ามา”
มิรารำคาญ เปิดประตูยอมให้อธิรุธเข้าห้อง อธิรุธยิ้มแป้นรีบเดินตามเข้าไปทันที

อธิรุธวางถุงข้าวของลงบนโต๊ะในห้อง มิราเดินไปเปิดตู้เย็นเทน้ำใส่แก้ว ยกมาให้อธิรุธ
“เอาไป จะได้ไม่มาว่าฉันทีหลังว่าแล้งน้ำใจ”
“ได้น้ำปุ๊บ จากที่อยู่ทะเลทรายกลายเป็นอยู่ริมทะเลเมดิเตอเรเนียนเลยคุณ สดชื่น”
อธิรุธมองสำรวจไปรอบๆ ห้อง มิราเห็น
“มองอะไร”
“จะว่าไป คราวก่อนที่ผมมา ผมก็ลืมนึกไปว่าคุณอยู่คนเดียว ห้องใหญ่ขนาดนี้ไม่เหงาแย่เหรอ”
“ฉันไม่ได้อยู่คนเดียว”
“คุณอยู่กับใครอย่าบอกนะว่าอยู่กับแฟน ผมไม่ยอมนะ”
“บ้าเหรอ” มิราขำ เผลอพูดออกมา “ฉันอยู่กับริสาต่างหาก”
“อ้าว คุณไหนว่าแค่อยู่ตึกเดียวกัน ทำไมตอนนี้มาอยู่ห้องเดียวกันแล้วล่ะ”
“ก็...” มิราโมโหตัวเอง คิดหาคำแก้ตัว “ตั้งแต่เกิดเรื่องฉันกลัวก็เลยชวนเขามาอยู่ด้วย จะได้มีเพื่อน”
อธิรุธพยักหน้าหงึกๆ ทำเป็นเชื่อ “แบบนี้นี่เอง”
มิราเม้ง “พูดแบบนี้หาว่าฉันโกหกเหรอ”
“คุณพูดอะไรผมก็เชื่อหมดใจล่ะครับ”
มิราลอบมองค้อนรู้ว่าอธิรุธพูดกวนประสาท
“แล้วคุณริสาล่ะคุณ”
มิราเดินเข้าไปดูห้องด้านใน แต่ไม่เห็นพริริสา จึงเดินออกมา
“สงสัยริสาจะยังไม่กลับ”
“แอบไปหาเจ้าชายคามินแล้วไม่บอกคุณหรือเปล่า”
มิราหมั่นไส้ ค้อนให้อีกวง ดึงแก้วน้ำจากมืออธิรุธคืนมา
“พูดมาก กลับไปเลยไป”
อธิรุธดึงแก้วน้ำคืนมา “ผมพูดเล่น” แล้วรีบดื่มน้ำต่อ
มิราอดกังวลไม่ได้ จึงขอตัวลุกเดินไปหลบมุมโทรศัพท์หาพริริสา
สาวไทรจีสหน้าหวานโทรศัพท์หาเจ้าหญิงรัชทายาท แต่กลับไม่มีสัญญาณ โทร.อีกหลายครั้งก็เป็นดังเดิม มิราแปลกใจมาก ตัดสินใจโทรศัพท์หาไคซัจ
“ไคซัจ ริสาไปหาเจ้าชายหรือเปล่า ไม่ได้ไปเหรอ เปล่าไม่มีอะไร แค่นี้นะ” มิรากดวางสาย “หรือจะอยู่กับคุณภพ”
มิราพยายามคิดในแง่ดีว่าพริริสาอาจกำลังทำงานอยู่กับธีภพ

หน้าตึกคอนโด มีรปภ. เข้าเวรยามคอยดูแล มีผู้คนเดินเข้าออกตามปกติ
ทหารกบฏ ลูกน้อง 1 ขับรถมาจอดรถซุ่มดูอยู่หน้าตึกนานแล้ว แต่ไม่เห็นพริริสากลับมาสักที จึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทร.กลับไปรายงานความเคลื่อนไหว

ทหารกบฏ ลูกน้อง 2 อยู่ที่ห้องพักแห่งหนึ่ง คุยสายกับ ลูกน้อง 1 ที่โทร.มารายงานจากหน้าตึกคอนโดที่พักของพริริสา
ลูกน้อง 2 วางสายเดินไปหาอาซิส ซึ่งเวลานี้ทำแผลที่แขนเรียบร้อย กำลังกินยาแก้ปวด
“เจ้าหญิงไม่ได้กลับไปที่พักครับ”
อาซิสนิ่งคิด “ไอ้หมอนั่นคงพาเจ้าหญิงหนีไปที่อื่นแล้ว”
“เราไม่ได้ตัวเจ้าหญิงมา เราจะเข้าถึงตัวเจ้าชายคามินอีกคงยาก”
“ยังไงมันก็ต้องมีสักทาง เราต้องหาทางจัดการเจ้าชายคามินตามคำสั่งท่านราห์มานให้ได้”
อาซิสเจ็บแผลที่แขน แต่กัดฟันทน คิดหาหนทางจัดการคามินต่อไป

ธีภพขับรถมาตามถนนขึ้นเนินทางไปบ้านพักใกล้น้ำตก พริริสามองสองข้างทางที่เป็นป่า ทั้งมืดและเปลี่ยวก็ยิ่งใจคอไม่ดีหนักขึ้น
“คุณจะพาฉันไปไหนกันแน่ นี่คุณขับรถมาสามสี่ชั่วโมงแล้วนะ”
“ยิ่งไกลก็ยิ่งปลอดภัยจากพวกนั้นไง”
“แต่นี่มันไกลเกินไปแล้ว ฉันจะกลับ”
“คุณไม่คิดว่าพวกมันจะไปดักรอคุณอีกหรือไง พวกมันรู้ความเคลื่อนไหวของคุณ แสดงว่ามันรู้ว่าคุณพักที่ไหน”
พริริสานึกตาม เห็นด้วยว่าพวกคนร้ายจากไทรจีสต้องสะกดรอยตามตนแน่นอน
จู่ๆ รถธีภพก็กระตุกและเครื่องดับไปเลย
พริริสาโวยวายลั่น “รถเป็นอะไร”
ธีภพไม่ตอบเปิดประตูลงจากรถไป

ธีภพเปิดฝากระโปรงรถเช็คดูว่ารถเป็นอะไร พริริสาลงรถตามมามองไปรอบๆ ที่ทั้งมืดและเปลี่ยวยิ่งรู้สึกไม่ปลอดภัย
“ตกลงรถเป็นอะไรคุณ”
“สงสัยหม้อน้ำจะรั่ว”
พริริสาบ่นอุบ “ทำไมต้องมาเสียตรงนี้ด้วยเนี่ย แล้วเราจะทำยังไง”
“เดินไปอีกหน่อยก็จะถึงบ้านที่ผมจะพาคุณไปแล้ว เราเดินไปก็แล้วกัน”
“ฉันไม่ไป ฉันจะกลับ”
ธีภพหงุดหงิด “ตามใจ คุณอยากกลับ ก็กลับเลย แต่ผมบอกก่อน ว่าแถวนี้เป็นที่ส่วนบุคคล ไม่มีรถชาวบ้านผ่านมาหรอกนะ”
ธีภพเดินไปหยิบไฟฉายที่ท้ายรถ ล็อครถแล้วเดินไปอีกด้าน ทิ้งพริริสาไว้ลำพัง
“คุณภพ คุณจะไปไหน”
“ผมก็จะไปบ้านพักไง ส่วนคุณอยากกลับก็...” ธีภพผายมือไปทางด้านหลัง “ตามสบาย”
ธีภพเดินตรงไปเลยไม่ยอมเหลียวหลัง พริริสามองไปรอบๆ รู้ตัวว่าไม่มีทางกลับเองได้ สองข้างทางทั้งมืดและมีแต่ป่ารกร้าง
“คุณภพ รอฉันด้วย”
พริริสาหมดฤทธิ์จำใจรีบจ้ำตามธีภพไปโดยไว

ธีภพเดินนำหน้าใช้ไฟฉายคอยส่องดูทาง พริริสาเดินตามหลังบ่นไม่หยุด เพราะนางเริ่มเหนื่อยล้าแล้ว

“ไหนคุณว่าไม่ไกลก็จะถึงบ้านพัก ฉันเดินจนจะไม่ไหวแล้วนะ”
“อีกไม่ไกลหรอกคุณ อดทนหน่อย”
“คุณพูดแบบนี้มาเป็นสิบรอบแล้ว”
“คุณก็เอาแต่ถามผมว่าอีกไกลไหมมาเป็นสิบรอบแล้วเหมือนกัน”
“ฉันไม่เดินแล้ว”
พริริสาหยุดเดินทำดื้อแพ่งใส่เพราะเดินต่อไม่ไหว ธีภพหันมาหาถอนใจอย่างเอือมระอา
“รีบเดิน คุณไม่ควรอยู่ตรงนี้นาน”
พริริสาลอยหน้าอวดเก่ง “ทำไม ฉันจะพักตรงนี้ไม่ได้”
“ก็ตรงนี้...” ธีภพนึกสนุก ทำเสียงชวนสยองน่ากลัวประกอบ “ไม่มีใครกล้ามาตอนมืดๆ หรอกคุณ”
“นี่อย่ามาหลอกฉันให้ยากเลย จะบอกว่าแถวนี้มีเสือ มีงู หรือมี...”
“มีคนตาย” ธีภพโพล่งบอก
พริริสาชะงักกึก เริ่มกลัวแต่ทำเป็นอวดเก่งใจกล้า
“ฉันไม่เชื่อหรอก”
“ไม่เชื่อก็ตามใจ หลายเดือนก่อนมีคนมาผูกคอตายอยู่แถวนี้ คนที่เฝ้าที่นี่ไม่มีใครกล้ามาเดินตอนมืดๆสักคน เพราะเขา...” ธีภพชี้ส่งไปที่ต้นไม้ใหญ่อีกด้าน “ตรงนั้น”
พริริสาเหลียวมองตามที่ธีภพชี้ เห็นเศษผ้าขาวปลิวอยู่ใต้ต้นไม้ท่ามกลางความมืด จึงคิดว่าเป็นที่คนผูกคอตายจริง พริริสาร้องกรี๊ดร้องกระโดดเข้าไปกอดธีภพแน่น
“แอร๊ย มีคนผูกคอตายจริงๆ ด้วย”
ธีภพขำคิกคัก ที่หลอกพริริสาได้สำเร็จ
“ใช่ที่ไหนล่ะคุณ นั่นมันผ้าที่เขามาผูกเอาไว้”
ธีภพส่องไฟฉายไปที่ใต้ต้นไม้ ให้เห็นชัดว่าเป็นเศษผ้าขาว ห้อยไว้ตามกิ่งไม้
พริริสาหันขวับมามองตาขวาง “คุณหลอกฉัน” แล้วรีบผละตัวเดินจากธีภพไป
“ผมไปหลอกอะไรคุณ”
“ก็คุณบอกว่ามีคนผูกคอตายแล้วก็ชี้ให้ฉันดู”
“คุณคิดเองเออเอง ผมแค่จะบอกตรงนั้น เขาผูกผ้าไว้ให้รู้ว่าเราเข้าเขตบ้านพักแล้ว”
ธีภพชี้ไปที่เนินด้านบน เผยให้เห็นบ้านพักตากอากาศอยู่บนนั้น พริริสายิ้มกว้างดีใจที่ถึงที่หมายสักที

ธีภพเดินนำพริริสามาที่หน้าบ้านพัก
“นี่บ้านใครคะ”
“บ้านพักเจ้ารุธ แต่มันแทบจะไม่ได้มาที่นี่เลย มีแต่ผมนี่ล่ะที่มาคอยดูให้”
พริริสาเห็นประตูบ้านล็อกอยู่
“แล้วเราจะเข้าไปได้เหรอคะ”
ที่ด้านหลังธีภพและพริริสา เห็นชายสูงวัยคนหนึ่งถือปืนลูกซองเดินเข้ามาเหมือนประสงค์ร้าย พริริสาหันไปเห็นชายชรายืนหน้าตาถมึงทึงยกปืนลูกซองขึ้นมาขู่ก็ตกใจ
“พวกแกเป็นใคร”
ธีภพหันไปเห็นลุงสนคนเฝ้าบ้านพักก็โล่งใจ
“ลุงสน ผมเอง”
ลุงสนหรี่ตามองใบหน้าธีภพก็จำได้ รีบลดปืนลง
“คุณภพ ทำไมมามืดๆ ค่ำๆ แบบนี้ละครับ”

ไม่นานต่อมา ป้าสร้อยเมียลุงสน จัดแจงปูเตียง และจัดหมอนพร้อมผ้าห่มมาให้
“คุณภพจะมาก็น่าจะบอกกันก่อน ดีนะคะป้าเพิ่งมาทำความสะอาดเมื่อวาน ปูผ้าใหม่ก็นอนได้เลย ว่าแต่พาสาวมาพักด้วยแฟนเหรอคะ”
“ไม่ใช่หรอกครับ เขาเป็นเลขาผม”
“อ้าวเหรอคะ” ป้าสร้อยจัดเตียงเสร็จพอดี “เดี๋ยวป้าไปจัดให้คุณภพอีกห้องนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
สองคนเดินออกจากห้องไป

ธีภพและป้าสร้อยเดินออกมาเห็นพริริสานั่งหลับคอพับอยู่ที่เก้าอี้มุมโถงรับแขก
“สงสัยจะเหนื่อยนะคะเนี่ย หลับไปซะแล้ว” ป้าสร้อยยิ้มเอ็นดู
“เดี๋ยวผมดูเขาเองครับป้า”
“งั้นป้าไปจัดเตียงอีกห้องให้ก่อนนะคะ”
“ครับ”
ป้าสร้อยเดินออกไป ธีภพเดินไปปลุกพริริสา
“ริสา”
ความเหนื่อยล้าตลอดทั้งวันทำให้พริริสาหลับสนิทไปแล้ว ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ ธีภพถอนใจไม่อยากปลุกคนหลับ ตัดสินใจเข้าไปอุ้มช้อนตัวพริริสาขึ้น พาเข้าไปในห้อง
ป้าสร้อยโผล่หน้ามาจากอีกห้องแอบดู อมยิ้มขำๆ
“แหม...คุณภพ แล้วมาบอกว่าเป็นแค่เลขา สงสัยจะเขินเลยไม่กล้าบอกว่าเป็นแฟน”

ธีภพอุ้มพริริสามาวางลงนอนที่เตียง ห่มผ้าคลุมให้ ยืนมองจอมโกหกอย่างพินิจพิจารณา ทบทวนเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นในวันนี้ ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือตัวเองออกมาตัดสินใจปิดเครื่อง คราวนี้เขาจะคาดคั้นเอาความจริงจากพริริสาให้จงได้

ที่กรุงเทพฯ มิราและอธิรุธ นั่งหลับอยู่ที่โซฟา หัวอธิรุธค่อยๆ เอนลงมาเรื่อยๆ จนหล่นลงมาหนุนตักมิราพอดิบพอดี มิราสะดุ้งลืมตาตื่น เห็นอธิรุธมาหนุนตักตนก็ตกใจร้องโวยวาย
“นี่ลุกเดี๋ยวนี้เลยนะ เรื่องอะไรมานอนตักฉันแบบนี้”
อธิรุธงัวเงียตื่นค่อยๆ ลุกขึ้น อารมณ์เสียที่ถูกขัดจังหวะ
“โอ๊ย อะไรคุณ จะเสียงดังทำไม คนกำลังฝันดีเลย”
“กลับไปฝันบ้านคุณเลยไป นี่กี่โมงแล้วเนี่ย”
มิราดูนาฬิกาบอกเวลาเกือบเที่ยงคืนก็ตกใจสุดขีด
“จะเที่ยงคืนแล้ว”
“เที่ยงคืนแล้วราชรถคุณจะกลายเป็นฟักทองหรือไง”
“รถฟักทองอะไรเล่า ริสายังไม่กลับมาเลยต่างหาก”
อธิรุธนึกได้ว่านั่งรอพริริสาจนหลับไป “จริงด้วย”
มิรารีบหยิบโทรศัพท์มือถือโทร.หาพริริสาแต่ก็ติดต่อไม่ได้
“ติดต่อไม่ได้”
“เดี๋ยวผมโทร.หาเจ้าภพให้”
อธิรุธหยิบโทรศัพท์มือถือมาโทร แต่ติดต่อธีภพไม่ได้เหมือนกัน
“ผมก็ติดต่อเจ้าภพไม่ได้เหมือนกัน”
ทั้งคู่มองหน้ากัน เริ่มใจคอไม่ดี
“แล้วจะติดต่อใครได้อีกไหมผู้กอง”
อธิรุธพยายามคิด “อ้อ...ผมจะลองถามคุณศจีดู”

พร้อมกับว่าอธิรุธรีบโทร.ไปหาศจีทันที

อ่านต่อหน้า 3

เพลิงนรี ตอนที่ 8 (ต่อ)

สองคนคุยกันอยู่ที่บริเวณหน้าบ้านพักของอธิรุธ ลุงสนส่งกุญแจรถคืนให้ธีภพ

“ช่างที่มาดูให้ บอกว่าท่อยางหม้อน้ำมันรั่วน่ะครับ นี่ก็เปลี่ยนให้เรียบร้อยแล้ว ผมเลยเอารถไปจอดตรงที่คุณภพบอก” ลุงสนลังเลว่าจะถามดีไหม “ว่าแต่ ทำไมต้องเหมือนเอารถไปซ่อนด้วยล่ะครับ”
ธีภพนึกคำแก้ตัวไว้แล้ว “ผมไม่อยากจอดตากแดดไว้น่ะครับ เพราะกะว่าคงอยู่ที่นี่อีกหลายวัน”
ลุงสนพยักหน้าหงึกหงักเชื่อไป ระหว่างนี้ป้าสร้อยก็หิ้วกระเป๋าใส่เสื้อผ้าสองใบเดินเข้ามา
“จัดการเรื่องรถให้คุณภพเสร็จแล้วใช่ไหมตาสน”
“เสร็จแล้ว”
“แน่ใจนะคะคุณภพว่าอยู่กันเองได้ ป้ากับตาสนไม่ไปเยี่ยมหลานก็ได้นะคะ รอคุณกลับก่อนแล้วค่อยไป”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ป้าสร้อยกับลุงสนไปเยี่ยมหลานเถอะ พอผมกลับจะปิดล็อคบ้านให้เรียบร้อยเอง”
พร้อมกับว่าป้าสร้อยส่งกุญแจบ้านพักและบ้านตัวเองให้ธีภพ
“นี่กุญแจบ้านพักนะคะ ส่วนนี่กุญแจสำรองบ้านป้าเอง เผื่อที่บ้านนี้ขาดเหลืออะไรคุณก็ไปเอาที่บ้านป้าได้เลยค่ะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบคุณครับ”
“งั้นพวกเราไปก่อนนะครับคุณภพ”
“ครับ”
ป้าสร้อยและลุงสนหิ้วกระเป๋าเดินออกไป ลุงสนกระซิบเม้าท์กับเมีย
“คุณภพนี่ก็แปลก ทำไมต้องพาเลขามาพักด้วยกันสองคน”
“เลขาอะไรเล่า แฟนคุณภพเขานั่นล่ะ เมื่อคืนฉันยังเห็นยังอุ้มกันเข้าห้องไปเลย”
ลุงสนทำหน้าประหลาดใจกับคำพูดผู้เป็นเมีย สองคนเดินคุยกันเรื่องธีภพและพริริสาไปตามทาง

พริริสานอนหลับอุตุอย่างสบายใจอยู่บนเตียง ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น นิ่งนึกจำได้ว่าเมื่อคืนผล็อยหลับไป พริริสารีบลุกขึ้นนั่ง พบว่าหล่อนนอนอยู่บนเตียงในห้อง ก็ยิ่งแปลกใจว่าตนมานอนอยู่ตรงนี้ได้ยังไง

พริริสาเดินออกมาสอดตามองหาธีภพมาจนถึงโต๊ะอาหาร พบมีอาหารเช้าวางอยู่แล้วหน้าตาดูน่ากินมากๆ พริริสาเหลียวหาแปลกใจว่าจอมจับผิดหายไปไหน สักครู่หนึ่งจึงเห็นธีภพถือแก้วกาแฟเดินเข้ามาสมทบ
“ตื่นแล้วเหรอคุณ”
“ค่ะ คุณทำอาหารเช้าพวกนี้เหรอคะ”
“เปล่า ป้าสร้อยทำไว้ให้ คุณคงหิวแล้ว ทานสิ”
พริริสารีบนั่งลง กำลังหิวอยู่พอดี หล่อนหยิบช้อน จดจ้องมองว่าจะกินอะไรก่อนดี
“ทานให้เต็มที่เลยนะคุณ เพราะมื้อต่อๆ ไป คุณคงต้องเป็นคนทำเอง”
พริริสาชะงัก “คุณพูดแบบนี้หมายความว่าไง”
“ก็หมายความว่าเราอาจจะต้องอยู่ที่นี่อีกหลายวัน”
“ทำไมคะ ทำไมเราไม่กลับวันนี้”
“จะกลับวันนี้ก็ได้ ถ้าคุณยอมตอบคำถามผมทุกอย่างด้วยความจริง แต่ผมว่าผมคงต้องใช้เวลาหลายวันกว่าคุณจะยอมพูด”
สีหน้าโดยเฉพาะแววตาธีภพบ่งบอกว่าคราวนี้เขาเอาจริง จะไม่ยอมปล่อยให้เธอโกหกได้อีก
พริริสาใจคอไม่ดี แทบกินอะไรไม่ลงเลยทีเดียว

รุ่งเช้า มิราพาตัวเองมาอยู่ที่ห้องรับรองสถานทูตไทรจีสประจำประเทศไทย เวลานี้ คามินรู้เรื่องพริริสาหายตัวไปแล้ว สีหน้าเจ้าชายรัชทายาทเครียดเคร่งทั้งโกรธทั้งเป็นห่วง
“ริสาหายไป นายธีภพรู้เรื่องนี้หรือเปล่า”
“คุณภพก็ติดต่อไม่ได้เหมือนกันเพคะ”
คามินตบโต๊ะเปรี้ยง ถามอย่างไม่พอใจ
“หมายความว่าริสาหายไปกับนายธีภพงั้นเหรอ”
“ตอนนี้คงยังไม่มีใครสรุปอะไรได้หรอกพะยะค่ะ”
“แต่ฉันสรุปได้ว่า มันต้องเกี่ยวกับหมอนั่นแน่ๆ”
นัยน์ตาคามินวาววับ มั่นใจว่าธีภพต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องที่พริริสาหายตัวไปและจะไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ
ที่ออฟฟิศบูรพเกียรติ โรซี่ ชนิตาและบุษกรล้อมกรอบศจีเอาไว้ ถามเรื่องที่ธีภพและพริริสาหายไปพร้อมกัน
“คุณภพกับริสาหายไปทั้งคู่แบบนี้มันแปลกๆ นะพี่ศจี” โรซี่ว่า
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่รู้อะไรเลย คุณภพ ริสา ไม่บอกอะไรฉันทั้งนั้นล่ะ”
ศจีท่าทางมีพิรุธ สีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด นึกถึงตอนคุยโทรศัพท์กับอธิรุธเมื่อคืนนี้
โดยศจีรับปากกับอธิรุธจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ
“จนตอนนี้คุณภพก็ยังไม่มาทำงานเลยค่ะ ริสาก็ด้วย ติดต่อไม่ได้เหมือนกันค่ะ เมื่อวานต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ เลย ยังไงฝากผู้กองช่วยตามให้ด้วยนะคะ ได้ค่ะศจีจะรูดซิปปากไม่พูดเรื่องนี้กับใครแน่ๆ ค่ะ”
แต่เอาเข้าจริงๆ ศจีก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับธีภพและพริริสา
“โอ๊ย ขนาดพี่ศจียังไม่รู้ แล้วใครจะรู้ล่ะเนี่ย” โรซี่บ่น
ศจีคันปากยิบๆ อยากจะพูดแต่พยายามฝืนเอาไว้ เผลอลูบปากตัวเองไปมา
“ปากเป็นอะไรคะพี่ศจี” บุษกรมองจ้อง
“คันอยากพูด” ศจีรู้ตัวรีบแก้แถไป “เออ...คันเฉยๆ ปากแห้งน่ะ ฉันไปทำงานล่ะ พวกเธอก็เหมือนกัน หนีงานมาคอยหาข่าวไปเม้าท์ระวังจะโดนหมายหัวนะยะ”
ศจีรีบเดินหนีไปเลย ชนิตาบ่นตามหลัง
“แล้วกัน พวกเราถามเพราะเป็นห่วงริสากับคุณภพต่างหาก ไม่ได้เอาไปเม้าท์สักหน่อยเนอะ”
โรซี่กะบุษกรอุทานพร้อมกัน “นั่นสิ”

สามสาวพากันเซ็งที่ไม่ได้ข่าวเม้าท์อะไรเลย

ธเนศนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โถงรับแขกในบ้าน เปิดหน้าในเห็นข่าวไฮโซซุบซิบ ลงรูปคามินกับกรนันท์ก็ชะงัก
“เจ้าชายคามินกับหนูเกรซนี่”
ธเนศนิ่งคิด ถ้าภรรยาเห็นข่าวนี้อาจจะไม่สบายใจ
วิวรรณถือตะกร้ามะม่วงสุกเข้ามา ธเนศรีบพับหนังสือพิมพ์วางลง
“เอามะม่วงมาจากไหนเยอะแยะล่ะคุณ”
“คุณหญิงจินตนาให้คนเอามาให้น่ะค่ะ เห็นว่าเก็บจากสวนมาใหม่ๆ เลยนะคะ”
วิวรรณหันไปเห็นหนังสือพิมพ์ก็คว้ามา ธเนศตกใจเล็กน้อย
“อ่านเสร็จแล้วใช่ไหมคะ ฉันจะได้ให้เด็กเอาไปห่อมะม่วงพวกนี้”
ธเนศโล่งใจ “ดีเลย เอาไปห่อมะม่วงน่ะดีแล้ว ไม่ต้องไปอ่านมันหรอกคุณ”
วิวรรณสะดุดหูกับคำพูดสามี
“มีข่าวไม่น่าอ่านหรือไง”
ธเนศยิ้มหน้าเจื่อนๆ วิวรรณรีบพลิกหน้าหนังสือพิมพ์เห็นข่าวคามินกับกรนันท์อ่านดูแล้วก็หน้าตึงไม่พอใจ
จู่ๆ สาวใช้ก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามารายงาน
“คุณผู้ชาย คุณผู้หญิงคะ แย่แล้วค่ะ”
“มีอะไร”
“มีคนบุกเข้ามาค่ะ หนูบอกให้เขารอก่อนเขาก็ไม่ยอมรอ จะเข้ามาให้ได้ค่ะ”
ธเนศและวิวรรณมีสีหน้าตกใจ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร เจ้าชายคามิน และองค์รักษ์ 2 คน ก็เดินเข้ามาในบ้านแล้ว วิวรรณรีบวางหนังสือพิมพ์ที่โต๊ะ
“เจ้าชายคามิน”
คามินวางสีหน้าเรียบเฉย “ขอโทษด้วยที่เข้ามาโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาต ผมมาพบธีภพ”
วิวรรณนึกเคืองที่คามินเข้ามาไม่บอกกล่าว และไม่พอใจเรื่องข่าวซุบซิบ
“ธีภพไม่อยู่ ไปทำงานค่ะ”
“เขาไม่ไปทำงาน คนที่บูรพเกียรติไม่มีใครเห็นเขาสักคน”
สาวใช้รีบบอกด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ “คุณภพเมื่อคืนไม่ได้กลับบ้านค่ะ”
วิวรรณและธเนศพากันประหลาดใจเมื่อรู้จากสาวใช้ คามินเองยิ่งมั่นใจว่าธีภพต้องเป็นคนพาพริริสาไปเป็นแน่

ส่วนที่บ้านพักริมน้ำตก พริริสาเดินไปเดินมาอย่างกลุ้มใจ จะเดินหนีออกไปจากบ้าน แต่ธีภพเดินเข้ามายืนกอดอกขวางประตูไว้ พริริสาผงะถอยหลังกลับ
ธีภพน้ำเสียงเข้มเอาจริง “ว่าไงคุณ ผมให้เวลาคุณนานมากแล้วนะ ตกลงคุณจะบอกผมได้หรือยังว่าคุณเป็นใคร แล้วต้องการอะไรจากบูรพเกียรติกันแน่”
“ฉันขอโทรศัพท์ก่อนได้ไหม แต่ห้านาที...” หล่อนพยายามต่อรอง “สองนาทีก็ได้ แค่แป๊บเดียว แล้วฉันจะตอบคำถามคุณทุกข้อเลย”
“คิดว่าผมจะเชื่อคุณเหรอ จะโทร.ให้เจ้าชายคามินมาช่วยคุณล่ะสิท่า ผมบอกแล้วไง คุณจะไม่ได้ออกไปจากที่นี่จนกว่าจะพูดความจริง”
ไม่พูดเปล่าๆ ธีภพเดินเข้าไปจับแขนพริริสาแน่น จ้องด้วยดวงตาดุเป็นเชิงขู่ว่าครั้งนี้เขาจะไม่ใจอ่อนอีก
พริริสาไม่เคยเจอธีภพท่าทางเอาจริงแบบนี้มาก่อนก็เริ่มกลัว แต่ต้องทำใจดีสู้เสือไปก่อน
“ทำไมคุณต้องรู้เรื่องของฉันให้ได้ด้วย”
“ผมจะได้แน่ใจไง ว่าควรจัดการกับคุณยังไง”
พริริสาประชด “คุณคงอยากปกป้องครอบครัวคู่หมั้นคุณมากสิท่า”
“ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น พูดแค่เรื่องคุณพอ บอกมาคุณเป็นใคร”
“ฉันก็ริสา ฉันทพัฒน์”
“ริสา ฉันทพัฒน์ ลูกสาวป้าสินี เจ้าของสวนผลไม้ตัวจริงอยู่นิวซีแลนด์โน้นแล้ว แต่ ริสาที่อยู่ตรงนี้สวมรอยประวัติของคนอื่นมาทั้งหมด แล้วไหนจะเรื่องที่คุณโกหกไว้สารพัดอีก”
พริริสาตกใจที่ธีภพรู้เรื่องละเอียดขนาดนี้แล้ว
“ถึงเวลาพูดความจริงกันสักที”
ธีภพดึงพริริสาเข้ามาใกล้จ้องตาเขม็ง จนพริริสาเริ่มกลัวว่าเขาจะทำให้แผนของตนเสียก่อนจะสำเร็จ พริริสาผลักธีภพออกแล้ววิ่งหนีไปที่ห้องนอน
“ริสาจะไปไหน”
ธีภพรีบตามไป

พริริสาวิ่งหนีเข้าไปในห้องนอน ธีภพตามมาติดๆ พริริสารีบปิดประตู ธีภพพยายามดันประตูไว้ แต่พริริสาปิดล็อคประตูได้ก่อน
ธีภพเคาะประตูเรียก “ริสา เปิดประตู ออกมาพูดกันให้รู้เรื่อง”
พริริสายืนใจเต้นโครมครามอยู่หลังประตู ไม่รู้จะทำยังไงต่อ
“ริสา คิดว่าหลบอยู่ในห้องแล้วเรื่องจะจบหรือไง ออกมาพูดความจริงกัน เรื่องจะได้จบ ออกมา”
“จะทำยังไงดี ถ้าพูดความจริงตอนนี้ทุกอย่างที่ทำมาก็สูญเปล่าสิ”

ธีภพเคาะประตูหลายครั้งพยายามเขย่าลูกบิด แต่พริริสาก็ไม่ยอมเปิดประตู

ฝ่ายธเนศนั่งสบายอารมณ์ไม่ได้เครียดอะไร ขณะที่คามินแม้จะพยายามทำหน้านิ่งแต่แววตาแข็งกร้าวโกรธกรุ่นๆ องครักษ์ 2 คนยืนอยู่ใกล้ๆ สักครู่วิวรรณจึงเดินกลับเข้ามาสามีด้วยสีหน้าไม่สบายใจนัก
“ติดต่อภพไม่ได้เลยค่ะคุณ ตารุธเองก็ติดต่อไม่ได้”
ธเนศบอกกับคามินว่า “ถ้าเจ้าชายจะพบนายธีตอนนี้คงยากแล้วล่ะครับ”
“แล้วพวกคุณพอจะรู้ไหมว่าเขาจะไปที่ไหนได้บ้าง”
“เจ้าชายอยากเจอกับลูกชายเราทำไมคะ หรือเพราะข่าวนี้”
วิวรรณหยิบหนังสือพิมพ์บนโต๊ะส่งให้ คามินเห็นข่าวก็วางหนังสือพิมพ์ลงที่โต๊ะตรงหน้าโดยไม่สนใจให้ราคาเลย
“ผมไม่สนใจเรื่องไร้สาระพวกนี้หรอก ผมแค่อยากรู้ว่าลูกชายพวกคุณพาตัวริสาไปหรือเปล่า”
“เด็กคนนั้นมาเกี่ยวอะไรด้วย”
น้ำเสียงคามินขุ่นมัวเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ริสาหายตัวไป แล้วลูกชายพวกคุณก็หายไปด้วย”
วิวรรณและธเนศพากันตกใจ
วิวรรณรีบแก้ตัว “มันอาจจะไม่เกี่ยวกันก็ได้ ภพคงไม่ทำอะไรเหลวไหลแบบนั้นแน่ๆ อีกอย่างริสาก็เป็นแค่เลขา ไม่ได้เป็นอะไรกับตาภพ”
“นั่นสิ นายธีมีเหตุผลอะไรที่ต้องเอาตัวหนูริสาไป”
คามินตำหนิเสียงขุ่นเขียว “นี่ไม่ใช่เวลาที่พวกคุณจะต้องมาวิเคราะห์หาเหตุผล ผมอยากรู้ว่านายธีภพหายไปไหน”
สาวใช้ยกน้ำและของว่างมาให้ด้วยท่าทางหวั่นกลัว วางจานขนมมือไม้สั่น สุดท้ายทำขนมหกที่โต๊ะใกล้ๆ หนังสือพิมพ์
“ขอโทษค่ะ”
สาวใช้รีบหยิบกระดาษทิชชู่กวาดขนมที่หกลงถาด มือสั่นไม่หาย
คามินมองสาวใช้อยากนึกเอือมในความซุ่มซ่าม สายตามองตามมือสาวใช้ที่ปัดเศษขนมจากหนังสือพิมพ์ ที่กรอบข่าวของตน จนเริ่มสังเกตว่าในภาพด้านหลังที่มีคนกลุ่มคนรุมล้อม มีชายหน้าตาคล้ายอาซิสมากยืนอยู่ด้วย จนคามินต้องดึงหนังสือพิมพ์กลับมาดูใหม่อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
วิวรรณและธเนศเห็นคามินเอาแต่จ้องหนังสือพิมพ์ก็แปลกใจ

อีกฟาก มิราและไคซัจมาหาร่องรอยที่ลานน้ำพุหน้าพลาซ่า ที่เดียวกับที่พริริสานัดศจีก่อนจะหายตัวไป
“เมื่อวานริสาบอกว่าจะมาหาคุณศจีที่นี่ แต่คุณศจีบอกไม่รู้เรื่องนัดที่ว่า”
ไคซัจมองไปรอบๆ
“นายธีภพไปขอพบเจ้าหญิง คุณก็เลยบอกว่าเจ้าหญิงมาที่นี่”
“ใช่ แล้วทั้งคู่ก็หายไป ติดต่อไม่ได้เหมือนกันจนตอนนี้”
มิราเป็นห่วงพริริสามากขึ้นทุกที ไคซัจมองไปรอบๆ จนเห็นว่ามีกล้องวงจรปิดติดอยู่บริเวณลานน้ำพุแห่งนั้น
“ถ้าได้ภาพกล้องวงจรปิด เราอาจจะรู้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น”
“ถ้าไม่แจ้งตำรวจ เขาคงไม่ยอมให้ภาพกับเรา”
อธิรุธเดินเข้ามา ทันได้ยินตอนท้ายพอดี
“ถ้าอยากดูภาพจากกล้องวงจรปิดนั่น ผมช่วยได้นะ”
“ผู้กอง”
อธิรุธมองไคซัจยิ้มกวนประสาทไปให้
“เจอกันอีกแล้วนะครับ แต่เรายังไม่รู้จักกันอย่างเป็นทางการสักทีเลย คุณองครักษ์”
อธิรุธเดินเข้าไปยื่นมือให้ไคซัจ
“เรียกผมไคซัจก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักครับผู้กองอธิรุธ”
ทั้งคู่จับมือกันแน่น ต่างฝ่ายต่างลองเชิงกัน
มิราหงุดหงิดแกมหมั่นไส้ “จะจับมือกันอีกนานไหม ฉันอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับริสา”
อธิรุธและไคซัจจึงปล่อยมือจากกัน

ส่วนที่สถานทูตไทรจีส ท่านทูตส่งซองรูปถ่ายให้เจ้าชาย มันเป็นภาพของคามินกับเกรซที่ตกเป็นข่าวซุบซิบในหน้าหนังสือพิมพ์ ซึ่งนำไปอัดขยายใหญ่มาให้เป็นพิเศษ
“กระหม่อมติดต่อขอภาพถ่ายจากสำนักข่าวมาแล้วพะยะค่ะ”
“ขอบใจมาก”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว กระหม่อมขอตัวไปทำงานก่อน”
“ตามสบาย”
ท่านทูตเดินออกไป คามินดึงรูปออกจากซองมาดู รูปขยายใหญ่จนเห็นชัดว่ามีอาซิสปะปนอยู่ในกลุ่มคนในรูปจริงๆ
“อาซิสจริงๆ มันตามมาถึงที่นี่เชียว
คามินเริ่มเป็นห่วงว่าที่พริริสาหายตัวไปอาจจะเกี่ยวกับการปรากฏตัวของอาซิส

ฝ่ายมิรา อธิรุธ และไคซัจ ดูภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิดในวันที่เกิดเหตุอยู่กับเจ้าหน้าที่ ภาพในจอคอมพิวเตอร์เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ตอนที่
พริริสาตัดสินใจจะกดรับโทรศัพท์ธีภพ แต่มือของนักเลง 1 คนของกานดาโผล่มากระชากโทรศัพท์มือถือไป พร้อมกับที่นักเลง 2 หยิบปืนออกมาจี้จ่อที่ด้านหลังพริริสา
พริริสาเห็นพวกคนร้ายมีอาวุธ ก็นึกกลัวพยายามตั้งสติ ค่อยๆ เดินไปตามคำสั่ง
ต่อมาพริริสาถูกดันให้เดินตรงไปยังรถตู้ที่จอดรออยู่ พริริสาทำท่าจะขัดขืนจะร้องให้คนช่วย
แต่นักเลง2 ปิดปากพริริสาเอาไว้ทัน นักเลง 1 เปิดประตูรถตู้ให้
นักเลง 2 ผลักรุนหลังให้พริริสาขึ้นไปบนรถตู้
จู่ๆ ทหารกบฏ 2 คน ลูกน้องอาซิส ก็โผล่มาเล่นงาน จัดการคนของกานดาลงได้อย่างรวดเร็ว ด้วยฝีมือการต่อสู้ของทหารที่ถูกฝึกมาอย่างดี นักเลง 2 จะใช้ปืนยิง แต่ถูกลูกน้อง 1 เข้าชาร์จแย่งปืนไปอย่างง่ายดาย ก่อนจะถูกเล่นงานล้มลง
นักเลงทั้ง 2 คนนอนกองอยู่กับพื้น โดนทหารกบฏเหยียบซ้ำไม่ให้ลุกขึ้นมาได้อีก
จากนั้นลูกน้องอาซิสทั้ง 2 คน ก็เดินมาประกบพริริสาซ้ายขวา พาตัวออกไป พริริสาไม่เต็มใจแต่รู้ว่าไม่มีทางขัดขืนสองคนนี้ได้
ทั้งสามดูมาจนเห็นธีภพโผล่มาช่วยและพาพริริสาวิ่งหนีมาที่รถของเขาที่จอดอยู่
ภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นเพียงเท่านั้น ทั้งสามคนต่างพากันตกใจ เจ้าหน้าที่ของห้างหยิบโทรศัพท์มือถือของพริริสามาส่งให้มิรา
“มีคนเก็บมือถือเครื่องนี้เลยมาฝากไว้ครับ ดูแล้วน่าจะเป็นของเพื่อนคุณ”
“มิน่าถึงติดต่อริสาไม่ได้เลย”
“ผมว่าพวกคุณควรจะแจ้งความ” อธิรุจบอก
“จะไม่มีการแจ้งความ เรื่องนี้พวกเราจัดการเองได้”
“คุณเป็นญาติข้างไหนของคุณริสามิทราบ ถึงได้ตัดสินใจเองได้” อธิรุธไม่พอใจหันมาทางมิรา “คุณก็เห็นแล้วนะว่ามีคนร้ายถึงสองกลุ่มที่จะทำร้ายคุณริสา”
มิราอึกอักไม่รู้จะตอบยังไง เสียงโทรศัพท์มือถือไคซัจดังขัดขึ้น เขารับสายรีบรายงาน
“กระหม่อมได้เรื่องแล้วพะยะค่ะ เราไปกันเถอะคุณมิรา”
อธิรุธดึงแขนมิราเอาไว้ไม่ยอมให้ไป
“ถึงตอนนี้คุณริสาจะไปกับเจ้าธี แต่เรื่องคนร้ายพวกนั้น...”
ไคซัจเข้าไปดึงมืออธิรุธออกจากแขนมิรา
“ผมบอกแล้วไงว่าเรื่องนี้พวกเราจัดการกันเองได้ ถ้าจะให้ดีคุณควรให้ความร่วมมือกับเรา ตามหาว่าคุณธีภพพาคุณริสาไปที่ไหนจะดีกว่า”
ไคซัจพามิราเดินออกไป อธิรุธมองตามอย่างไม่พอใจ
“ถือว่าเป็นองครักษ์เจ้าชายแล้วใหญ่นักหรือไง...ไอ้ธีมันพาคุณริสาไปไหน”
อธิรุธหยิบโทรศัพท์มือถือมาลองโทร.หาธีภพอีกแต่ก็ไม่ติด ได้แต่หงุดหงิด

ด้านพริริสานั่งเครียดอยู่ที่เตียงสีหน้ากลัดกลุ้ม ว่าจะทำยังไงดี
“เอายังไงดี ต้องติดต่อพี่คามินให้ได้ก่อน”
พริริสากลุ้มหนักจะติดต่อคามินได้ยังไง สุดท้ายคิดได้ว่าคงต้องหลอกล่อให้ธีภพตายใจก่อน เจ้าหล่อนจึงลุกขึ้นออกไปจากห้อง

พริริสาเดินออกมาเห็นธีภพนั่งรออยู่
“ยอมออกมาจนได้นะคุณ”
“ฉันตัดสินใจแล้วจะบอกความจริงทุกอย่างกับคุณ”
ธีภพแปลกใจที่พริริสายอมง่ายๆ
“ก็ดี เราทั้งคู่จะได้ไม่ต้องเสียเวลากันอีก”
“แต่ตอนนี้ฉันหิว”
ธีภพไม่วางใจ หรี่ตามองพริริสาว่าจะมาไม้ไหนอีก

ถัดมาธีภพเปิดตู้เย็น พบว่ามีของสดอยู่ไม่กี่อย่าง ไข่สองสามฟอง และ ผักอีกนิดหน่อย
“มีของไม่กี่อย่าง กินเสร็จแล้วคุณควรบอกความจริงให้หมด เพราะถ้าอยู่ที่นานๆ รับรองคุณอดตายแน่”
“ฉันอดตายคุณก็อดตายด้วยเหมือนกันนั่นล่ะ”
พริริสาหยิบไข่และผักออกมา พลางคิดไปด้วยว่าจะเอาตัวรอดได้ยังไง

ผักถูกหั่นเป็นลูกเต๋าชิ้นเล็กๆ เรียบร้อย จากนั้นพริริสาหันไปตอกไข่ใส่ชามและตีอย่างคล่องแคล่ว
“จอมจับผิด” ยืนดู “จอมโกหก” ทำกับข้าวอย่างเพลิดเพลิน เป็นภาพที่เขาไม่เคยเห็นพริริสาในมุมนี้มาก่อน
“คุณจะทำอะไร”
“ไข่ยัดไส้” นางบอก
“ไม่คิดว่าคุณจะทำอะไรแบบนี้เป็นด้วย นึกว่าจะทำแค่ไข่เจียว ไข่ดาว”
พริริสามองค้อน “ฉันทำได้ทุกอย่างล่ะ ถ้าอยากจะทำ”
ธีภพไม่วายแดกดัน “ผมลืมไปว่าขนาดปลอมเป็นคนอื่น คุณยังทำมาแล้ว แค่กับข้าวแค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้”
พริริสากัดฟันกรอดๆ “มีซอสมะเขือเทศหรือเปล่า”
ธีภพมองหาตามชั้น เห็นมีขวดซอสและเครื่องปรุงวางอยู่มุมหนึ่ง จึงเดินไปหยิบขวดซอสมะเขือเทศชนิดบีบมาส่งให้ แล้วยืนดูใกล้ๆ
พริริสามีแผนอยู่ในใจแล้ว ทำทีเป็นบีบซอสมะเขือเทศใส่ถ้วย แกล้งบีบพลาดกระเซ็นใส่เสื้อธีภพแล้วทำเป็นตกอกตกใจ
“ตายแล้ว ฉันไม่ได้ตั้งใจนะคุณภพ เสื้อคุณเลอะหมดเลย คุณมีเสื้อเปลี่ยนหรือเปล่า”
“มี เจ้ารุธทิ้งเสื้อผ้าไว้หลายชุด”
“งั้นไปเปลี่ยนก่อนเถอะค่ะ”
ธีภพมองเหล่พริริสาอีกรอบว่ามีแผนการอะไรหรือเปล่า พริริสารู้ทันรีบบอก
“ไปเปลี่ยนสิคุณ ฉันทำกับข้าวเสร็จแล้วจะได้เอาไปซักให้ แค่คุณไปเปลี่ยนเสื้อ กลับมาฉันก็ยังทำกับข้าวไม่เสร็จหรอก”
พริริสาพูดไป เดินไปหยิบกระทะจุดเตาทำกับข้าวต่อ ธีภพมองประเมินครู่หนึ่งจึงยอมเดินไปเปลี่ยนเสื้อ

รอจนธีภพพ้นตัวไป พริริสาจึงปิดเตาทิ้งกระทะ แล้ววิ่งออกไปโดยไว
 
อ่านต่อหน้า 4

เพลิงนรี ตอนที่ 8 (ต่อ)

พริริสารีบเข้ามาหาโทรศัพท์มือถือธีภพในโถงบ้าน

“คุณภพเอามือถือไว้ไหนนะ”
พริริสารื้อค้นทุกซอกทุกมุมในบ้านแต่ก็ไม่เจอ นึกได้ว่าธีภพอาจจะเอาไปเก็บไว้ในห้องนอนอีกห้อง

ฝ่ายธีภพเปลี่ยนเสื้อใหม่ ถือเสื้อที่เลอะซอสมะเขือเทศติดมือออกมาด้วย เดินกลับไปที่ครัว
พริริสาแอบหลบอยู่แถวนั้นโผล่ออกจากที่ซ่อน และรีบผลุบเข้าไปในห้องทันที

ธีภพกลับเข้ามาในครัว แต่ไม่เห็นพริริสา เห็นกระทะวางเปล่า ทุกอย่างถูกทิ้งไว้ ก็รู้ทันทีว่าโดนหลอก
“ริสา คุณนี่ร้ายจริงๆ”
ธีภพโมโหโยนเสื้อทิ้งไว้ที่โต๊ะแถวนั้น รีบเดินย้อนกลับไปดู

พริริสารื้อค้นในห้องนอนธีภพ จนเจอโทรศัพท์มือถือและกุญแจรถที่ธีภพซ่อนไว้ใต้หมอน
“มือถือ กุญแจรถ”
ได้ของที่ต้องการแล้วพริริสาก็รีบเผ่นออกจากห้องทันควัน
พริริสาคิดจะหนีออกไปจากที่นี่ กำลังจะออกพ้นประตูบ้านแล้ว แต่ธีภพเดินลิ่วๆ ออกมาจากครัวพอดี
“ริสา คุณจะไปไหน”
พริริสาโกยแนบวิ่งหนีออกไปทันที ธีภพวิ่งตาม

เหตุการณ์ที่กรุงเทพฯ คณิน กานดาและกรนันท์ลงรถที่หน้าตึกบ้านธีภพด้วยท่าทีรีบร้อน สามคนเดินมาเจอองครักษ์ 2 คนของคามินยืนเฝ้าประตูอยู่ คณินดูจะไม่สบายใจกว่าอีกสองคน วิวรรณเดินออกมา ต้อนรับด้วยสีหน้าไม่พอใจมากเอาการ
“เห็นแล้วใช่ไหมคะ ฉันถึงได้โทร.ตามให้คุณมา ยังไงรบกวนคุณคณินช่วยบอกเจ้าชายคามินให้เขาเอาคนของเขาออกไปจากบ้านฉันสักที แบบนี้มันคุกคามกันเกินไปแล้ว ถ้าไม่เกรงใจกัน คงได้เป็นเรื่อง”
“คุณวิใจเย็นก่อนนะครับ ผมขอคุยกับคุณธเนศหน่อยได้ไหมครับ”
“อยู่ที่สวนน่ะค่ะ”
“กานดา เกรซ อยู่คุยกับคุณวิไปก่อนแล้วกัน”
“ค่ะ”
คณินเดินแยกไปทางสวนหลังบ้าน
“มีอะไรค่อยๆ คุยกันก่อนนะคะ” กานดาว่า
กรนันท์ยิ้มหวาน “หนูว่าเราเข้าไปคุยกันข้างในดีไหมคะ”
วิวรรณหน้าตึงเดินนำเข้าไปด้านใน

ธเนศยืนตัดแต่งกิ่งใบต้นไม้อยู่ในสวนสวยอย่างสบายอารมณ์ ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเหมือนผู้เป็นภริยา ด้วยมั่นใจในตัวลูกชาย บอกคณินไปว่า
“นายรุธเขาโทร.มาบอกผมแล้ว ว่าเจ้าธีเป็นคนพาตัวหนูริสาไป แถมไม่ยอมติดต่อใคร ก็ควรให้เจ้าชายคามินทำแบบนี้ล่ะ”
คณินฟังแล้วแปลกใจมาก “เจ้าชายคามินเป็นห่วงริสาขนาดนี้เชียวเหรอครับ”
“ความสัมพันธ์คนหนุ่มสาวเขาอะไรยังไงกัน ผมก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ถ้าไม่มีใครเป็นอะไร ปลอดภัยกันดี แต่นั้นผมก็สบายใจแล้ว”
คณินเห็นธเนศไม่มีปัญหาก็โล่งใจ

ฟากวิวรรณนั่งหน้าตึงอยู่ในโถงรับแขก ไม่สบายใจและไม่พอใจในหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องข่าวกรนันท์กับเจ้าชายคามิน และเรื่องที่คามินให้คนมาเฝ้าที่บ้านตน ไหนจะเรื่องธีภพหายตัวไปกับพริริสาอีก
“ไม่คิดเลยนะคะว่าจะมีเรื่องแบบนี้ได้” กานดาปรารภขึ้น
“นั่นสิคะ ทำไมถึงมีเรื่องมากมายขึ้นมาได้ขนาดนี้ แล้วไหนจะเรื่องข่าวในหนังสือพิมพ์อีก”
สองแม่ลูกรู้แล้วว่าวิวรรณไม่พอใจเรื่องที่กรนันท์มีข่าวกับคามิน แต่ไม่สะทกสะท้าน
“แต่ดิฉันไม่เห็นว่าเรื่องข่าวมันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร”
“คุณกานดา พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ หนูเกรซเป็นคู่หมั้นตาภพ แต่กลับไปมีข่าวสนิทสนมกับคนอื่น มันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ได้ยังไง” มีความไม่พอใจเจืออยู่ในน้ำเสียงผู้พูด
“อีกหน่อยเจ้าชายคามินก็จะเป็นหุ้นส่วนบริษัทของเรา เกรซไม่นับเจ้าชายเป็นคนอื่นหรอกค่ะคุณป้า”
วิวรรณอึ้งไปเลย ไม่คิดว่ากรนันท์จะพูดคำนี้
“หนูเกรซ”
กานดาเริ่มไม่หลงเหลือความเกรงใจแล้ว “ดิฉันว่าเรื่องที่ธีภพหายไปกับแม่เลขานั่นดูจะเป็นเรื่องใหญ่กว่าเรื่องของยัยเกรซกับเจ้าชายคามินอีกนะคะ พากันหนีหายไปแบบนี้ ชาวบ้านเขาอาจจะคิดว่าหนีตามกันไปก็ได้”
กรนันท์แอบเบ้ปาก อดหมั่นไส้พริริสาไม่ได้
“ทำไมคุณดาพูดแบบนี้ เรื่องนี้ลูกชายฉันต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่าง”
กานดาประชดส่ง “ค่ะ ธีภพคงมีเหตุผล เหมือนกับที่ยัยเกรซก็มีเหตุผลที่เป็นข่าวกับเจ้าชายคามินเหมือนกัน”
วิวรรณงง “เหตุผลอะไรกัน”
“ก็เหตุผลที่ว่าสมัยนี้ไม่ได้มีแต่ผู้ชายหรอกนะคะที่จะเป็นฝ่ายเลือก ผู้หญิงเองก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกอะไรที่ดีกว่า จริงไหมคะ”
“คุณดา”
วิวรรณตกใจ รู้ได้ทันทีว่าอะไรเป็นอะไร ไม่คาดคิดว่าสองแม่ลูกจะเป็นคนแบบนี้
กรนันท์ถึงกับอึ้ง ไม่คิดว่าเป็นแม่จะพูดชัดเจนขนาดนี้กับวิวรรณ

ทางด้านพริริสาวิ่งหนีออกมาที่หน้าบ้านพัก พยายามมองหารถธีภพ
“รถอยู่ไหน”
ธีภพวิ่งตามออกมา
“ริสา หยุดนะ”
พริริสารีบวิ่งหนีต่อ ธีภพวิ่งตามมาใกล้ทุกที และตะครุบตัวพริริสาเอาไว้ได้ พริริสาพยายามดิ้น ธีภพกอดพริริสาไว้แน่น พลางแย่งโทรศัพท์มือถือกลับมาได้
“ปล่อยฉัน”
พริริสาศอกใส่ท้องธีภพเต็มแรง ธีภพเจ็บจุก พริริสาดิ้นหลุดกำกุญแจรถแน่นวิ่งหนีต่อ
“ริสา”
ธีภพยืนจุกคาที่ ได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันมองตามไป แต่ยังไงเขาก็ไม่ยอมให้พริริสาหนีไปได้เด็ดขาด
เพราะมันหมายถึงอันตรายมีอาจมาเยือนเรือนชีวิตของเธอ

พริริสาเดินกึ่งวิ่งหนีมาตามทาง พลางพยายามกดรีโมตรถสุ่มเอา ให้เสียงสัญญาณดัง เพื่อจะหาว่ารถจอดอยู่ตรงไหน แต่ก็หาไม่เจอ พริริสายิ่งร้อนใจ วิ่งไปสะเปะสะปะอย่างไม่รู้ทิศทางออกไปจากบริเวณนั้นเพื่อหาว่ารถจอดอยู่ที่ไหน
ธีภพวิ่งตามมาเห็นหลังพริริสาไวๆ วิ่งหายไปอีกด้าน จึงรีบวิ่งตามไป

ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม เหมือนฝนกำลังจะเทสายลงมาในไม่ช้านี้ พริริสาวิ่งหนีมาจนถึงริมลำธาร ไม่รู้จะไปทางไหนต่อดี พะวงว่าธีภพจะตามมาทัน
ธีภพวิ่งตามมา พยายามมองหา พริริสาเห็นจวนตัวธีภพกำลังจะเจอตน จึงตัดสินใจข้ามลำธารหนีไปอีกฟาก ธีภพเห็นก็รีบวิ่งตามไป
“ริสา”
พริริสาข้ามลำธารไปอย่างยากลำบาก ต้องคอยเหลียวหลังมองธีภพที่ตามมา
“คุณภพ”
ธีภพมาถึงริมลำธาร ยืนรีรอคอยดู เพราะเป็นห่วงกลัวพริริสาจะก้าวพลาดตกน้ำ
“ริสา กลับมา มันอันตราย”
“ยังไงฉันก็ไม่กลับ ฉันจะไม่ตอบคำถามอะไรคุณทั้งนั้น”
พริริสาพยายามข้ามหินตามลำธารไปอีกฝั่ง
“ริสา กลับมา”
พริริสาไม่ฟัง เดินข้ามก้อนหินไปเรื่อยๆ แต่ไปได้แค่ครึ่งทางก็ลื่นไถลตกน้ำไป
“อ๊ายยย”
พริริสาพยายามตะเกียกตะกายเกาะโขดหินแถวนั้น แต่เกาะไม่ทันถูกแรงน้ำพัดไป
ธีภพตกใจ “ริสา”
ไวเท่าความคิด ธีภพถอดรองเท้า ถอดนาฬิกา วางโทรศัพท์มือถือไว้ที่โคนต้นไม้แถวนั้นก่อนตามลงไปช่วย

ทางด้าน คณิน กานดา และกรนันท์ กลับจากบ้านธเนศแล้ว เวลานี้ลงจากรถที่หน้าคฤหาสน์บูรพเกียรติ
ขณะจะเดินเข้าบ้านคณินถามกานดาขึ้นว่า “คุณวิเขาว่าไงบ้าง”
“เขาก็คงรู้สึกผิดล่ะค่ะ ที่จู่ๆ ลูกชายก็หายไปกับเลขา”
คณินขัดหู และแปลกใจกับคำพูดภรรยา
“แล้วเรื่องข่าวยัยเกรซกับเจ้าชายคามินล่ะ”
“เรื่องนั้นเขาจะคิดยังไงก็ช่างเขาเถอะค่ะ”
คณินนึกเคืองที่กานดาพูดเหมือนไม่แคร์อะไร
“คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง ลูกเราหมั้นกับลูกชายเขาแต่ไปมีข่าวกับผู้ชายคนอื่น ไม่เท่ากับลูกเรากลายเป็นผู้หญิงหลายใจหรือไง”
เกรซขัดใจ “คุณพ่อ”
“หรือไม่จริง พ่อไม่คิดเลยว่าเราจะเห็นดีเห็นงามทำอะไรแบบนี้ไปด้วย เป็นผู้หญิงทำอะไรมันก็มีแต่เสีย มีแต่ฉาวโฉ่ คู่หมั้นนะยัยเกรซไม่ใช่เสื้อผ้า นึกเบื่อจะได้โยนทิ้งไปหาซื้อชุดใหม่”
คณินอบรมลูกสาวเสร็จก็เดินกลับไปขึ้นรถอีกครั้ง ไม่อยากจะยุ่งกับกานดา ขับรถแล่นออกไปเลย
กานดาได้แต่มองตามอย่างขุ่นเคืองใจ ที่คณินไม่เคยเห็นด้วยกับสิ่งที่ตนทำเพื่อลูกสักอย่าง
กรนันท์ร้อนใจ “ทำไงดีคะคุณแม่ ทั้งคุณพ่อ คุณป้าท่าทางจะโกรธเรามาก”
“ตอนนี้จะสนใจไปทำไม แม่ว่าลูกเอาเวลาไปสนใจเจ้าชายดีกว่า ถึงเวลาลูกได้ลงเอยกับเจ้าชายคามินขึ้นมา ใครจะกล้าว่าเราได้อีก”
กรนันท์โกรธคามินขึ้นมา “แต่เจ้าชายแสดงออกว่าเป็นห่วงนังริสาขนาดนั้น เกรซจะเหลือความสำคัญอะไรอีกคะคุณแม่”
“มันหายไปกับตาภพข้ามวันข้ามคืน ไม่รู้จะเจอตัวเมื่อไหร่กว่าจะกลับมาลูกคิดว่าเจ้าชายจะคิดยังไง”
“จริงด้วยค่ะ” กรนันท์ยิ้มออก “เจ้าชายคงไม่โง่กินของเหลือจากใครแน่ๆ”
กานดายิ้มเยาะพริริสา ก่อนจะหุบยิ้มลงเมื่อนึกถึงเรื่องที่ 2 นักเลงคนของตนมาเล่าให้ฟัง ถึงเหตุการณ์แปลกๆ ที่ลานน้ำพุหน้าพลาซ่า

ร่างพริริสาถูกน้ำพัดพาไปตามกระแสน้ำ พริริสาคว้าโขดหินไว้ได้ ธีภพค่อยๆ ปล่อยตัวไหลตามกระแสน้ำโดยยึดโขดหินข้างลำธารไว้ช่วยพยุงตัวตามมาช่วยพริริสา
“ริสา”
ธีภพยื่นมือไปให้จับ พริริสารีบยื่นมือไปแต่เอื้อมไม่ถึง ธีภพขยับตัวพยายามยื่นมือไปให้ใกล้ขึ้นไปอีกอย่างสุดตัว
พริริสายื่นมือจะไปจับแต่ก็ไม่ถึง อีกมือที่จับโขดหินไว้ก็ลื่นออกไปเรื่อยๆ จนจับไม่อยู่ ถูกน้ำพัดไปอีก
“คุณภพ”
ธีภพตัดสินใจปล่อยมือจากโขดหินที่จับอยู่ พุ่งตัวว่ายตามกระแสน้ำไป ในที่สุดธีภพก็คว้าตัวพริริสามาไว้ได้ และพยายามพาพริริสาเข้าฝั่ง

ธีภพพาพริริสาขึ้นจากลำธารจนได้ พริริสาสำลักน้ำไปหลายอึก นอกจากนี้ยังอ่อนล้าไปหมดเพราะถูกสายน้ำพัดไปกระแทกกับโขดหินริมตลิ่งจนแทบไม่มีแรง ธีภพโกรธแต่ความเป็นห่วงมีมากกว่า
“ริสาเป็นยังไงบ้าง ผมบอกคุณแล้วว่าอันตรายคุณก็ไม่เชื่อ ถ้าผมช่วยคุณขึ้นมาไม่ได้จะทำยังไง ทำไม เรื่องที่คุณปกปิดไว้มันสำคัญกว่าชีวิตคุณนักหรือไง”
พริริสายังสำลักน้ำไม่หาย เลยเถียงอะไรไม่ออก
จู่ๆ ฝนที่ตั้งเค้ามาก่อนหน้าก็เทสายลงมา ธีภพรีบประคองพริริสาพาไปหาที่หลบฝน
เดินๆ มา พริริสาลื่นเกือบล้มธีภพดึงตัวช่วยไว้ทัน แล้วพาไปนั่งพักหลบฝนที่ใต้ต้นไม้ริมลำธาร ก่อนที่เขาจะเดินไปดูทิศทางว่าจะกลับไปยังบ้านพักทางไหนได้ หลังถูกสายน้ำพัดมาจนถึงบริเวณนี้
พริริสานั่งเปียกปอนอยู่ใต้ต้นไม้เริ่มหนาวสั่นจนต้องกอดตัวเองไว้ และเริ่มรู้สึกเจ็บฝ่ามือข้างหนึ่ง
“โอ๊ย”
“เป็นอะไรคุณ”
พริริสาแบมือออกดูเห็นว่ามีแผลถลอกเลือดซึมจากฝ่ามือที่ถูกโขดหินบาดมือตอนตกไปในลำธาร
“ถูกหินบาดจนได้”
ธีภพเห็นพริริสาเจ็บก็ยิ่งเป็นห่วง
“คุณเดินไหวไหม กลับไปบ้านพักที่นั่นน่าจะมีอุปกรณ์ทำแผล”
พริริสาพยักหน้ายอมตามธีภพกลับไปที่บ้านพักแต่โดยดี
ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้พริริสาเริ่มแสบตา เห็นธีภพเห็นถอดเสื้อออกก็ตกใจ
“คุณจะทำอะไรน่ะ”
ธีภพไม่ตอบถอดเสื้อมาใช้เสื้อคลุมหัวพริริสาเอาไว้ไม่ให้น้ำฝนเข้าตาอีก พริริสารับรู้ได้ถึงความใส่ใจและความห่วงใยนั้น ธีภพประคองพริริสาพาลุกเดินไป
ทั้งคู่เดินเคียงตากฝนไปด้วยกันเงียบๆ ตลอดทาง ราวกับเป็นคู่รักยังไงยังงั้น

ที่สถานทูต ไคซัจดูรูปถ่ายขยายจากข่าว เห็นอาซิสในรูป บวกกับเหตุภาพการชิงตัวพริริสาจากกล้องวงจรปิดที่ไปดูมาก็ยิ่งแน่ใจ
“พวกแรกที่คิดจะจับตัวเจ้าหญิงกระหม่อมไม่แน่ใจว่าเป็นใคร แต่พวกที่สองท่าทางการต่อสู้ถูกฝึกมาอย่างดีต้องเป็นคนของอาซิสแน่นอนพะยะค่ะ แต่ก็ถือว่าโชคดีที่คุณธีภพพาตัวเจ้าหญิงหนีไปได้ก่อน”
คามินหงุดหงิดไม่หาย และไม่ชอบใจอยู่ดี “แต่ทำไมหมอนั่นต้องพาริสาหายไปแบบนี้ด้วย แบบนี้ก็ไม่ต่างจากไอ้พวกนั้นหรอก แค่ทำตัวเป็นตาอยู่มาฉกริสาไปอีกทอด”
“พวกกบฏตามเรามาถึงที่นี่ ตอนนี้เจ้าหญิงอยู่กับคุณธีภพน่าจะปลอดภัยกว่านะพะยะค่ะ”
“แต่ฉันไม่ไว้ใจหมอนั่นอยู่ดี”
ถึงไคซัจจะเป็นห่วงพริริสาเพียงใด แต่เขาก็มั่นใจว่าธีภพคงไม่ทำอะไรพริริสาแน่ๆ มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น คามินร้องบอกไป
“เข้ามาได้”
เจ้าหน้าที่เปิดประตูเข้ามา ย่อตัวทำความเคารพคามิน
“คุณกรนันท์ ขอเข้าพบเพคะ”
คามินได้แต่ทำหน้าเซ็ง ไม่ได้อยากเจอใครในเวลาแบบนี้

คามินต้องฝืนปั้นหน้ารับแขกตามมารยาท เวลานี้เขาอยู่กับกรนันท์ในสวนสวยหลังสถานทูต คุณหนูเกรซทำทีแง่งอนใส่คามิน
“เกรซเพิ่งรู้นะคะว่าเจ้าชายเป็นห่วงริสาถึงขนาดต้องตามไปถามถึงบ้านพี่ภพ”
“มิรามาบอกข่าวเรื่องริสาหายไป ผมก็ต้องไปช่วยตามข่าว”
“แต่ก็ไม่เห็นต้องไปด้วยตัวเองนี่คะ ใช้ใครไปถามๆ ดูก็ได้ ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญสักหน่อย”
“คนหายไปทั้งคน คุณว่าไม่สำคัญงั้นเหรอ”
“แต่ริสาหายไปกับพี่ภพสองคน ไม่ยอมติดต่อใคร แสดงว่าพวกเขาคงไม่อยากให้ใครมาเป็นห่วงหรอกมั้งคะ”
คามินหมั่นไส้ “ดูคุณไม่เป็นห่วงคู่หมั้นคุณเลยนะ”
“คู่หมั้นหายไปกับผู้หญิงอื่น คนที่ทุกคนควรเป็นห่วง น่าจะเป็นเกรซมากกว่านะคะ ว่าเกรซจะทั้งอับอาย ทั้งเสียใจแค่ไหน”
กรนันท์ตีหน้าเศร้า ทำทีเอนกายไปซบหวังให้เจ้าชายปลอบใจ โดยไม่รู้ตัวว่าคามินขุ่นเคืองใจนัก ที่กรนันท์พูดให้พริริสาเสื่อมเสีย
“มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดก็ได้”
“เจ้าชายคงไม่รู้ว่าสองคนนั้นทำอะไรลับหลังเกรซไว้บ้าง ทั้งๆ ที่ริสาก็รู้ว่าเกรซกับพี่ภพเป็นคู่หมั้นกัน แต่ก็ยังให้ท่าพี่ภพ ผู้หญิงแบบไหนกันคะ ที่ทำแบบนี้ได้โดยไม่ละอายใจสักนิด”
คามินสุดจะทนฟัง ลุกหนีพยายามไม่ให้เสียมารยาทอย่างที่สุดแล้ว
“ริสาคงไม่ทำอะไรที่เสื่อมเสียเกียรติตัวเองแบบนั้นแน่”
“เจ้าชายจะไปรู้จักผู้หญิงคนนั้นดีกว่าเกรซได้ยังไงคะ”
คามินอยากจะเถียงว่าตนรู้จักพริริสาดีกว่าใคร แต่ก็ชะงักไว้ นึกได้ว่าไม่ควรพูดแม้โมโหแค่ไหนก็ตาม จึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“แล้วคุณมาพบผมด้วยเรื่องแค่นี้เหรอ”
“เกรซมาถามเจ้าชายแทนคุณพ่อ เรื่องการเซ็นสัญญาการร่วมทุนน่ะค่ะ เมื่อไหร่เจ้าชายจะบอกข่าวดับทางเราสักทีละคะ”
“เร็วๆ นี้ล่ะครับ แล้วผมจะให้ไคซัจโทร.ไปเอง”
“เกรซจะรีบไปบอกข่าวดีกับคุณพ่อนะคะ”
กรนันท์ยิ้มร่าดีใจ

ในเวลาเดียวกัน ศจีนำเอาเอกสารมาให้คณินเซ็นรับทราบ คณินตรวจทานดูอีกครั้ง ศจีมองผู้เป็นนาย คันปากยิบๆ อยากถามเต็มทน มีหรือคณินจะดูไม่ออก
“มีอะไร”
ศจีลังเล กล้าๆ กลัวๆ ที่จะถาม “คือ...เอ่อ...ท่านประธานไปบ้านคุณธเนศมา ได้ข่าวริสากับคุณภพหรือยังคะ”
“คุณรู้เรื่องนี้ได้ไง”
ศจีอึกอัก “เอ่อ...คือ...”
คณินคาดคั้น “ศจี ผมเป็นเจ้านายคุณนะ แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับบริษัท มีอะไรก็บอกผมมา”
“คืออย่างนี้ค่ะ”
ศจีตัดสินใจเล่าเรื่องที่รับรู้มาทั้งหมดให้คณินฟัง

สองคนเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้ว พริริสาใส่เป็นเสื้อกางเกงของผู้ชายที่อธิรุธเอามาสำรองไว้ ผมเปียกหมาดๆ ธีภพทำแผลให้ ทั้งเช็ดแผล และใส่ยาอย่างอ่อนโยน
พริริสาแม้จะแสบแผลแต่ก็อดที่แอบมองธีภพอย่างรู้สึกดีไม่ได้
“ดีนะที่บ้านนี้ยังมีอุปกรณ์ทำแผล”
“ไม่มีคุณก็พาฉันไปโรงพยาบาลสิ”
“คิดเหรอว่าผมจะใจดีพาคุณไปง่ายๆ”
ธีภพใช้พันผ้าพันแผลที่มือให้พริริสา
“แล้วคุณจะปล่อยให้ฉันเป็นแผลแบบนี้หรือไง”
“ไม่หรอก ผมก็คงหาพวกใบไม้ หญ้าขี้ไก่อะไรแถวๆ นี้มาแปะแผลให้คุณแทน ผมบอกแล้วยังไงก็ไม่ให้คุณไปไหนจนกว่าจะรู้ว่าคุณเป็นใครกันแน่”
พริริสาฉุนกึก ดึงมือกลับไม่ยอมให้ธีภพทำแผลต่อ
“ต่อให้แผลเน่าติดเชื้อ ฉันก็ไม่บอกคุณ”
ธีภพดึงมือพริริสากลับมาปิดเทปที่ผ้าพันแผลให้จนเสร็จ
“รู้แบบนี้ปล่อยให้คุณลอยไปกับน้ำซะก็ดี ริสา คุณจะดื้อไปถึงไหน สิ่งที่คุณทำอยู่มันสำคัญมากนักหรือไง”
“ใครไม่เป็นฉัน ไม่มีทางรู้หรอกว่าสิ่งที่ฉันทำมันสำคัญแค่ไหน”
ธีภพเห็นแววตาแข็งกร้าววาวโรจน์อย่างคนเอาแต่ใจ และไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ของพริริสาก็เหนื่อยใจ หันไปหยิบผ้าขนหนูจะเช็ดผมให้ แต่พริริสาหลบให้วุ่น
“คุณจะทำอะไร”
“ผมคุณยังไม่แห้ง หรือจะเช็ดเอง”
ธีภพหงุดหงิดส่งผ้าขนหนูให้ พริริสารับมาพยายามเช็ดผมด้วยมือเดียว เพราะอีกมือยังเจ็บอยู่ และสุดท้ายทำผ้าหล่น ธีภพหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาให้อย่างเบื่อหน่ายในความดื้อแพ่งของอีกฝ่าย
“ผมเช็ดให้เอง คุณอยู่เฉยๆ ดีกว่า”
ธีภพเช็ดผมให้อย่างอ่อนโยน จนพริริสารู้สึกดี ไม่ขัดขืนอีกแล้ว
“แล้วอย่าทำอะไรแบบเมื่อกี้อีก รีโมตรถผมก็ตกน้ำหายไปแล้ว ยังไงคุณก็ไปจากที่นี่ไม่ได้หรอก”
พริริสาเงยหน้ามองธีภพอย่างดื้อรั้นไม่เชื่อที่เขาพูด
ธีภพส่งสายตาดุแถมขู่กลับ
“ผมพูดจริง ไม่ได้พูดเล่น”
พริริสาฮึดฮัดดึงผ้าขนหนูคืน แล้วเดินหน้ามุ่ยกลับเข้าไปในห้องนอน

ผ่านไปสักครู่ใหญ่ๆ ด้านนอกบ้านพักฝนหยุดตกแล้ว ธีภพในเสื้อผ้าชุดใหม่ เพิ่งเดินกลับเข้ามาในบ้าน หลังไปเอามือถือที่วางไว้ริมลำธาร
ธีภพหยิบผ้ามาเช็ดคราบน้ำออก ลองเปิดเครื่องดู โชคร้ายโทรศัพท์มือถือตากฝนนานทำให้เปิดเครื่องไม่ติด ธีภพได้แต่ส่ายหน้าอย่างกลัดกลุ้ม จนนึกได้ว่าพริริสาหายเงียบไปนาน จึงลุกเดินไปดูที่ห้อง
ธีภพเคาะประตูเรียก แต่ในห้องกลับเงียบงัน ไม่มีเสียงตอบรับ ธีภพประหวั่นกลัวพริริสาจะหนีไปอีก ตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปดูเลย โชคดีที่ห้องไม่ได้ล็อค

พริริสานอนหลับอยู่บนเตียง ท่าทีดูอิดโรยอ่อนเพลียอยู่มาก ธีภพเดินมาดูใกล้ๆ พบว่าใบหน้าพริริสาซีดเซียวผิดปกติ เหงื่อซึม จึงลองเรียกปลุก
“ริสา คุณเป็นยังไงบ้าง”
พริริสาได้ยิน แต่ไม่มีแรงจะลืมตาหรือแม้แต่จะโต้ตอบด้วยภาษากาย ธีภพใช้หลังมือแตะที่หน้าผากแล้วต้องตกใจ
“คุณมีไข้นี่”
ธีภพรีบดึงผ้ามาห่มคลุมให้
จากนั้นธีภพใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำพอหมาดเช็ดตามหน้า คอ และแขนให้เธอเพื่อลดไข้ เช็ดไล่ลงมาที่ข้อมือตรงรอยแผลเป็น
ธีภพได้แต่มองอย่างเห็นใจกับบาดแผลที่ทำให้พริริสาฝังใจจำจนไม่อาจลืมเรื่องร้ายๆ ลงได้
พริริสาฝันร้ายถึงเหตุการณ์วัยเด็กที่คอยตามมาหลอกหลอน
ตอนนั้นนักเลงคนของกานดาใช้ด้ามปืนฟาดเข้าที่บริเวณขมับพีรดาอย่างแรง จนร่างพีรดาร่วงไปกองอยู่ที่พื้นเลือดไหลจากขมับเป็นทาง กานดายืนดูภาพนั้นอย่างสะใจ
พริริสาจะเข้าไปดูแม่ถูกกานดาผลักไปอีกด้าน ร่างน้อยๆ กระเด็นไปเซล้มลง ข้อมือกระแทกเข้ากับเหล็กแหลมกรีดเฉือนข้อมือเป็นแผลลึก
“ริสา ลูกแม่”
พีรดาตกใจสุดขีดกระเสือกระสนไปหาลูกที่ร้องไห้จ้าเมื่อเห็นแผลและเลือดที่ข้อมือตน พีรดากอดปกป้องพริริสาไว้แน่น น้ำตานองหน้า เด็กหญิงพริริสาจดสายตามองจ้องกานดาที่ยิ้มเยาะอย่างเลือดเย็นด้วยความโกรธ เกลียด คนใจร้าย ตามประสาเด็ก
พริริสาเริ่มเพ้อเพราะพิษไข้
“พวกคนใจร้าย อย่าทำอะไรแม่นะ แม่จ๋า ริสาเกลียด...เกลียดคนพวกนั้น พวกที่ทำร้ายเรา”
ธีภพมองฉงนที่พริริสาเพ้อพูดความในใจออกมา จับมือเธอไว้เรียกสติ
“ริสา”
พริริสาบีบมือเขาแน่น ธีภพมองจ้องรอยแผลเป็นที่ข้อมือพริริสานิ่ง
“หนี พวกเราต้องหนี” พริริสาเพ้อ ถึงเหตุการณ์สมัยเป็นเด็กตอนที่...
พีรดาจูงพริริสาวิ่งหนีมาตามทางอย่างหวาดกลัว รถที่ไล่หลังมาเร่งความเร็วขึ้นอย่างพร้อมจะพุ่งชน พีรดายอมทิ้งกระเป๋าอุ้มพริริสาวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอด รถแล่นเร็วขึ้นเกือบถึงตัวพีรดา
ธีภพได้แต่มองพริริสาอย่างสงสาร เข้าใจว่าเหตุการณ์ในอดีตคงโหดร้ายกับเธอมาก
“คุณรู้ไหม ทำไมผมถึงอยากรู้ให้ได้ว่าคุณเป็นใคร เพราะผมจะได้รู้ว่าตัวเองกำลังรักใครอยู่ และจะรักคุณได้หมดหัวใจไหม”
ธีภพจับมือเธอกุมไว้ไม่ยอมปล่อย แล้วค่อยๆ โน้มหน้าก้มลงประทับจูบที่หน้าผากอย่างละมุนละไม ก่อนจะมองจ้องพริริสาที่ยามนี้นอนนิ่งหลับตาพริ้ม

โดยไม่กระสับกระส่ายหรือจมอยู่กับฝันร้ายอีกแล้ว

อ่านต่อตอนที่ 9
กำลังโหลดความคิดเห็น