xs
xsm
sm
md
lg

โสมแดงบ่ยั่นมาตรการลงโทษ ยิงจรวด 6 ลูกรวดท้าทายยูเอ็น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#000033>ชายชาวเกาหลีใต้ยืนดูรายงานทางโทรทัศน์ที่เผยแพร่ภาพการยิงจรวดของเกาหลีเหนือ ที่สถานีรถไฟ ในกรุงโซล เกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 3 มี.ค. เกาหลีเหนือยิงจรวดพิสัยใกล้ 6 ลูกลงทะเลในวันพฤหัสบดี (3) ไม่กี่ชั่วโมงหลังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติลงมติรับรองมาตรการลงโทษที่รุนแรงที่สุดต่อเกาหลีเหนือ. -- Associated Press/Ahn Young-Joon.</font></b>
เอเจนซีส์ - เกาหลีเหนือยิงจรวดพิสัยใกล้ 6 ลูกลงทะเลเมื่อวันพฤหัสฯ (3 มี.ค.) ท้าทายนานาชาติ ไม่กี่ชั่วโมงหลังยูเอ็นประกาศมาตรการแซงก์ชันขั้นรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพื่อสั่งสอนที่โสมแดงทดสอบนิวเคลียร์และยิงจรวดเมื่อต้นปี

การแสดงแสนยานุภาพทางทหารแบบจำกัดกลายเป็นการตอบโต้ปกติของเกาหลีเหนือต่อแรงกดดันของนานาชาติกรณีโครงการนิวเคลียร์ไปจนถึงปัญหาสิทธิมนุษยชน

วันพฤหัสฯ กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้แถลงว่า มีกระสุนยิง 6 ลูก ซึ่งประกอบด้วยจรวดและขีปนาวุธนำวิถี ยิงลงทะเลห่างจากชายฝั่งด้านตะวันออกของเกาหลีเหนือราว 100-150 กิโลเมตร เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. (08.00 น. ตามเวลาไทย)

หง เล่ย โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน กล่าวถึงเรื่องนี้โดยแสดงความหวังว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะระงับการดำเนินการที่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ลงมติเอกฉันท์รับรองมาตรการลงโทษใหม่ต่อเปียงยางเมื่อคืนวันพุธ (2) หลังการหารือเคร่งเครียด 7 สัปดาห์ระหว่างอเมริกากับจีน พันมิตรหนึ่งเดียวของเกาหลีเหนือ

มาตรการลงโทษครั้งใหม่ถือว่า รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยกำหนดให้ทุกประเทศต้องตรวจสอบสินค้าที่ไปยังและออกจากเกาหลีเหนือ ทั้งที่สนามบิน และท่าเรือ รวมทั้งจำกัดการส่งออกถ่านหิน เหล็ก แร่เหล็ก และแร่ธาตุอื่นๆ จากเกาหลีเหนือ และห้ามจัดส่งเชื้อเพลิงการบิน รวมถึงเชื้อเพลิงสำหรับจรวดให้โสมแดง

นอกจากนั้นยังมีการจำกัดด้านการธนาคารเข้มงวดขึ้น และรัฐบาลของประเทศต่างๆ ต้องแบนเที่ยวบินที่สงสัยว่าขนสินค้าต้องห้ามให้เกาหลีเหนือ รวมทั้งเพิ่มรายชื่อบุคคล 16 คน และนิติบุคคล 12 แห่งในบัญชีดำ ซึ่งรวมถึงสำนักงานอวกาศนาดาและหน่วยงานสายลับของเกาหลีเหนือ

ชาติสมาชิกยูเอ็นยังต้องขับนักการทูตเกาหลีเหนือที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้าหรือกิจกรรมผิดกฎหมายอื่นๆ

แมททิว ไรครอฟต์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำยูเอ็น กล่าวว่า นี่เป็นมาตรการลงโทษสถานหนักที่สุดเท่าที่คณะมนตรีฯ เคยบังคับใช้กับประเทศใดๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะเกาหลีเหนือ

กระนั้น นักวิเคราะห์ชี้ว่ามาตรการนี้ยังมีช่องโหว่มากมาย อาทิ การตีความคำว่า “การตรวจสอบ” สินค้าอย่างเหมาะสม และข้อกำหนดที่ยกเว้นการส่งออกแร่ธาตุ หากรายได้ที่ได้รับไม่ได้นำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร

ซาแมนธา เพาเวอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็นระบุว่า เกาหลีเหนือมีรายได้จากการส่งออกถ่านหินปีละราว 1,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 1 ใน 3 ของรายได้จากการส่งออกทั้งหมด และราว 200 ล้านดอลลาร์จากการส่งออกแร่เหล็ก

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยกย่องมาตรการนี้ว่า เป็นการตอบโต้การทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเมื่อวันที่ 6 มกราคม และการปล่อยจรวดเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ “เด็ดขาด เป็นเอกภาพ และเหมาะสม” เพื่อให้เปียงยางสำเหนียกว่า ต้องยกเลิกโครงการอันตรายเหล่านั้นและเลือกเส้นทางที่ดีกว่าเพื่อประชาชนของตนเอง

ประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเยของเกาหลีใต้ แสดงความหวังว่า มาตรการลงโทษรุนแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อนนี้จะบีบให้เปียงยางยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ในที่สุด

นอกจากนั้น ในวันพฤหัสฯ เกาหลีใต้ยังประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงเพื่อจัดตั้งหน่วยต่อต้านจารชน หลังจากผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาเมื่อคืนวันพุธ รวมทั้งกฎหมายอีกฉบับที่มีเป้าหมายในการยกระดับสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือ

ด้านนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่น เรียกร้องให้โสมแดงระงับการยั่วยุ ขณะที่โมโตฮิเดะ โยชิกาวะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำยูเอ็นย้ำว่า ประเด็นสำคัญในขณะนี้คือ จีนและประเทศอื่นๆ ต้องดำเนินการมาตรการลงโทษให้สัมฤทธิ์ผล

เพาเวอร์ขานรับว่า ต้องมีมาตรการติดตามผลที่เข้มงวดและเด็ดขาดเพื่อให้แน่ใจในประสิทธิภาพของมาตรการลงโทษ พร้อมระบุว่า จีนและรัสเซียคือผู้เล่นสำคัญ

ทางฝ่ายเอกอัครราชทูตจีน หลิว เจียยี่ แสดงความเห็นว่า มติของคณะมนตรีฯ ควรเป็นจุดเริ่มต้นใหม่และก้าวย่างสำคัญในการฟื้นการเจรจาเพื่อเลิกล้มโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

วิทาลี เชอร์กิน เอกอัครราชทูตรัสเซีย ขานรับว่า มตินี้มุ่งตัดขาดการระดมทุนสำหรับโครงการอาวุธของโสมแดงมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อกดดันให้เปียงยางกลับสู่โต๊ะเจรจา

ทั้งนี้ ระหว่างการเจรจายาวนาน ปักกิ่งลังเลที่จะรับรองมาตรการลงโทษสถานหนัก เนื่องจากกลัวว่า หากกดดันมากเกินไปอาจทำให้เกาหลีเหนือล่มสลายและสร้างความวุ่นวายขนานใหญ่ตามแนวชายแดน

เอกอัครราชทูตจีนยังย้ำจุดยืนของปักกิ่งในการคัดค้านแผนการของโซลและวอชิงตันในการติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธขั้นสูงบนคาบสมุทรเกาหลี โดยอ้างว่า บ่อนทำลายความพยายามในการฟื้นการเจรจา

แอนเดรีย เบอร์เกอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีของสถาบันรอยัล ยูไนเต็ด เซอร์วิสเพื่อการศึกษาด้านกลาโหมและความมั่นคง ชี้ว่า การบังคับใช้มาตรการลงโทษของจีนถือเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด

มาตรการลงโทษครั้งนี้ถือเป็นการแซงก์ชันครั้งที่ 5 ของยูเอ็นต่อเปียงยาง โดยครั้งแรกคือในปี 2006 จากกรณีที่เกาหลีเหนือทดสอบอุปกรณ์ปรมาณู


กำลังโหลดความคิดเห็น