เอเจนซีส์ - สหรัฐฯ และเกาหลีเหนือเคยทำข้อตกลงลับว่าด้วยการเจรจาสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี แต่การพูดคุยต้องมีอันล้มเหลว เนื่องจากเปียงยางไม่ยอมลดราวาศอกเรื่องโครงการอาวุธทำลายล้างสูง และได้เดินหน้าทดสอบนิวเคลียร์อีกครั้งเมื่อต้นปีนี้
จอห์น เคอร์บีย์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวันอาทิตย์ (21 ก.พ.) เกี่ยวกับรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลที่ว่า รัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้บรรลุ “ข้อตกลงลับ” กับโสมแดง เพื่อเริ่มกระบวนการเจรจาสันติภาพยุติสงครามเกาหลี (1950-1953) อย่างเป็นทางการ ก่อนที่เปียงยางจะทดสอบนิวเคลียร์เมื่อต้นปีนี้
วอลล์สตรีทเจอร์นัลระบุว่า การทดสอบนิวเคลียร์เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 4 หลังจากที่เปียงยางเคยทำเช่นนี้มาแล้วในปี 2006, 2009 และ 2013 ถือเป็นจุดสิ้นสุดของการเจรจาขั้นต้นที่เกิดขึ้น ณ สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ ซึ่งเป็นสถานที่ที่นักการทูตสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือสามารถพบปะพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ เนื่องจากทั้ง 2 ชาติยังไม่ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต
“ผมขออธิบายให้ชัดเจนก่อนว่า เกาหลีเหนือเป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอขอเจรจาสันติภาพ” เคอร์บีย์ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ขณะเดินทางไปยังจอร์แดนพร้อมกับรัฐมนตรีต่างประเทศ จอห์น เคร์รี
“สหรัฐฯ ได้พิจารณาข้อเสนอของเกาหลีเหนืออย่างรอบคอบ และยืนยันชัดเจนว่าการลดอาวุธนิวเคลียร์คือเงื่อนไขจำเป็นสำหรับการเจรจาเช่นนี้”
“เกาหลีเหนือปฏิเสธเงื่อนไขของเรา และสหรัฐฯ ก็ยังคงยืนกรานเช่นเดิมว่าจะต้องมีการลดอาวุธนิวเคลียร์เสียก่อน”
แหล่งข่าวในรัฐบาลสหรัฐฯ เผยกับวอลล์สตรีทว่า ทำเนียบขาวยอมงดเว้นเงื่อนไขสำคัญที่ว่าเกาหลีเหนือจะต้องลดอาวุธนิวเคลียร์ลงเสียก่อน “โดยเพียงแต่ขอให้โครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาด้วยเท่านั้น” แต่ปรากฏว่าโสมแดงไม่รับเงื่อนไขนี้ และการเจรจาก็ต้องยุติลงอย่างเด็ดขาด เมื่อมีการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 ในวันที่ 6 ม.ค.
“สำหรับเกาหลีเหนือแล้ว การได้เจรจาสันติภาพคือหัวใจสำคัญของการริเริ่มความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ... พวกเขาคิดว่าการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์จะช่วยให้พวกเขามีอำนาจต่อรองในเรื่องนี้” โก มยุน-ฮยุน ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือจากสถาบันเพื่อการศึกษานโยบายอาซานในกรุงโซล ให้สัมภาษณ์กับวอลล์สตรีทเจอร์นัล
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ประกาศมติคว่ำบาตรใหม่ๆ เพื่อลงโทษที่เกาหลีเหนือทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งล่าสุด และเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (18) โอบามาก็ได้ลงนามในชุดกฎหมายคว่ำบาตรบุคคลที่นำเข้าสินค้าหรือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอาวุธทำลายล้างสูงไปยังเกาหลีเหนือ รวมถึงบุคคลที่พัวพันกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือโดยเจตนา
บทลงโทษเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มแรงกดดันทางการเงินต่อระบอบ คิม จอง อึน โดยจะตัดเส้นทางการฟอกเงินและการลักลอบขนยาเสพติด ซึ่งเชื่อกันว่าได้สร้างรายได้มหาศาลนับล้านๆ ดอลลาร์ให้แก่ตระกูลคิม และบุคคลใกล้ชิด