เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - ผู้ว่าการแบงก์ชาติจีนออกมากล่าวประณามพวกนักเก็งกำไรต่างชาติ ว่า มีส่วนทำให้ค่าเงินหยวนผันผวนปั่นป่วน พร้อมกับบอกว่าไม่ได้มีพื้นฐานใด ๆ เลยที่สกุลเงินตราของแดนมังกรจะอ่อนตัวลงต่อไปอีก เขาพูดเช่นนี้ระหว่างให้สัมภาษณ์ “ไฉซิน” นิตยสารทางการเงินชื่อดังของจีน
เศรษฐกิจจีนเติบโตด้วยอัตรา 6.9% ในปี 2015 ถึงแม้ยังคงอยู่ในระดับสูงลิ่วเมื่อเทียบกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกโดยเฉพาะพวกประเทศพัฒนาแล้ว ทว่าก็เป็นอัตราขยายตัวต่ำที่สุดของแดนมังกรเองนับตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา และยิ่งเร่งรัดกระแสเงินทุนไหลออกจากประเทศ สืบเนื่องจากความวิตกในเรื่องเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวนี้ และสภาวการณ์เช่นนี้ก็ยิ่งส่งผลให้เงินหยวนอ่อนตัวลง
“กลุ่มพลังเก็งกำไรระหว่างประเทศในช่วงหลัง ๆ นี้ มุ่งโฟกัสที่การทำชอร์ตเล่นงานประเทศจีน” โจว เสี่ยวชวน ผู้ว่าการของแบงก์ชาติแดนมังกร ซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน (People's Bank of China หรือ PBOC) กล่าวในการให้สัมภาษณ์ไฉซิน และ POBC นำเอาต้นฉบับที่ถอดจากเสียงพูด มาเผยแพร่บนเว็บไซต์ของแบงก์ในวันเสาร์ (13 ก.พ.)
“พวกเขากระหายที่จะตั้งโรงงานผลิตมติมหาชนเผยแพร่ออกไปให้กว้างขวาง เพื่อพยายามบังคับกดดันให้บังเกิดผลลัพธ์โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” เขากล่าว แต่ไม่ได้ระบุว่ากลุ่มพลังนี้เป็นใครกันบ้าง
สื่อของทางการจีนนั้นเพ่งเล็งพุ่งเป้าไปที่นักเก็งกำไรทางการเงิน จอร์จ โซรอส ซึ่งเคยทำกำไรอย่างมหาศาลจากการลดค่าของเงินปอนด์อังกฤษช่วงปี 1992 ตลอดจนถูกกล่าวหาว่าทำการโจมตีสกุลเงินในเอเชีย ช่วงเกิดวิกฤตการณ์ “ต้มยำกุ้ง” ปี 1997 ทั้งนี้ หลังจากที่โซรอสไปกล่าวในการประชุม “เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม” ที่เมืองดาวอส, สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า การที่เศรษฐกิจจีนจะต้องเกิดการทรุดตัวอย่างแรง หรือที่เรียกกันว่า “ฮาร์ด แลนดิ้ง” นั้น “ในทางปฏิบัติแล้วเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่พ้น”
เมื่อต้นเดือนมกราคม จีนได้ชี้นำให้ค่าเงินหยวนลดค่าลง ด้วยการกำหนดแถบความเคลื่อนไหวรายวันของราคากลางของสกุลเงินตรานี้ ให้ต่ำลง 8 วันทำการต่อเนื่องกัน รวมแล้วเท่ากับอ่อนค่าลงมา 1.4% ก่อนที่จะหวนกลับไปสู่การมุ่งรักษาเสถียรภาพ
การตกลงเช่นนี้ก่อให้เกิดความหวาดกลัวเพิ่มขึ้น ว่า จีนอาจจะกำลังเคลื่อนไหวในทำนองเดียวกับที่เคยทำเมื่อกลางเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ตอนที่แดนมังกรปรับลดค่าเงินลงมาเกือบ ๆ 5% ภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์
โจวกล่าวย้ำในการให้สัมภาษณ์นิตยสารไฉซินคราวนี้ ว่า จีนจะใช้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่มีอยู่อย่างมหาศาลของตนเพื่อปกป้องคุ้มครองเงินหยวน
“จีนเป็นประเทศที่มีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศสูงที่สุดในโลก” เขาบอก “เราจะไม่ยอมปล่อยให้พลังเก็งกำไรมาเป็นผู้ชี้นำอารมณ์ความรู้สึกของตลาด”
ตามตัวเลขของทางการ ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนได้ลดลงถึง 99,500 ล้านดอลลาร์ มาอยู่ที่ระดับ 3.2 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่ PBOC เทขายเงินดอลลาร์ออกมาเรื่อยๆ เพื่อประคับประคองเงินหยวนไม่ให้อ่อนค่าลงเร็วเกินไป
อย่างไรก็ดี โจวยืนยันว่า “ไม่มีพื้นฐานใดๆ เลยสำหรับการที่จะลดค่า (เงินหยวน) ต่อไปอีก”
เขาให้คำมั่นว่า แม้เกิดความปั่นป่วนผันผวนขึ้นมา จีนจะยังคงดำเนินการปฏิรูปทางด้านเงินตราต่อไป แต่ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็จะยังคงแสดงบทบาทเป็นผู้บริหารจัดการค่าเงินตราของตน ทั้งนี้ จีนยังคงต้องการควบคุมค่าเงินหยวนเอาไว้อย่างแข็งขัน ด้วยความวิตกว่าหากปล่อยให้เงินทุนไหลออกอย่างเสรี ก็จะก่อให้เกิดความเสี่ยงทางการเงินขึ้นมา
“บางครั้งบางคราวตลาดก็จะแสดงให้เห็นข้อบกพร่องผิดพลาด โดยถูกควบคุมจากพวกพลังเก็งกำไร หรือจากอารมณ์ความรู้สึกที่มองแค่ระยะสั้น ตลอดจนจากการเฮโลตามกันไปอย่างไม่ยั้งคิดแบบฝูงสัตว์ (herd effect)” โจวบอก