เอเอฟพี - จอห์น เบรนแนน ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ระบุกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) เคยนำ “อาวุธเคมี” ออกมาใช้ในสงคราม และยังมีศักยภาพพอที่จะผลิตแก๊สคลอรีนและแก๊สมัสตาร์ด แต่ในปริมาณที่ไม่มากนัก
“เราพบว่าไอเอสเคยนำอาวุธเคมีออกมาใช้ในสนามรบหลายครั้งด้วยกัน” เบรนแนน ให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวซีบีเอส เมื่อวานนี้ (11 ก.พ.) โดยบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มจะถูกนำไปออกอากาศทางรายการ 60 Minutes ในวันอาทิตย์ (14)
เบรนแนนระบุด้วยว่า “ซีไอเอเชื่อว่ากลุ่มไอเอสมีศักยภาพพอที่จะผลิตแก๊สมัสตาร์ดหรือแก๊สคลอรีนไว้ใช้ แต่ในปริมาณที่ไม่มากนัก”
“เราได้รับรายงานว่าไอเอสสามารถเข้าถึงสารตั้งต้นทางเคมี และอาวุธเคมีซึ่งพวกเขาจะนำมาใช้งานได้”
ผอ.ซีไอเอยังเตือนถึงความเป็นไปได้ที่ไอเอสจะ “ส่งออก” อาวุธเหล่านี้เข้ามายังประเทศตะวันตกเพื่อหารายได้
“ผมคิดว่ามีความเป็นไปได้เสมอ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องตัดเส้นทางที่พวกเขาใช้ลำเลียงและลักลอบขนอาวุธ”
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า “มีทรัพย์สินของอเมริกาถูกส่งเข้าไปในพื้นที่” เพื่อแกะรอยโกดังเก็บอาวุธ หรือ “ห้องแล็บ” ที่ไอเอสใช้ผลิตอาวุธเคมีหรือไม่ เบรนแนน ก็ตอบว่า “หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในภารกิจทำลายไอเอส และเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งในซีเรียและอิรัก”
บทสัมภาษณ์ของ เบรนแนน ถูกตีแผ่เพียง 2 วัน หลังจากที่ เจมส์ แคลปเปอร์ ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ ได้ชี้แจงข้อมูลคล้ายๆ กันต่อคณะกรรมการสภาคองเกรส เมื่อวันอังคาร (9)
“ไอเอสเคยนำสารเคมีพิษออกมาใช้ในอิรักและซีเรีย รวมถึงแก๊สซัลเฟอร์มัสตาร์ด ซึ่งทำให้ผิวหนังพุพอง”
แคลปเปอร์ ชี้ว่า นี่เป็นครั้งแรกที่กลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงได้ผลิตสารพิษเพื่อนำมาใช้ในสงคราม หลังจากสมาชิกลัทธิ “โอมชินริเกียว” ในญี่ปุ่นเคยใช้แก๊สพิษซารินโจมตีรถไฟใต้ดินในกรุงโตเกียวเมื่อปี 1995
เจ้าหน้าที่เขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถานแห่งอิรัก ระบุเมื่อปีที่แล้วว่า ผลการตรวจเลือดพบว่านักรบไอเอสใช้แก๊สมัสตาร์ดโจมตีกองกำลังเคิร์ดเปชเมอร์กาเมื่อเดือน ส.ค. ทำให้ทหารเคิร์ด 35 นายสัมผัสแก๊สพิษ และบางนายต้องถูกส่งตัวไปรักษาในต่างประเทศ