เอเจนซีส์ - เจมส์ โคเมย์ (James Comey) ผู้อำนวยการ FBI สหรัฐฯออกแถลงในวันอังคาร (9 ก.พ.) ว่า ทาง FBI ยังไม่สามารถแกะข้อมูลเอนคริปต์ดาต้าโทรศัพท์ของหนึ่งในสองมือก่อการร้ายซานเบอร์นาดิโน รัฐแคลิฟอร์เนีย ตัชฟีน มาลิก ภรรยาชาวปากีสถาน วัย 29 ปี และสามีพลเมืองสหรัฐฯ ซายเอ็ด ฟารุก วัย 28 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ออกใบอนุญาตกำกับร้านอาหารประจำสาธารณสุขแคลิฟอร์เนีย
NBC NEWS รายงานเมื่อวานนี้ (9 ก.พ.) ว่า แม้ผ่านไปร่วม 2 เดือน แต่ทางสำนักงานสอบสวนกลาง FBI สหรัฐฯยังไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ถูกเก็บภายในโทรศัพท์ของหนึ่งในมือก่อการร้ายซานเบอร์นาดิโน รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่มี ตัชฟีน มาลิก ภรรยาชาวปากีสถานวัย 29 ปี และสามีพลเมืองสหรัฐฯ ซายเอ็ด ฟารุก วัย 28 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ออกใบอนุญาตกำกับร้านอาหารประจำสาธารณสุขแคลิฟอร์เนีย เป็นผู้ลงมือก่อเหตุกราดยิงเพื่อนร่วมงานของฟารุกในวันที่ 2 ธันวาคม ปีที่ผ่านมา
ซึ่ง เจมส์ โคเมย์ (James Comey) ผู้อำนวยการ FBI สหรัฐฯออกแถลงในวันอังคาร (9 ก.พ.) กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นว่า เกิดจากการที่เทคโนโลยีสมัยใหม่ของโทรศัพท์มือถือจะทำการล็อกข้อมูลผู้ใช้ และไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอก ซึ่งในกรณีนี้คือเจ้าหน้าที่สอบสวน FBI สามารถเปิดได้ ถือเป็นปัญหาในทุกคดีตั้งแต่คดีอาชญากรรมธรรมดาไปจนถึงคดีก่อการร้าย ที่ถึงแม้ว่าศาลสหรัฐฯจะตัดสินแล้วว่า ข้อมูลในโทรศัพท์นั้นมีประโยชน์ต่อการสอบสวนคดีของเจ้าหน้าที่ก็ตาม
สื่อสหรัฐฯรายงานว่า ก่อนที่ฟารุกและมาลิกจะถูกเจ้าหน้าที่สังหาร คนทั้งคู่ได้ทำลายโทรศัพท์มือถือที่ใช้ ดังนั้น การกู้คืนข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือทั้งสองที่ถูกทำลายไปแล้วเป็นงานที่ยากและท้าทายสำหรับเจ้าหน้าที่
และพบว่าบรรดาผู้ผลิตมือถือต่างใช้เทคโนโลยี encryption เพื่อรักษาความปลอดภัยข้อมูลการใช้ของเจ้าของเครื่อง และทำให้ผู้ก่อการร้ายสามารถใช้โทรศัพท์มือถือในการติดต่อได้อย่างสะดวก หากโทรศัพท์มือถือเหล่านี้ถูกล็อกด้วยรหัสผ่าน และหากการเชื่อมต่อเพื่อเข้าถึงข้อมูลของโทรศัพท์ทำไม่ได้หากไม่ได้มีรหัสเหล่านี้ นอกจากนี้ พบว่า บริษัทผู้ผลิตจำนวนมากไม่ได้เก็บข้อมูลรหัสผ่านเหล่านี้ไว้
NBC NEWS รายงานเพิ่มเติมว่า ผู้อำนวยการ FBI ได้เข้าให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการด้านข่าวกรองของสภาสูงสหรัฐฯ ได้ยืนยันว่า ปัญหาที่ทางหน่วยงาน FBI กำลังประสบอยู่นั้นเกิดขึ้นกับทุกระดับในกระบวนการยุติธรรมนับตั้งแต่ระดับนานาชาติไปจนถึงระดับพื้นที่ปฏิบัติ
ทั้งนี้ ในการขึ้นให้ข้อมูลในวันอังคาร (9) โคเมย์ได้ยกตัวอย่างคดีฆาตกรรมหญิงตั้งครรภ์คนหนึ่งในปีที่ผ่านมา ซึ่งเกิดขึ้นในรัฐลุยเซียนา และพบว่า โทรศัพท์มือถือเป็นหัวใจในการไขปริศนาข้อมูลต่างในอาชญากรรมครั้งนี้ ซึ่งคดีนี้ยังไม่ได้ถูกปิดลง
โคเมย์ กล่าวว่า “ไม่มีร่องรอยอะไรที่จะสามารถสาวไปถึงได้ยกเว้นแต่โทรศัพท์มือถือที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ และทางเจ้าหน้าที่สอบสวนผู้รับผิดชอบคดียังไม่สามารถแกะข้อมูลที่ถูกเก็บข้างในโทรศัพท์เครื่องนี้”
ซึ่งสื่อสหรัฐฯรายงานว่า ผู้อำนวยการ FBI ไม่ได้กล่าวเพิ่มเติมในรายละเอียดแต่ทาง NBC NEWS คาดว่า น่าจะเป็นคดี บริตต์นีย์ มิลส์ (Brittney Mills) วัย 29 ปี ที่ถูกสังหารด้วยอาวุธปืนในขณะกำลังตั้งครรภ์ได้ 8 เดือน ในวันที่ 24 เมษายน 2015 ภายในอพาร์ตเมนต์ส่วนตัว บาตัน โรก (Baton Rouge) และพบว่า ในภายหลังทารกในครรภ์เสียชีวิต
ทั้งนี้ สื่อสหรัฐฯรายงานว่า ในที่ประชุมของคณะกรรมาธิการด้านข่าวกรองของสภาสูงสหรัฐฯที่โคเมย์ได้เข้าให้ข้อมูลนั้น มีการถกเถียงการใช้โทรศัพท์มือถือที่มีเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัย encryption อย่างกว้างขวาง และยังพบว่านอกจากผู้อำนวยการ FBI ที่ต้องเข้ามาให้ข้อมูลแล้ว ผู้อำนวยการหน่วยงานข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ NIA เจมส์ แคลปเปอร์ (James Clapper) ได้เข้าให้การด้วยเช่นกัน และยังรวมไปถึงผู้อำนวยการข่าวกรองด้านการทหาร DIA วินเซนต์ สตวร์ต (Vincent Stewart) และผู้อำนวยการความมั่นคงสหรัฐฯ NSA ไมเคิล โรเจอร์ส (Michael Rogers) ส่วนผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ CIA จอห์น เบรแนน (John Brennan) เข้าให้ข้อมูลกับทางคณะกรรมาธิการด้านข่าวกรองวุฒิสภาสหรัฐฯเมื่อวานนี้ (9) เช่นเดียวกัน
ซึ่งทั้ง แคลปเปอร์ และ โรเจอร์ส ต่างให้ความเห็นในเรื่องการปลดล็อกข้อมูลส่วนตัวทางโทรศัพท์นั้น สหรัฐฯยังไม่ได้ตรวจสอบเทคโนโลยีที่มีทั้งหมดเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องนี้ ซึ่งถือเป็นเรื่องท้าทายสำหรับทางเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่ต้องรักษาความสมดุลระหว่างสิทธิประชาชนสหรัฐฯในความเป็นส่วนตัว และการรักษาความสงบและความปลอดภัยในประเทศ
แต่อย่างไรก็ตาม NBC NEWS ชี้ว่า ดูเหมือนผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ จะไม่คิดว่า ปัญหาการเก็บรักษาความลับข้อมูลของผู้ใช้โทรศัพท์นั้นจะเป็นปัญหาใหญ่และสาหัสเหมือนดังเช่นบรรดาหน่วยงานความมั่นคงสหรัฐฯต่างกล่าวอ้าง
และนอกจากนี้ ทางบริษัทเทคโนโลยีต่างออกมาให้ความเห็นถึงเรื่องนี้ ว่า หากมีการอนุญาตให้เจ้าหน้าที่รัฐสามารถเจาะข้อมูลเอนคริปต์ดาต้าในโทรศัพท์มือถือได้ จะทำให้ผู้บริโภคจำนวนมหาศาลตกเป็นเหยื่อเหล่าโจรแฮกเกอร์