รอยเตอร์ - สถานีโทรทัศน์อเมริกันเผยผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ พบว่ามหาเศรษฐี โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะได้คะแนนโหวตไพรแมรีสูงที่สุดในสายรีพับลิกันที่รัฐนิวแฮมป์เชียร์ เมื่อวานนี้ (9 ก.พ.) ขณะที่ผู้ชนะของฝ่ายเดโมแครต ได้แก่ ส.ว.เบอร์นี แซนเดอร์ส จากรัฐเวอร์มอนต์ที่คราวนี้มีแนวโน้มจะเบียดตัวเก็งอย่าง ฮิลลารี คลินตัน ตกขอบด้วยคะแนนนำห่างอย่างชัดเจน
แม้ผลการหยั่งเสียงที่นิวแฮมป์เชียร์จะได้ผลชี้ขาดชัดเจน แต่ก็ยังไม่คลายความสับสนเกี่ยวกับตัวผู้สมัครสายกลุ่มผู้มีอำนาจในพรรครีพับลิกัน (Republican establishment) ที่จะมาคว่ำทรัมป์ลงได้ ขณะที่แคมเปญหาเสียงของคลินตันก็รีบออกมาส่งสัญญาณว่ายังไม่ถอดใจกับผลการเลือกตั้งในรัฐต่อๆ ไป
ชัยชนะของทรัมป์ในรัฐนี้จะยิ่งเพิ่มโอกาสที่เขาจะคว้าตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกันลงชิงชัยในสนามเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ วันที่ 8 พ.ย.
เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์และดาราเรียลลิตีโชว์ผู้นี้ใช้กลยุทธ์หาเสียงที่ก้าวร้าวเผ็ดร้อนจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ขรมทั้งในสหรัฐฯ และต่างประเทศ กระนั้นก็ดี ทรัมป์ ไม่ว่าจะเป็นการวิจารณ์ผู้อพยพเชื้อสายเม็กซิกันว่าเป็นอาชญากรและ “ผู้ร้ายข่มขืน” ที่สร้างปัญหาสังคมให้อเมริกา การเรียกร้องให้รัฐบาลเม็กซิโกออกค่าใช้จ่ายสร้างกำแพงกั้นพรมแดน หรือการขอให้สหรัฐฯ ห้ามชาวมุสลิมเดินทางเข้าประเทศ
แซนเดอร์ส ซึ่งประกาศตนเป็นนักสังคมนิยมประชาธิปไตย ได้คะแนนโหวตไป 60% จากผลการนับคะแนนที่ผ่านไปแล้ว 90% ขณะที่อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ฮิลลารี คลินตัน ที่ถูกจับตาว่าจะเป็น “ผู้ชนะ” ของเดโมแครตในภาพรวมทั้งประเทศ เพิ่งจะได้คะแนนโหวตจากชาวรัฐนิวแฮมป์เชียร์มาเพียง 38% เท่านั้น
“มั่นใจได้เลยว่าชัยชนะของเราในคืนนี้จะได้รับการตอบสนองจากกลุ่มทุนในสหรัฐฯ รวมถึงบรรดาผู้มีอำนาจทางการเมืองที่ต้องการขัดขวางไม่ให้เราสร้างความเปลี่ยนแปลงแก่อเมริกา” แซนเดอร์สแถลงต่อบรรดาผู้สนับสนุนผ่านอีเมล
แคมเปญหาเสียงของคลินตันออกมาประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ที่รัฐนิวแฮมป์เชียร์เป็นที่เรียบร้อย โดยคลินตันได้โทรศัพท์ถึงแซนเดอร์สเพื่อแสดงความยินดีกับเขาแล้ว
ร็อบบ์ มุก ผู้จัดการแคมเปญของคลินตัน ระบุในบันทึกข้อความว่า ผลการหยั่งเสียงของพรรคเดโมแครต “แยกออกเป็น 2 ทาง” ใน 2 รัฐแรก คือ ไอโอวา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และนิวแฮมป์เชียร์ในสัปดาห์นี้ แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะสามารถ “ชี้ขาด” ตัวบุคคลที่จะคว้าตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครตได้ภายในเดือน มี.ค.
ทีมหาเสียงของคลินตันชี้ว่า คะแนนเสียงจากชาวอเมริกันผิวสีและฮิสแปนิกคือหัวใจสำคัญที่จะนำมาสู่ชัยชนะในการเลือกผู้แทนพรรค ซึ่งครั้งถัดไปจะจัดขึ้นที่รัฐเนวาดาและเซาท์แคโรไลนา
“มันเป็นเรื่องยาก หรืออาจจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้สมัครสายเดโมแครตคนหนึ่งจะได้เป็นตัวแทนพรรค หากปราศจากการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งเชื้อสายแอฟริกันและฮิสแปนิก” มุกเขียนไว้ในบันทึกข้อความที่จั่วหัวว่า “March Matters”
“เราจะได้ผู้ชนะในเดือนมีนาคม...ไม่ใช่เดือนนี้ และผมเชื่อว่าฮิลลารี คลินตัน มีภาษีดีกว่าที่จะสร้างฐานผู้แทนออกเสียงที่เข้มแข็งเหนือกว่าผู้สมัครคนอื่นๆ ในเดือนหน้า”
ผลการนับคะแนนที่เกือบจะครบถ้วนสมบูรณ์หลังปิดการหยั่งเสียงไปเมื่อเวลา 20.00 น. (08.00 น. วันนี้ตามเวลาในไทย) พบว่า ทรัมป์มีคะแนน 35% นำโด่งเป็นอันดับ 1 ในสายรีพับลิกัน อันดับ 2 ได้แก่ จอห์น คาซิก ผู้ว่าการรัฐโอไฮโอ ซึ่งไล่หลังมาห่างๆ ที่ 16% ส่วนอันดับที่ 3 คือ ส.ว.เท็ด ครูซ จากรัฐเทกซัส ซึ่งชนะเลือกตั้งคอคัสที่รัฐไอโอวาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่คราวนี้กลับได้คะแนนโหวตจากชาวรัฐนิวแฮมป์เชียร์มาเพียง 12% ขณะที่ เจบ บุช และ มาร์โก รูบิโอ ก็ได้คะแนนรองลงมา
