xs
xsm
sm
md
lg

ผู้เชี่ยวชาญ UN รับเสียงอ่อย “10 ปี” ที่คว่ำบาตรเกาหลีเหนือ “ไร้ผล”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ผู้นำ คิม จอง อึน แห่งเกาหลีเหนือ แสดงท่าทีพอใจ ขณะเฝ้าดูการส่งดาวเทียมขึ้นสู่ห้วงอวกาศ เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมา
เอเอฟพี - คณะผู้เชี่ยวชาญขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ยอมรับว่า มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและบทลงโทษต่างๆ นานาที่ยูเอ็นใช้กดดันเกาหลีเหนือตลอดช่วง 10 ปีมานี้ ไม่สามารถยับยั้งโครงการพัฒนาระบบขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของเปียงยางได้

“เวลานี้จึงเกิดคำถามสำคัญว่า แผนคว่ำบาตรที่องค์การสหประชาชาติใช้อยู่ในปัจจุบันมีประสิทธิภาพแค่ไหน” รายงานลับของคณะผู้เชี่ยวชาญยูเอ็นที่ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีได้รับสำเนามาเมื่อวานนี้ (8 ก.พ.) ระบุ

การประเมินผลดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกำลังร่างมติคว่ำบาตรฉบับใหม่ เพื่อลงโทษที่เกาหลีเหนือทดลองนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 เมื่อต้นปี และยังยิงดาวเทียมสู่ห้วงอวกาศไปหมาดๆ เมื่อวันอาทิตย์ (7) ซึ่งนานาชาติเชื่อว่าเป็นเพียงแผนอำพรางการทดลองขีปนาวุธพิสัยไกลเท่านั้น

“การคว่ำบาตรที่ผ่านมายังไม่สามารถยับยั้งไม่ให้สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีค่อยๆ ปรับปรุง และขยายศักยภาพด้านนิวเคลียร์และขีปนาวุธได้” ผู้เชี่ยวชาญระบุ

ผลการตรวจสอบพบว่า เปียงยางประสบความสำเร็จในการหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของยูเอ็นตลอดมา แต่ก็ต้องโทษรัฐสมาชิกยูเอ็นบางประเทศที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งยูเอ็นอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะประเทศแถบแอฟริกา

แม้จะประเมินผลออกมาในลักษณะนี้ แต่คณะผู้เชี่ยวชาญก็ยังเสนอให้เพิ่มรายชื่อองค์กร 3 แห่งของเกาหลีเหนือและบุคคลอีก 4 คนลงในบัญชีดำของยูเอ็น ซึ่งจะนำไปสู่การอายัดทรัพย์สิน และคำสั่งห้ามเดินทางทั่วโลก

นักการทูตยูเอ็นเผยว่า รายชื่อทั้ง 7 องค์กรและบุคคลที่จะถูกคว่ำบาตรเพิ่มเติมถูกระบุไว้ในภาคผนวกลับของรายงานชิ้นนี้

คณะผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำให้ยูเอ็นสั่งห้ามจำหน่ายอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องให้แก่เกาหลีเหนือ และมีมาตรการป้องกันไม่ให้เปียงยางสามารถส่งบุคลากรไปรับการฝึกอบรมพิเศษในต่างประเทศ

คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติประกาศมติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือไปแล้ว 4 ครั้ง ตั้งแต่เปียงยางทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ใต้ดินครั้งแรกเมื่อปี 2006 แต่คณะผู้เชี่ยวชาญ “ไม่พบสัญญาณบ่งชี้ว่า บทลงโทษเหล่านี้ทำให้เกาหลีเหนือมีแนวโน้มที่จะละทิ้งโครงการพัฒนานิวเคลียร์และขีปนาวุธ”

รายงานซึ่งมีความยาว 330 หน้ากระดาษ ระบุว่า บริษัทโสมแดงที่อยู่ในลิสต์คว่ำบาตรใช้วิธีส่งตัวแทนลับเข้าไปแฝงตัวในบริษัทต่างชาติ เข้าหานักการทูตเพื่อให้ช่วยเป็น “คนกลาง” และเลือกทำธุรกิจเฉพาะกับ “ชาวต่างชาติกลุ่มเล็กๆ ที่ไว้วางใจ”

หลังจากบริษัท โอเชียน มาริไทม์ แมเนจเมนต์ ถูกประกาศขึ้นบัญชีดำเมื่อปี 2014 บริษัทขนส่งทางเรือของเกาหลีเหนือแห่งนี้ยังสามารถหลบเลี่ยงคำสั่งคว่ำบาตรของยูเอ็น “โดยเลือกใช้เรือสินค้าที่ติดธงต่างชาติ การจดทะเบียนบริษัทใหม่ และให้ลูกเรือโสมแดงไปทำงานบนเรือต่างชาติ” เป็นต้น รายงานระบุ

ผู้เชี่ยวชาญยูเอ็นเตือนว่า ขณะนี้เปียงยางกำลังเน้นปรับปรุงเทคโนโลยีจรวดมากเป็นพิเศษ โดยได้พัฒนาขีปนาวุธพิสัยใกล้ขึ้นมาหลายรุ่น อัปเกรดฐานยิง และพยายามยกระดับศักยภาพของขีปนาวุธที่ยิงจากเรือดำน้ำ (submarine-launched ballistic missile - SLBM)

การทดสอบขีปนาวุธ SLBM เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2015 “ชี้ให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งบ่งบอกชัดเจนว่าเกาหลีเหนือยังเดินหน้าปรับปรุงเพื่อผลิตขีปนาวุธ SLBM ที่สามารถใช้งานได้จริง”

เกาหลีเหนือยังอัปเกรดอู่เรือดำน้ำซินโป และประกาศจะยิงจรวดพิสัยไกลอีกในอนาคต

สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า โอกาสที่รัฐบาลเกาหลีเหนือจะหันมาตอบสนองความกังวลของนานาชาติเรื่องปัญหาความมั่นคงและมนุษยธรรมตามที่ยูเอ็นเรียกร้อง “เป็นเรื่องห่างไกลออกไปทุกที”

ผู้เชี่ยวชาญยูเอ็นยังตำหนิหลายประเทศที่ทำเพิกเฉย เมื่อยูเอ็นร้องขอข้อมูลเกี่ยวกับการละเมิดมติคว่ำบาตร หรือไม่ก็ส่งเพียงรายงาน “คุณภาพต่ำ” ที่ไม่ให้รายละเอียดเชิงลึก

“การที่รัฐสมาชิกทุกประเทศปฏิบัติตามคำสั่งคว่ำบาตรของสหประชาชาติอย่างเข้มงวดมีความสำคัญอย่างยิ่ง” รายงานระบุ



กำลังโหลดความคิดเห็น