เอเอฟพี - จรวดลูกที่เกาหลีเหนือปล่อยในสัปดาห์นี้ดูเหมือนว่าจะทรงอานุภาพมากกว่าลำที่ถูกยิงขึ้นไปเมื่อปี 2012 โดยมีระยะพิสัยเพิ่มขึ้นเป็น 12,000 กิโลเมตร ซึ่งกินขอบเขตครอบคลุมสหรัฐฯ เกือบทั้งประเทศ เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ระบุในวันนี้ (9 ก.พ.)
จรวดท่อนที่ 3 ถูกยืนยันว่าได้นำดาวเทียมดวงหนึ่งเข้าสู่วงโคจรแล้วแต่ยังไม่มีการพิสูจน์ยืนยันว่าดาวเทียมดวงดังกล่าวกำลังทำงานอยู่หรือไม่ เขาบอกกับผู้สื่อข่าว โดยไม่ขอเผยนาม
จรวดลำนี้เหมือนกับ Unha-3 ที่ถูกปล่อยในเดือนธันวาคมปี 2012 แต่เชื่อว่ามีระยะพิสัย 12,000 กิโลเมตร มากกว่ารุ่นเก่า 2,000 กิโลเมตร
มีการคาดการณ์กันว่าครั้งนี้เกาหลีเหนืออาจใช้จรวดลำใหญ่กว่ามากหลังจากที่ประสบความสำเร็จในการขยายขนาดฐานยิงเป็น 67 เมตรทำให้สามารถรองรับจรวดหรือพาหนะนำส่งขนาดใหญ่กว่า Unha-3 ถึงสองเท่า
อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือยังไม่มีเทคโนโลยีกุญแจสำคัญที่จำเป็นในการทำให้จรวดกลายเป็นขีปนาวุธข้ามทวีป นั่นก็คือยานปล่อยกลับลงมา (re-entry vehicle) ที่จะปกป้องหัวรบจากความร้อน เจ้าหน้าที่กล่าว
จรวดลำนี้ซึ่งบรรทุกดาวเทียมสำรวจทรัพยากรโลกถูกยิงขึ้นไปเมื่อเมื่อวันอาทิตย์ (7) เวลาประมาณ 09.00 น. ตามเวลาเปียงยาง (07.30 น. ตามเวลาประเทศไทย) ทั้งนี้อ้างจากสถานีโทรทัศน์ทางการเกาหลีเหนือ และเข้าสู่คงโคจรใน 10 นาทีต่อมา
การยิงจรวดครั้งนี้ซึ่งถูกมองอย่างแพร่หลายว่าเป็นการแอบทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกล ก่อให้เกิดเสียงประณามจากนานาชาติและทำให้คณะมนตรีความมั่งคงแห่งสหประชาชาติมีมติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือครั้งใหม่
นอกจากนี้ เส้นทางการบินของจรวดลำล่าสุดนี้ยังเหมือนกับลำที่ถูกปล่อยเมื่อปี 2012 ซึ่งซากจรวดท่อนแรกถูกเก็บกู้ได้โดยเกาหลีใต้นอกชายฝั่งตะวันตกของประเทศ
ในเวลานี้มีความเชื่อกันว่าเกาหลีเหนือได้ทำให้จรวดท่อนแรกแตกออกเป็นชิ้นส่วนแปลกๆ 270 ชิ้นเพื่อปกปิดองค์ประกอบพื้นฐานทางเทคนิคของจรวดลูกนี้ เจ้าหน้าที่รายนี้กล่าว
เกาหลีเหนืออยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรมากมายของยูเอ็นอยู่แล้วจากการยิงจรวดก่อนหน้านี้และการทดสอบนิวเคลียร์ 3 ครั้งในปี 2006, 2009 และ 2013