เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดี ดิลมา รูสเซฟฟ์ ได้เรียกร้องให้ชาวบราซิลร่วมมือกันในปฏิบัติการครั้งใหญ่เพื่อต่อต้านไวรัสซิกาในเดือนนี้ อันเป็นความพยายามที่จะกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงซึ่งเป็นพาหะ
การระดมพลครั้งใหญ่ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ จะมีบุคลากรหลายแสนคนทั้งจากกองทัพและเจ้าหน้าที่รัฐ มาร่วมกันตรวจเช็คบ้านทีละหลังเพื่อค้นหาและกำจัดแหล่งน้ำนิ่งที่ยุงลายใช้วางไข่
"นี่คือการดิ้นรนเพื่อปกป้องครอบครัวของเรา เป็นการดิ้นรนที่ทุกคนควรจะพร้อมใจร่วมมือกัน" รูสเซฟฟ์ บอกต่อคนทั้งชาติเมื่อวันพุธ ผ่านทางโทรทัศน์และวิทยุ
"เราไม่อาจยอมรับความพ่ายแพ้ ชัยชนะครั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเราที่จะทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง" ผู้นำบราซิล กล่าว
ข้อความของผู้นำบราซิลได้เน้นย้ำถึงความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นทั้งในและนอกประเทศ เกี่ยวกับไวรัสซิกา ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เป็นที่รู้จักในบราซิลเลย จนกระทั่งมาตรวจพบเอาเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว แล้วตอนนี้ก็เชื่อว่าได้แพร่ระบาดไปสู่ผู้คนราว 1.5 ล้านราย ทั้งยังแพร่กระจายออกไปกว่า 20 ประเทศ
ที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้น รูสเซฟฟ์ได้บอกว่าไวรัสตัวนี้ต้องสงสัยว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้มีรายงานพบการติดเชื้อในสมองและศีรษะเล็กผิดปกติในทารกเกิดใหม่ ซึ่งทางองค์การอนามัยโลกก็ได้ประกาศให้เรื่องนี้เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขทั่วโลกเมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ โดยจัดให้ไวรัสซิกาอยู่ในกลุ่มที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วนเช่นเดียวกับอีโบลา
รูสเซฟฟ์บอกว่า ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐฯ เห็นด้วยที่จะให้นักวิทยาศาสตร์อเมริกันร่วมมือกับนานาชาติเพื่อพัฒนาวัคซีนให้สำเร็จ แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้น หนทางดำเนินการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือต้องมุ่งเป้าจัดการกับบรรดาแมลงที่เป็นพาหะของไวรัส
"สงครามกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงนั้นมีความซับซ้อน เพราะมันพบเจอได้ทั่วทุกแห่ง ดังนั้นทุกคนจึงต้องร่วมกันสู้" ผู้นำบราซิลกล่าว พร้อมทั้งบอกให้ทุกคนช่วยกันตรวจดูถังเก็บน้ำ แจกันดอกไม้ สระว่ายน้ำ รางน้ำ ขวดน้ำ ยางรถ หรือสิ่งของที่สามารถกักเก็บน้ำได้ อย่างพวกขยะที่ถูกทิ้งไว้
"เราจำเป็นจะต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่บ้านของเรา ที่ทำงาน โรงเรียน สถานที่สาธารณะ มาช่วยกันพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าบราซิลนั้นเข้มแข็ง ให้เห็นว่าเรานั้นคือคนที่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง เราจะไม่ยอมพ่ายแพ้ให้กับยุงและไวรัสที่พวกมันนำมาด้วย" ผู้นำบราซิล กล่าว
