เอเอฟพี – เครื่องโซนาร์ใต้น้ำที่ถูกใช้ในการค้นหาเครื่องบินเที่ยว MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ได้สูญหายไปใต้พื้นมหาสมุทรหลังจากชนเข้ากับภูเขาไฟใต้ทะเล เจ้าหน้าที่ออสเตรเลีย กล่าวในวันนี้ (25)
เครื่อง “โทฟิช” (หัวตรวจแบบลาก) ซึ่งถูกลากอยู่ใต้เรือค้นหาลำหนึ่งและมีอุปกรณ์ค้นหาต่างๆ ติดอยู่ ได้ร่วงลงที่ก้นบึ้งของมหาสมุทรอินเดียตอนใต้เมื่อวันอาทิตย์ (24)
“เครื่องโทฟิชชนเข้ากับภูเขาไฟโคลนลูกหนึ่งซึ่งสูงจากพื้นทะเล 2,200 เมตรเป็นผลให้สายเคเบิลของเครื่องขาด” ศูนย์ประสานงานตัวแทนร่วม (JACC) ประกาศ
“เครื่องโทฟิชและสายเคเบิลราว 4,500 เมตรได้หลุดออกจากตัวเรือและตอนนี้อยู่ที่ใต้ท้องทะเล” ถ้อยแถลงระบุเสริม
ออสเตรเลียกำลังนำการค้นหาเครื่องบินโบอิ้ง-777 ที่หายไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ปี 2014 ระหว่างเส้นทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปกรุงปักกิ่งพร้อมกับคนบนเครื่อง 239 คน
เครื่องบินลำดังกล่าวกล่าวเชื่อว่าได้ตกลงหลังจากที่เบี่ยงออกจากเส้นทางของมัน แต่การค้นหาใต้ทะเลที่ดำเนินมาถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบวี่แววของมันเลย
เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ชิ้นส่วนปีกความยาว 2 เมตรที่เรียกกันว่าแฟล็บเพรอนได้เกยอยู่บนชายหาดแห่งหนึ่งบนเกาะเรอูนียงในมหาสมุทรอินเดีย เป็นหลักฐานยืนยันชิ้นแรกว่าเที่ยวบินนี้พบจุดจบอันน่าเศร้าแล้วจริงๆ
เศษชิ้นส่วนเหล็กทรงโค้งอีกชิ้นหนึ่งที่ถูกพบในประเทศไทยเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ได้ก่อให้เกิดการคาดเดาว่ามันอาจมาจากเที่ยวบิน MH370 ด้วยเช่นกัน ในขณะที่ยังรอการตรวจสอบจากทีมผู้เชี่ยวชาญอยู่ อย่างไรก็ตาม การจำลองกระแสน้ำมหาสมุทรบ่งชี้ว่ามันไม่น่าจะมาจากเครื่องบินลำดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียระบุว่า ลูกเรือบนเรือฟูโกรดิสคัฟเวอรี (Fugro Discovery) ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุเมื่อวันอาทิตย์ (24) และคิดว่าสามารถที่จะกู้เครื่องโทฟิชขึ้นมาได้
ในวันนี้ (25) เรือลำดังกล่าวกำลังไปที่เมืองท่าฟรีแมนเทิลทางตะวันตกของแดนจิงโจ้เพื่อติดตั้งสายเคเบิลเส้นใหม่ ซึ่งคาดว่าจะถึงที่หมายในวันเสาร์ (30)
อุปกรณ์สำคัญในเครื่องโทฟิชคือเครื่องมือบันทึกภาพพื้นผิวท้องทะเล (Side Scan Sonar) และเครื่องมือสำรวจใต้น้ำด้วยคลื่นเสียงชนิดหลายลำคลื่น (multi-beam echo sounder) ที่จะตรวจหาวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้นตามพื้นทะเล