เอพี/เอเจนซีส์ - เบื้องหลัง ราชายาเสพติด โจควิน กุซมัน เจ้าของฉายา “เอล ชาโป” ถูกทางการเม็กซิโกรวบตัวได้อีกครั้งหนึ่ง ภายหลังแอบขุดอุโมงค์ใต้ดินหลบหนีออกจากเรือนจำที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดได้ 6 เดือนนั้น แหล่งข่าวหลายรายระบุว่า ทางเจ้าหน้าที่ต้องขอบคุณเบาะแสที่ได้มาจากการที่ราชายาเสพติดผู้นี้ต้องการให้นำเอาชีวประวัติของเขาไปสร้างเป็นภาพยนตร์ และได้ให้ ฌอน เพนน์ ดารานักแสดงมากฝีมือ เดินทางไปสัมภาษณ์เขาถึงที่ซ่อนตัวกลางป่าลึกตอนปลายปีที่แล้ว
ข้อเขียนของ ฌอน เพนน์ ว่าด้วยการสัมภาษณ์ กุซมัน ผู้ซึ่งสามารถหลบหนีออกจากคุกที่มีการรักษาความปลอดภัยสูงสุดของเม็กซิโกได้ถึง 2 ครั้ง 2 ครา ได้ถูกนำออกเผยแพร่ในคืนวันเสาร์ (9 ม.ค.) บนเว็บไซต์ของนิตยสาร “โรลลิ่งสโตน” ทั้งนี้ เพนน์ระบุว่าการสัมภาษณ์มีขึ้น ณ สถานที่หลบซ่อนตัวแห่งหนึ่งซึ่งไม่ขอเปิดเผยว่าอยู่ตรงไหนของเม็กซิโกเมื่อช่วงปลายปี 2015 หลายเดือนทีเดียวก่อนที่ กุซมัน จะมาถูกจับกุมในที่สุดที่เมืองลอสโมชิส รัฐซีนาโลอา ในวันศุกร์ (8) ที่ผ่านมา
เพนน์บอกด้วยว่า หลังจากการพบกันแบบตัวเป็นๆ เป็นเวลา 7 ชั่วโมงคราวนั้นแล้ว ยังติดตามมาด้วยการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์และทางวิดีโออีกหลายครั้ง เนื่องจากการพบหน้ากันตรงๆ ไม่อาจกระทำได้อีก เพราะการไล่ติดตามของเจ้าหน้าที่เม็กซิโก
ในการให้สัมภาษณ์คราวนั้น เพนน์ ซึ่งคว้ารางวัลออสการ์ในสาขานักแสดงมาแล้ว 2 ตัว อีกทั้งเป็นโปรดิวเซอร์และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองด้วย เขียนเล่าว่า กุซมันซึ่งอยู่ในวัย 58 ปี พูดยอมรับตรงไปตรงมาขณะคุยกันพร้อมจิบเหล้าเตกีลาไปด้วยว่า “ผมเป็นคนจัดส่ง เฮโรอีน, เมตัมเฟตามีน (ยาบ้า), โคเคน และกัญชา มากมายยิ่งกว่าคนอื่นๆ ใดในโลก” อีกทั้งบอกว่า “ผมยังมีทั้งกองเรือดำน้ำ, เครื่องบิน, รถบรรทุก และเรือ” ด้วย
กุซมันได้กล่าวปกป้องผลงานของเขาในฐานะหัวหน้าของแก๊งลักลอบค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยเมื่อถูกถามว่าเขาควรถูกประณามหรือไม่จากการที่อัตราการติดยาเสพติดอยู่ในระดับสูงลิ่วเช่นนี้ เขาก็ตอบว่า “ไม่ครับ การโทษผมคือความผิดพลาด เพราะในวันที่ผมไม่ดำรงคงอยู่อีกแล้ว มันก็จะยังไม่ลดต่ำลงมาอยู่ดี ”
ในข้อเขียนชิ้นนี้ เพนน์บรรยายถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยอันละเอียดถี่ถ้วน ขณะที่เขาถูกพาไปยังสถานที่พบปะปิดลับแห่งนั้น โดยที่มี เคต เดล กัสตีโญ ดารานักแสดงหญิงชาวเม็กซิกัน คอยช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้ ทั้งนี้ เดล กัสตีโญ มีความสัมพันธ์ฉันมิตรอย่างแปลกประหลาดกับกุซมัน และตัวเธอก็เคยแสดงเป็นราชินีแก๊งยาเสพติด ในละครทีวีชื่อดังของเม็กซิโก
เพนน์เขียนว่า ในบางช่วงของการเดินทางของพวกเขา ผู้ที่ขับรถให้คือบุตรชายของกุซมัน โดยที่เมื่อเวลาขับผ่านทหารรัฐบาลบางนาย พวกเขาก็โบกมือให้บุตรชายกุซมันผู้นี้ในทำนองว่าจดจำกันได้
ขณะที่อีกช่วงหนึ่งของการเดินทางผ่านไปทางภาคกลางของเม็กซิโกเป็นเวลา 1 วันคราวนี้ พวกเขาได้ขึ้นเครื่องบินขนาดเบาลำหนึ่งที่ถูกระบุว่าติดตั้งอุปกรณ์ที่สามารถหลบหลีกการตรวจจับของเรดาร์
เพนน์กล่าวว่า ระหว่างการเดินทาง เขารู้สึกแน่ใจว่ารัฐบาลเม็กซิโกและสำนักงานปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐฯ กำลังเฝ้าติดตามเขา และตัวเขาก็ได้พยายามปกปิดร่องรอย
อย่างไรก็ตาม มาตรการเหล่านี้ก็ยังดูไม่ถี่ถ้วนเพียงพอ สำนักข่าวระหว่างประเทศหลายแห่งพากันอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่เม็กซิโกซึ่งระบุว่า พวกเขาทราบดีถึงการพบปะในเดือนตุลาคมคราวนั้น
เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลางเม็กซิโกผู้หนึ่งบอกกับสำนักข่าวเอพีโดยขอให้ปกปิดชื่อ เนื่องจากเขาไม่ได้รับอนุญาตให้แถลงเรื่องนี้ต่อสาธารณชนว่า การพบปะระหว่าง เพนน์ กับ กุซมัน นั้นมีขึ้นในหมู่บ้านตามาซูลา ซึ่งอยู่ในเขตรัฐดูรังโก ที่ดินแดนติดต่อกับรัฐซีนาโลอา ที่มั่นหลักของแก๊งค้ายาของกุซมัน
เจ้าหน้าที่ผู้นี้ระบุว่าเป็นเพราะการให้สัมภาษณ์เพนน์นี่เอง ซึ่งทำให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่สามารถติดตามร่องรอยของกุซมันไปจนถึงพื้นที่ดังกล่าว
อย่างไรก็ดี ทางเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของเม็กซิโกตัดสินใจไม่เปิดฉากยิงใส่กุซมันในเวลานั้น เนื่องจากเขาอยู่กับผู้หญิง 2 คนและเด็กอีกคนหนึ่ง จากนั้นเขาก็สามารถหลบหนีไปได้ ทว่า ฝ่ายเจ้าหน้าที่ยังคงตามรอยเขาได้ใหม่ จนกระทั่งไปถึงบ้านหลังหนึ่งในเขตลอสโมชิส ซึ่งทหารนาวิกโยธินเม็กซิโกสามารถรวบตัวเขาเอาไว้ได้ในวันศุกร์ (8) หลังจากเกิดการยิงต่อสู้กันซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันเสาร์ (9) อัยการสูงสุดเม็กซิโก อาเรลี โกเมซ ได้แถลงว่า ราชายาเสพติดผู้นี้ได้ติดต่อกับนักแสดงและโปรดิวเซอร์หลายๆ ราย ถึงความเป็นไปได้ที่จะสร้างภาพยนตร์ประวัติชีวิตของเขา และเรื่องนี้เองที่ช่วยให้ฝ่ายบังคับใช้กฎหมายได้ร่องรอยใหม่ในการติดตาม และในที่สุดก็จับกุมราชายาเสพติดผู้มีชื่อฉาวโฉ่ที่สุดของโลกผู้นี้ได้สำเร็จ
ในข้อเขียนที่เผยแพร่โดยโรลลิ่งสโตนส์ เพนน์ก็ระบุว่ากุซมันมีความสนใจให้นำเอาชีวประวัติของเขาไปสร้างเป็นภาพยนตร์ เขากล่าวว่า กุซมันต้องการให้ดารานักแสดงหญิงชาวเม็กซิกัน เคต เดล กัสตีโญ ได้มีส่วนในโครงการนี้ด้วย
“เขามีความสนใจที่จะได้เห็นเรื่องราวชีวิตของเขาถูกบอกเล่าเป็นหนัง แต่จะยอมไว้วางใจให้บอกเล่าออกมาก็โดยผ่านเคตเท่านั้น” ข้อเขียนของเพนน์ระบุ
กุซมันเคยถูกจับกุมและถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุก 20 ปีที่เรือนจำซึ่งมีการรักษาความปลอดภัยระดับสูงสุดแห่งหนึ่ง แต่หลังจากรับโทษมาได้ 13 ปี เขาก็หลบหนีออกไปได้สำเร็จในปี 2001 โดยมีการเล่าขานกันว่าเขาแอบซ่อนออกมาในรถเข็นบรรทุกเสื้อผ้าซักรีด ถึงแม้เรื่องเล่านี้ถูกโต้แย้งอย่างมากมายว่าขาดเหตุผลสมจริง
เขาถูกจับกุมตัวอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2014 และถูกคุมขังที่เรือนจำอัลติปลาโน คุกที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยระดับสูงสุดซึ่งตั้งอยู่นอกกรุงเม็กซิโกซิตี แต่เขาก็หลบหนีไปได้สำเร็จในวันที่ 11 กรกฎาคม 2015 ผ่านทางอุโมงค์ใต้ดินความยาว 1.5 กิโลเมตร ซึ่งขุดเจาะกันอย่างประณีตและมีรูเข้าตรงบริเวณพื้นที่อาบน้ำในห้องขังของเขา
อัยการสูงสุดโกเมซบอกว่า ผู้ที่มีบทบาทสำคัญคนหนึ่งในการสร้างอุโมงค์ให้กุซมันใช้หลบหนี คือผู้นำพาฝ่ายเจ้าหน้าที่ไปจนถึงย่านพำนักอาศัยในเมืองลอสโมชิส และเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าจับตาบริเวณนั้นอยู่ 1 เดือน จนกระทั่งทีมงานสังเกตพบกิจกรรมมากมายในบ้านหลังที่ต้องสงสัยในวันพุธ (6) แล้วมีรถยนต์คันหนึ่งแล่นเข้าไปในช่วงเช้าวันพฤหัสบดี (7) ทางเจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่ากุซมันอยู่ในบ้านหลังนั้นแล้ว
โกเมซเล่าต่อว่า หน่วยนาวิกโยธินที่ถูกส่งตัวบุกเข้าไปต้องเปิดฉากยิงต่อสู้อย่างดุเดือดกับคนในบ้าน โดยฝ่ายผู้ต้องสงสัยตาย 5 ราย และนาวิกโยธินนายหนึ่งได้รับบาดเจ็บ นอกจากนั้นยังจับกุมผู้ต้องสงสยได้อีก 6 คน แต่ปรากฏว่ากุซมัน กับหัวหน้าองครักษ์ของเขาที่ชื่อ อิวาน กัสเตลัม สามารถหลบหนีไปได้โดยอาศัยระบบระบายน้ำ
พวกเขาโผล่ขึ้นมาทางช่องระบายน้ำของถนน และบังคับจี้ชิงรถยนต์ที่ผ่านไปมา อย่างไรก็ตาม นาวิกโยธินได้ติดตามเข้าไปทางระบบระบายน้ำ พวกเขาไล่กระชั้นชายทั้ง 2 โดยอาศัยรายงานแจ้งความรถถูกปล้นชิง และสามารถจับกุมกุซมัน กับกัสเตลัม ได้บนถนนสายนั้นเอง
ภายหลังการถูกจับกุม กุซมันถูกนำตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์กลับมาคุมขังที่เรือนจำอัลติปลาโนตามเดิม โดยที่มีรายงานว่า เม็กซิโกอาจจะยินยอมส่งตัวราชายาเสพติดผู้นี้ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อไปพิจารณาคดีในสหรัฐฯ
ท่าทีเช่นนี้นับว่าตรงกันข้ามกับในช่วงที่จับกุมกุซมันได้เมื่อปี 2014 ซึ่งรัฐบาลเม็กซิโกของประธานาธิบดีเอนริเก เปญา นิอาโต ระบุว่าต้องการให้ศาลยุติธรรมของประเทศเป็นผู้พิจารณาตัดสินลงโทษราชายาเสพติดผู้นี้เสียก่อน
เคซุส มูริโญ คารัม อัยการสูงสุดในตอนนั้นเคยแถลงว่า การส่งกุซมันไปยังสหรัฐฯ ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อกุซมันเสร็จสิ้นการรับโทษจำคุกในเม็กซิโกเป็นเวลา “300 หรือ 400 ปีเสียก่อน”