รอยเตอร์/เอเอฟพี - เจ้าชายมูฮัมหมัดบินซัลมาน รองมกุฎราชกุมารของซาอุดีอาระเบีย ยอมรับในวันพฤหัสบดี (7 ม.ค.) ว่าสงครามระหว่างประเทศของพระองค์กับอิหร่านจะเป็นจุดเริ่มแห่งหายนะ และริยาดจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสองชาติยังลุกลาม ล่าสุดเตหะรานจ่อยื่นประท้วงต่อยูเอ็น กล่าวหาซาอุดีอาระเบียจงใจทิ้งระเบิดใส่สถานทูตของพวกเขาในเยเมน
หนังสือพิมพ์อีโคโนมิสต์อ้างคำสัมภาษณ์ของ เจ้าชายมูฮัมหมัดบินซัลมาน รองมกุฎราชกุมารของซาอุดีอาระเบีย ที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (7 ม.ค.) ว่า “มันเป็นอะไรที่เราไม่อยากคาดการณ์ล่วงหน้า แต่ใครก็ตามที่พยายามผลักดันให้มันมุ่งสู่ทางนั้น คงต้องเป็นคนที่ไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดี”
เจ้าชายซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตรัสต่อว่า พระองค์ทรงกังวลพระทัยที่เห็นสหรัฐฯ แสดงบทบาทน้อยมากในตะวันออกกลาง “สหรัฐฯ ต้องตระหนักว่าพวกเขาเป็นหมายเลข 1 ของโลก และพวกเขาจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเบอร์ 1 ของโลกด้วย”
คำสัมภาษณ์ของพระองค์มีขึ้นในขณะที่ความตึงเครียดระหว่างชาติมหาอำนาจของชาวมุสลิมนิกายชีอะห์อย่างอิหร่าน กับชาติมหาอำนาจของชาวมุสลิมนิกายสุหนี่อย่างซาอุดีอาระเบีย กำลังร้าวฉาน ภายหลังจากริยาดประหารชีวิตนักการศาสนาชาวชีอะห์คนสำคัญ และมีชาวอิหร่านบุกเข้าโจมตีสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลของซาอุดีอาระเบีย จากนั้นริยาดก็ประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับเตหะราน รวมทั้งระงับเที่ยวบินติดต่อระหว่างกัน
พันธมิตรหลายชาติของซาอุดีอาระเบีย ในนั้นรวมถึงบาห์เรน, ซูดาน, จิบูตี, โซมาเลีย เดินตามรอยริยาดตัดความสัมพันธ์กับอิหร่านเช่นกัน ขณะที่วิกฤตระหว่างมุสลิมสุหนี่กับชีอะห์ในตะวันออกกลางคราวนี้กระพือความกังวลแก่นานาชาติเป็นอย่างยิ่ง
ในวันพฤหัสบดี (7 ม.ค.) ความขัดแย้งระหว่างสองฝ่ายยิ่งสาหัสขึ้นไปอีก เมื่ออิหร่านอ้างว่าเครื่องบินรบซาอุดีอาระเบียได้โจมตีสถานเอกอัครราชทูตของตนในเมืองหลวงเยเมน ขณะเดียวกันก็ประกาศห้ามนำเข้าสินค้าจากซาอุดีอาระเบีย กระตุ้นให้ชาวซาอุดีฯ หลายกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องคว่ำบาตรสินค้าเตหะรานเป็นการตอบโต้
“ซาอุดีอาระเบียต้องเป็นผู้รับผิดชอบสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอาคารสถานเอกอัครราชทูตและการบาดเจ็บของเจ้าหน้าที่บางคนของทางสถานทูต” รายงานข่าวของไออาร์ไอบี สถานีโทรทัศน์ช่องข่าวของทางการอิหร่าน อ้างอิงคำแถลงของ จาเบอร์ อันซารี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน
ทางด้าน พลจัตวา อาเหม็ด อัสเซรี โฆษกของกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยซาอุดีฯ แถลงว่า เครื่องบินของฝ่ายตนได้เข้าถล่มโจมตีอย่างหนักหน่วงในกรุงซานาเมื่อคืนวันพุธ (6) โดยมุ่งเล่นงานเครื่องยิงจรวดซึ่งกองกำลังอาวุธฝ่ายฮูตีใช้ยิงเข้าไปในดินแดนซาอุดีอาระเบีย สำหรับข้อกล่าวหาของอิหร่านนั้น ทางกลุ่มพันธมิตรจะดำเนินการสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริง โดยที่เขากล่าวด้วยว่า เท่าที่ผ่านมาพวกฮูตีมักใช้อาคารสถานที่ของพลเรือนในการโจมตี ซึ่งก็รวมถึงพวกสถานทูตต่างๆ ซึ่งถูกทิ้งร้าง
ในเรื่องนี้ อิหร่านเปิดเผยในวันพฤหัสบดี (7 ม.ค.) ว่าพวกเขาจะยื่นประท้วงต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หลังกล่าวหาเครื่องบินรบของซาอุดีอาระเบียจงใจทิ้งระเบิดใส่สถานทูตของพวกเขาในเมืองหลวงของเยเมน ระหว่างปฏิบัติการโจมตีทางอากาศโจมตีกบฏฮูตีที่หนุนหลังโดยเตหะราน ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่เดือนมีนาคมปีก่อน
“ระหว่างการโจมตีทางอากาศของซาอุดีอาระเบียในกรุงซานา มีจรวดตกลงใกล้สถานทูตของเรา เคราะห์ร้ายที่หนึ่งในเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเราได้รับบาดเจ็บสาหัส” ฮุสเซน อามีร์ อับดอลลาเฮียน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวไออาร์เอ็นเอ “เราจะแจ้งต่อคณะมนตรีความมั่นคงฯ ถึงรายละเอียดของการโจมตีนี้ภายในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ซาอุดีอาระเบียต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของคณะผู้แทนทูตของเราและสถานทูตของเราในซานา”
บาห์เรน พันธมิตรของซาอุดีอาระเบีย แถลงเมื่อวันพุธ (6 ม.ค.) ว่า ได้ทำลายเครือข่ายก่อการร้ายหนึ่งที่มีความเชื่อมโยงกับกองกำลังปฏิบัติอิหร่านและนักรบฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนที่เตหะรานสนับสนุน ซึ่งวางแผนโจมตีด้วยระเบิดหลายระลอก
อย่างไรก็ตาม อับดอลลาเฮียนปฏิเสธคำกล่าวหาของบาห์เรน โดยระบุว่า “แน่นอนว่าเรื่องราวที่ปั้นแต่งขึ้นมานี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับอิหร่านเลย” เขากล่าว