รอยเตอร์ - ทำเนียบนายกรัฐมนตรีอังกฤษเปิดเผยในวันพุธ (23 ธ.ค.) ว่าพวกเขากำลังตรวจสอบกรณีสมาชิกครอบครัวมุสลิม 11 คนไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นเครื่องบินจากลอนดอนไปยังลอสแองเจลิสเพื่อเที่ยวดิสนีย์แลนด์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่นานหลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องห้ามมุสลิมเดินทางเข้าอเมริกา
ครอบครัวชาวมุสลิมที่ประกอบด้วยผู้ใหญ่ 2 คน และเด็กๆ 9 คน ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของสหรัฐฯ ว่าพวกเขาถูกเพิกถอนสิทธิในการเดินทาง ระหว่างที่นั่งรออยู่บริเวณห้องรับรองผู้โดยสารขาออก ณ สนามบินแกตวิค เมื่อช่วงค่ำวันอังคาร (22 ธ.ค.)
พวกเขาบอกว่าได้รับอนุมัติคำขออนุญาตเดินทางทางออนไลน์เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน และก็ไม่ได้รับคำชี้แจงใดๆ เกี่ยวกับการกลับลำในนาทีสุดท้ายของทางเจ้าหน้าที่อเมริกา
สเตลลา เครียซีย์ ผู้แทนจากพื้นที่ทางเหนือของลอนดอน ซึ่งเป็นถิ่นพักอาศัยของครอบครัวนี้ เผยว่า เธอได้เรียกร้องไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีของนายคาเมรอนให้ช่วยหาทางออกในกรณีนี้
เธอบอกกับสกายนิวส์ว่า “ไม่ใช่แค่ทางครอบครัวเองที่รู้สึกฉุนเฉียว แต่ความว่างเปล่าที่เกิดจากการปฏิเสธให้คำอธิบายใดๆ เกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งนี้ ยังโหมเชื้อความไม่พอใจและกระพือประเด็นโต้เถียงขึ้น”
ส.ส.รายนี้ชี้ว่ามันอาจเป็นเพราะมีความหวาดกลัวมากขึ้นต่อชาวมุสลิมอังกฤษ ตามหลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตัวแทนพรรครีพับลิกันลงสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ให้ห้ามมุสลิมทุกคนเดินทางเข้าแผ่นดินอเมริกา
ด้านโฆษกของนายคาเมรอนบอกว่า “เรากำลังตรวจสอบในประเด็นนี้ และท่านนายกรัฐมนตรีจะตอบเรื่องนี้ในเวลาที่เหมาะสม”
สำนักศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในลอนดอน ว่า “ศาสนา ศรัทธา และความเชื่อด้านจิตวิญญาณของนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศไม่ได้เป็นปัจจัยที่จะใช้สรุปว่าจะอนุญาตให้บุคคลนั้นๆ เดินทางเข้าประเทศหรือไม่”
“ผู้ยื่นขออนุญาตมีภาระพิสูจน์เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีคุณสมบัติชัดเจนในการเดินทางเข้าสหรัฐฯ” สำนักศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐฯ กล่าว “เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาควรได้รับอนุญาต ผู้ยื่นความจำนงก็ต้องเอาชนะเหตุผลต่างๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาต”