เอเจนซีส์ – หลังจากนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน บอริส จอห์นสัน (Boris Johnson) ออกมาเรียกร้องให้มีการยกเลิกพาสปอร์ตโดยอัตโนมัติสำหรับพลเมืองอังกฤษที่เดินทางไปร่วมรบในซีเรีย หรืออิรัก ทำให้ล่าสุดรัฐบาลนอร์เวย์มีแนวคิดจะถอนสัญชาติพลเมืองที่เข้าร่วมสงครามก่อการร้ายในต่างแดนเพื่อส่งสัญญาณให้ คนเหล่านั้นรับรู้ถึงมาตรการต่อต้านก่อการร้ายที่จริงจังของ และล่าสุด ข่าวกรองมาเลย์ยืนยัน กระแส “ญิฮัดสวาท”(Jihad al-Nikah) เริ่มได้รับความนิยมในหมู่หญิงมุสลิมมาเลย์ และพบพลเมืองจากอังกฤษ ออสเตรเลีย และมาเลเซีย เดินทางเข้าไปในอิรักเพื่อทำหน้าที่ “หญิงบำเรอความสุขทางเพศ” ให้กับเหล่านักรบญิฮัด IS
สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้(27)ว่า รัฐบาลนอร์เวย์ถือเป็นรัฐบาลล่าสุดที่มีแนวคิดจะเพิกถอนสัญชาติพลเมืองชาวนอร์เวย์ที่เดินทางไปร่วมรบกับกลุ่มมุสลิมติดอาวุธในต่างแดน โดยหวังต้องการส่งสัญญาณให้กลุ่มคนเป้าหมายคิดก่อนที่จะเดินทางออกนอกประเทศ ทั้งนี้นอกจากอังกฤษ และฝรั่งเศสที่มีชุมชนมุสลิมขนาดใหญ่ กลุ่มประเทศนอร์ดิก เช่น นอร์เวย์ สวีเดน มีพลเมืองมุสลิมเป็นจำนวนมากเช่นกัน
การประกาศล่าสุดของนอร์เวย์มีขึ้นหลังจากนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน บอริส จอห์นสัน (Boris Johnson) ออกมาเรียกร้องให้มีการยกเลิกพาสปอร์ตโดยอัตโนมัติสำหรับพลเมืองอังกฤษที่เดินทางไปร่วมรบในซีเรีย หรืออิรัก และในการส่งเสียงตอบรับที่สอดคล้องกับจอห์นสัน Solveig Horne รัฐมนตรีกระทรวงเด็กและความเท่าเทียมแห่งนอร์เวย์ กล่าวว่า รัฐบาลนอร์เวย์จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้พลเมืองชาวนอร์เวย์กลายเป็นนักรบญิฮัด โดย Horne ให้สัมภาษณ์กับสื่อ เดอะ โลคอลว่า “ทางรัฐบาลนอร์เวย์จะเริ่มต้นหารือถึงร่างกฏหมายการถอนสัญชาติสำหรับพลเมืองที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างหนักต่อผลประโยชน์ของนอร์เวย์ หรือคนที่อาสาไปรบให้กับกองทัพต่างชาติ และนี่เป็นการส่งสัญญาณครั้งใหญ่ให้กับผู้ต้องการร่วมขบวนการก่อการร้าย”
และนอกจากนอร์เวย์ เดนมาร์ก และเนเธอร์แลนด์ต่างสนใจในมาตรการถอนสัญชาติเช่นกัน
ในต้นสัปดาห์นี้จอห์นสัน ที่รับผิดชอบสก็อตแลนด์ยาร์ด ได้ออกมาเรียกร้องรัฐบาลอังกฤษให้แก้ปัญหาพลเมืองอังกฤษเดินทางไปตะวันออกกลางเพื่อร่วมก่อการร้าย โดยจอห์นสันเสนอมาตรการให้ยกเลิกพาสปอร์ตพลเมืองอังกฤษที่เดินทางเข้าไปในซีเรีย และอิรักทันที โดยถือว่าใครก็ตามที่ประสงค์เดินทางเข้าประเทศทั้งสองโดยไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบล่วงหน้า จะถือว่าต้องการเข้าร่วมก่อการร้าย
การแนวคิดการตอบโต้ทั้งหลายนี้เกิดขึ้นหลังจากคลิปตัดหัวนักข่าวอเมริกัน เจมส์ โฟลีย์ ที่ผู้สังหารคาดว่าจะเป็นนักรบญิฮัดชาวอังกฤษ ภายใต้ชื่อ “จอห์น”
อย่างไรก็ตามริชาร์ด บาร์เรตต์ ( Richard Barrett) อดีตผู้อำนวยการ MI6 ให้ความเห็นว่าภัยจาก IS ต่ออังกฤษ “ยังไม่ยืนยัน” และมาตรการตอบโต้ใดๆที่จะนำมาใช้ต้องได้รับการศึกษาอย่างถี่ถ้วนก่อน และสอดคล้องกับความเห็นของรองนายกรัฐมนตรีอังกฤษนิก เคลกก์ (Nick Clegg) ยืนยันว่า ร่างกฎหมายต่อต้านก่อการร้ายจากนักรบญิฮัดชาวอังกฤษที่เดินทางกลับมาจากตะวันออกกลางจะไม่ช่วยทำให้ภัยจาก IS ลดลง
ในขณะที่ IBT รายงานเมื่อวานนี้(27) ถึง “ “ญิฮัดสวาท” (Jihad al-Nikah) ที่บรรดาพลเมืองสตรีจากอังกฤษ ออสเตรเลีย และมาเลเซียเดินทางเข้าไปในอิรักเพื่อให้ความสุขทางเพศกับเหล่านักรบญิฮัด IS ถือเป็นปรากฏการณ์ล่าสุด
แหล่งข่าวกรองมาเลเซียในกรุงกัวลาลัมเปอร์ยืนยันว่า มีหญิงมาเลย์อย่างน้อย 3 รายเดินทางไปยังสาธารณรัฐอิสลาม (IS) อาณาจักรตั้งใหม่โดยคอลิฟะห์ของกลุ่ม IS ที่กินบริเวณตั้งแต่ซีเรียไปจนถึงอิรัก และเปิดเผยต่อว่า 1 ใน 3 ของหญิงมาเลย์กลุ่มนี้อยู่ในวัย 30 และอีก 2 คนอยู่ในวัย 40
กระแสการทำ“ญิฮัดสวาท”นี้แต่แรกเริ่มแพร่หลายเฉพาะในบริเวณการปะทะ เช่น ซีเรีย และอียิปต์ ที่ทั้งสองประเทศนี้ยังไม่มีสเถียรภาพทางการเมือง โดยในช่วงนั้น เชื่อกันว่าหญิงเหล่านี้ใช้ร่างกายของเธอเพื่อบำเรอสุขทางกามอารมณ์ให้กับเหล่าสมาชิกมุสลิมติดอาวุธเพื่อให้มีขวัญและกำลังใจดี
“เชื่อกันว่า หญิงเหล่านี้ได้เสนอร่างกายของพวกเธอต่อเหล่านักรบญิฮัดที่พยายามสร้างสาธารณรัฐอิสลามใหม่ภายใต้การปกครองของคอลิฟะห์ในตะวันออกกลาง และถึงแม้“ญิฮัดสวาท” จะมีหลักการดูล่อแหลม แต่ทว่าเริ่มเป็นกระแสนิยมเพราะบรรดาผู้หญิงมุสลิมในมาเลเซียต่างล้วนเห็นใจ IS ทั้งนั้น” แหล่งข่าวกรองมาเลย์ เผยกับมาเลเซียนอินไซด์ และเสริมต่อว่า จากข้อมูลข่าวกรองที่ทางมาเลย์รับมาจากอังกฤษและออสเตรเลีย พบว่า พลเมืองสตรีจากอังกฤษและออสเตรเลียล้วนเดินทางไปอิรักเพื่อทำหน้าที่บำเรอสุขให้กับนักรบญิฮัด IS ทั้งสิ้น
มีพลเมืองอังกฤษอย่างน้อย 600 คน รวมถึงผูหญิงชาวอังกฤษอีกจำนวนเล็กน้อยอยู่ที่เขตอิทธิพล IS ในอิรัก และซีเรีย “ตัวเลขนี้รวมถึงหญิงมุสลิมอังกฤษที่ไม่ได้ทำหน้าที่ในการรบในแนวหน้า แต่ทำหน้าที่บำเรอสุขในแนวหลัง และข่าวกรองออสเตรเลียเปิดเผยว่า มีชาวมุสลิมออสเตรเลียจำนวนมากกว่า 100 คนต่อสู้ร่วมกับ IS ในซีเรีย” แหล่งข่าวกรองมาเลย์ให้สัมภาษณ์ตบท้าย
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า กลุ่มมุสลิมติดอาวุธสุหนี่ได้เรียกร้องให้ผู้หญิงชาวโมซุลทำ “ญิฮัดสวาท” ให้กับเหล่านักรบ IS ที่ต้องทำการสู้รบ