เอพี - สื่อต่างประเทศงงผลโพลที่อ้างว่ามีประชาชนชาวไทยมากถึง 99 เปอร์เซ็นต์ที่พอใจผลงานของรัฐบาลทหารนับตั้งแต่ก่อรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อปีที่แล้ว พร้อมเปรียบเทียบแรง โดยระบุว่าเป็นรูปแบบผลสำรวจความคิดเห็นที่สามารถพบเห็นในเกาหลีเหนือหรืออิรักในยุคของซัดดัม ฮุสเซน
สำนักข่าวเอพีรายงานในวันพุธ (23 ธ.ค.) ว่า คณะผู้ปกครองทหารของไทยซึ่งไล่ล่าพวกนักวิจารณ์อย่างกระตือรือร้น จำคุกพวกที่พยายามจัดการประท้วง จุดเทียนหรือแม้แต่กดไลก์ในเฟซบุ๊ก ได้เผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นหนึ่งออกมาในวันอังคาร (22 ธ.ค.) โดยระบุชาวไทยจำนวนมากพอใจผลงานของพวกเขา
เอพีระบุว่าอ้างคำแถลงของ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล ระบุว่าผลสำรวจนี้ที่จัดทำโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบมีผู้ตอบแบบสอบถามถึง 98.9 เปอน์เซ็นต์พอใจและมั่นใจผลงานของรัฐบาล อย่างไรก็ตามเขาไม่เปิดเผยถึงรูปแบบและขอบเขตความคลาดเคลื่อนของผลสำรวจ โดยบอกแต่เพียงว่าเป็นการสอบถามความคิดเห็นของประชาชน 2,700 คน ระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน ถึง 4 ธันวาคม
อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ตอบแบบสอบถามและวันที่ตอบแบบสอบถามในการสำรวจนั้นต่างกันออกไปแล้วแต่แหล่งข่าวรัฐบาล
ด้าน พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า มีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนกว่า 7,000 คนในช่วงต้นเดือนธันวาคม ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่าได้สอบถามความคิดเห็นของประชาชน 3,900 คนตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน ถึง 10 พฤศจิกายน ผลปรากฏว่ามีถึง 98.6 เปอร์เซ็นต์ที่พึงพอใจผลงานของรัฐบาล
เอพีตั้งข้อสงสัยถึงตัวเลขที่สับสนของจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามและผลสำรวจที่ออกมา โดยระบุว่าเบื้องต้นยังไม่มีคำอธิบายในเรื่องดังกล่าว
รายงานของเอพีระบุว่า ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ตกอยู่ท่ามกลางความแตกแยกทางการเมืองมากกว่า 1 ทศวรรษ และมีสัญญาณเพียงเล็กน้อยว่าบาดแผลเหล่านั้นได้รับการเยียวยานับตั้งแต่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก้าวสู่อำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการแต่งตั้งในเดือนพฤษภาคม 2014
เอพีระบุว่า แม้รัฐบาลอ้างว่าพวกเขาเป็นที่นิยมของประชาชน แต่ พลเอก ประยุทธ์ก็ยอมรับระหว่างแถลงผลงานรอบ 1 ปีว่าความแตกแยกนั้นยังคงอยู่ ขณะที่คณะรัฐประหารถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ากำลังพาไทย ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้นำด้านประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก้าวถอยหลัง
สื่อต่างประเทศแห่งนี้อ้างข้อมูลขององค์กรสิทธิมนุษยชนฮิวแมนไรต์วอชต์ที่ระบุว่า คณะผู้ปกครองทหารนำพาสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของไทยดำดิ่ง “คณะรัฐประหารจำกัดสิทธิเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุม รวมถึงสกัดผู้เห็นต่างด้วยการควบคุมตัวนักวิชาการ นักการเมือง สื่อมวลชน และคนอื่นๆ ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์หลายร้อยคน พวกเขาถูกส่งไปยังค่ายทหารที่เรียกว่าปรับทัศนคติ และจะถูกปล่อยตัวออกมาก็ต่อเมื่อลงนามในข้อตกลงว่าจะไม่ส่งเสียงขัดขืนอีก”