เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันลอนดอนทรุดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี เมื่อวันจันทร์ (21 ธ.ค.) ยังอยู่ภายใต้ความกังวลอุปทานล้นตลาด ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกจากแรงช้อนซื้อของนักลงทุน ขณะที่ทองคำพุ่งแรง หลังดอลลลาร์อ่อนค่า
น้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 51 เซ็นต์ ปิดที่ 36.35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากช่วงหนึ่งขยับลงไปแตะ 36.04 ดอลลาร์ ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2004 ส่วนเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 1 เซ็นต์ ปิดที่ 34.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังขยับลงไปแตะ 33.98 ดอลลาร์ ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ 13 กุมภาพันธ์ 2009
ราคาน้ำมันยังคงปิดลบต่อเนื่องท่ามกลางภาวะอุปทานล้นตลาดที่ไม่มีแววคลี่คลาย โดยข้อมูลเมื่อวันศุกร์ (18 ธ.ค.) พบว่า มีแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ ปฏิบัติการเพิ่มขึ้น ซ้ำเติมความกังวลว่ากำลังผลิตของประเทศแห่งนี้จะยังสูงลิ่วต่อไป
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (21 ธ.ค.) เริ่มต้นสัปดาห์คริสต์มาสพุ่งแรงอย่างผิดปกติวิสัย จากแรงช้อนซื้อในช่วงบ่ายของการซื้อขาย หลังจากสัปดาห์ที่แล้วดัชนีหลักทั้ง 3 ขยับลงค่อนข้างหนัก
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 123.07 จุด (0.72 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17.251.62 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 15.60 จุด (0.78 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,021.15 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 45.84 จุด (0.93 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,968.92 จุด
“คุณกำลังเห็นการช้อนซื้อเพื่อเก็งกำไรในช่วงท้ายปี” ริก เมกเลอร์ ประธานลิเบอร์ตีวิวแคปิตอล แมนเนจเมนต์ กล่าว พร้อมระบุว่า หุ้นกลุ่มภาคการเงินดูมีราคาถูกไปเลย เนื่องจากเหล่าธนาคารต่างๆ น่าจะได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ เฟดแถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ
ด้านราคาทองคำในวันจันทร์ (21 ธ.ค.) ปิดสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ จากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 15.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,080.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์+
