รอยเตอร์ - ทางการฟิลิปปินส์ประกาศปิดโรงเรียน ระงับเรือโดยสารข้ามฟาก และเตือนชาวประมงงดออกจากฝั่งชั่วคราววันนี้ (14 ธ.ค.) หลังอิทธิพลของไต้ฝุ่นเมอโลร์ (Melor) ซึ่งทวีความรุนแรงเป็นไต้ฝุ่นระดับ 3 เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาเริ่มทำให้เกิดฝนตกหนักตลอดแนวชายฝั่งตะวันออก จนอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม
สำนักอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า ไต้ฝุ่นเมอโลร์ หรือ “โนนา” (Nona) ในภาษาท้องถิ่น อยู่ห่างจากเกาะซามาร์ของฟิลิปปินส์ไปทางตะวันออกราว 205 กิโลเมตร และได้ทวีความรุนแรงจากระดับ 2 เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางประมาณ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
คาดว่าพายุลูกนี้จะเคลื่อนตัวผ่านหมู่เกาะตอนกลางของแดนตากาล็อก เช่นเดียวกับ “ไห่เยี่ยน” ซูเปอร์ไต้ฝุ่นที่มีความรุนแรงถึงระดับ 5 และซัดถล่มฟิลิปปินส์เมื่อปลายปี 2013 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตหรือสูญหายเกือบ 8,000 คน
ไต้ฝุ่นเมอโลร์เริ่มทำให้เกิดฝนตกในจังหวัดซอร์ซอกอน (Sorsogon) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะลูซอนตั้งแต่เมื่อคืนนี้ โดยทางการได้สั่งปิดโรงเรียนและสำนักงานรัฐบาลบางแห่ง รวมถึงสั่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยง
หน่วยยามฝั่งสั่งระงับบริการเรือข้ามฟาก และให้ชาวประมงงดออกเรือบริเวณตอนกลางของฟิลิปปินส์ ทำให้มีผู้คนตกค้างอยู่ตามท่าเรือต่างๆ ราว 8,000 คน
“เมอโลร์เป็นไต้ฝุ่นที่มีลักษณะกระจุกตัว จึงไม่น่าจะก่อความเสียหายเป็นบริเวณกว้างจากศูนย์กลางมากนัก” อดัม ดูตี นักอุตุนิยมวิทยาจากเว็บไซต์ AccuWeather ระบุ พร้อมย้ำเตือนว่า “แม้ไต้ฝุ่นเมอโลร์จะไม่ซัดถล่มชายฝั่งด้วยอานุภาพระดับซูเปอร์ไต้ฝุ่นอย่างที่เกรงกันไว้ แต่ก็อาจก่ออันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้”
อเล็กซานเดอร์ ปามา ผู้อำนวยการสภาจัดการและบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติฟิลิปปินส์ เตือนว่าไต้ฝุ่นเมอโลร์อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ดินถล่ม และคลื่นพายุซัดฝั่งสูงถึง 4 เมตร และอาจสร้างความเสียหายต่อระบบจ่ายไฟฟ้าและการสื่อสาร
ทางการฟิลิปปินส์ได้ประกาศเตือนภัยพายุในพื้นที่ 20 จังหวัดรวมถึงกรุงมะนิลา โดยขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากลมกระโชกแรง และปริมาณน้ำฝนที่อาจมากถึง 300 มิลลิเมตร (12 นิ้ว) ภายในรัศมี 300 กิโลเมตรจากศูนย์กลางไต้ฝุ่นเมอโลร์